อ่านเรื่องผี | วิศวกรเจอผีตอนคุมงานใน “ห้างดัง..ใจกลางกทม.”
เคยอ่านเรื่องผีเรื่องนี้รึยัง? เรื่องเล่าผีจากรายการวิทยุชื่อดัง ประสบการณ์โดยตรงของ “คุณภาคิณ” วิศวกรหนุ่มที่มักจะต้องเดินทางไปที่ต่างๆเพื่อคุมงานสร้าง และต้องเจอกับเรื่องราวชวนขนลุก และเรื่องราวในครั้งนี้ผ่านมาเพียง 2 ปีเท่านั้น เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ภาคิณไปคุมงานสร้างอะไรบางอย่างให้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร ท๊ซึ่งเอ่ยชื่อไปจะต้องรู้จักทุกคน กับประสบการณ์สยองที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอในที่ๆมีผู้คนพลุกผล่าน โดยให้ชื่อเรื่องว่า “ครั้งเดียวไม่เคยพอ”
อ่านเรื่องผี ประสบการณ์ทำงานที่เจอผีคืนแล้วคืนเล่า…ในห้างดังกลางกรุง
เรื่องเล่าผีเรื่องนี้มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อกุมภาพันธ์ปี 2559 ผมได้รับคำสั่งให้ไปเริ่มโครงการสร้างแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งย่านใจกลางกรุงเทพ พูดเลยว่าแลนด์มาร์คแห่งนี้..หากบอกโลเคชั่นไปนี่ รู้จักกันทุกคนแน่นอน โดยเจ้าของงานก็จะเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งชื่อดังมากๆ เนื่องจากว่าสิ่งที่กำลังจะสร้างเนี่ยอยู่กลางถนน เจ้านายผมต้องการให้มีออฟฟิศสำหรับสายงานก่อสร้าง ก็เลยได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้าของงานว่า เค้ามีอาคารจอดรถอยู่ในพื้นที่ห้างของเค้าเป็นตึก 10 ชั้น โดยผมก็เข้าไปติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ผมก็เอาแผนงานไปแจ้งเค้าว่า..จะทำงาน 4 วันไม่เกิน 5 วัน ต่อสัปดาห์
โดยอาคารนี้เป็นอาคารสาฐารณะ ซึ่งเค้าจะอนุญาตให้ใช้ทำออฟฟิศได้ตั้งแต่ชั้นที่ 8 เป็นต้นไป ซึ่งเดิมทีจะมีห้างนึงในเครือของเค้าอินโนเวท ก็จะมีบริษัทนึง มีชื่อและใหญ่ เค้าก็จะจองไว้ชั้น 9 ถึงชั้น 10 ทำเป็นพวกสโตร์ ของผมก็จะได้เป็นพื้นที่อีกโซนนึงซึ่งห่างเค้าพอสมควร ข้อที่ 2 เงื่อนไขเค้าคือต้องเริ่มทำงานหลังห้างปิดตั้งแต่ 23.00 และไม่เกิน 4.00น. และจากที่หัวหน้าผมบอกว่าทางผู้ใหญ่เค้าจะให้มีคนของเค้าเฝ้าระวังความปลอดภัยตลอดเวลาทำงาน โดยเวลาที่ผมจะทำงานก็จะโทรแจ้งเค้าล่วงหน้า ข้อสุดท้ายคือห้างเนี้ยนะครับจะมีทางยาวประมาณ 200 เมตร เป็นลิฟต์ 2 ฝั่ง ฝั่งละ 4 ตัว ตอนกลางคืนจะใช้ได้แค่ 2 ตัว ส่วนห้องน้ำเนี่ยไม่มีจะใช้ต้องลงไปข้างล่าง แล้วอย่างที่บอกผมวางแผนไว้ประมาณ 10 วัน วันแรกผมเข้าไปตอนสี่ทุ่มครึ่ง ผมต้องนัดทีมงานจะทำผนังออฟฟิศผมเนี่ยตอนห้าทุ่มครึ่ง ผมก็เข้าไปล่วงหน้า ก็กะว่าจะไปประสานงานล่วงหน้า
วันนั้นตอนผมไปชั้นหนึ่งก็ยังมีคนจอแจอยู่ เพราะ ห้างเพิ่งปิดก็ยังพอมีคนบ้าง จู่ๆก็ได้กินธูปจนมองไปก็เห็นเป็นโต๊ะบูชาอยู่อีกฝั่งหนึ่งของตึก เป็นเหมือนเครื่องเซ่น คือเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะว่าไปทำงานห้างก็จะเจอเรื่องไหว้เรื่องอะไรแบบนี้ ก็เป็นปกติ จริงๆใจก็คิดบ้างว่าเออจะเจอผีรึเปล่า เพราะขึ้นไป เพราะขึ้นไปชั้นบนก็ปรากฎว่าก็ไม่เห็นใครเลย ตรงนั้นบรรยากาศออกจะสลัวๆเพราะเค้าจะเปิดไฟแบบ 2 ดวงเว้น 1 ดวง ก็เลยกะว่าจะโทรติดต่อประสานงานเจ้าหน้าที่เขาว่ามาถึงแล้ว เค้าก็ถามว่า “ตอนเนี่ยน้องอยู่ไหน” ผมก็บอกไปว่า “ตอนนี้อยู่ชั้น 10 แล้ว” เค้าก็ถามต่อไปว่า “แล้วตอนนี้อยู่กับใคร” ก็บอกว่าอยู่คนเดียวเดี๋ยวทีมงานจะตามมาอีกประมาณ 10 นาที เขาพูดคำเดียวเลยว่า “หูยยยย” แบบตอนแรกก็งงว่าทำไมอะไรยังไง แล้วเค้าก็บอกว่า “เอองั้นเดี๋ยวผมจะรีบตามขึ้นไปแล้วกัน” ก็นั่งรอไปจนกระทั่ง 20 นาทีลูกน้องผมก็ตามมาบางคน ส่วนทีมงานเนี่ยตอนแรกมาก็ตกใจนะ เค้าจะมาด้วยรถกอล์ฟ รถกอล์ฟเนี่ยปกติก็จะนั่งได้ประมาณสองคน แต่นี่กลับมากันห้าคนนะครับ ทีแรกผมก็คุยเรื่องงานไปว่า อ่าอยากได้แบบนี้นะอะไรงี้ แล้วก็พูดแซวเขาว่า “โห เออพี่ไมมากันเยอะจังอ่ะ” เขาพูดมาคำเดียวที่ทำให้ผมจำขึ้นใจได้เลยคือ “มาเยอะๆอ่ะดีแล้ว อุ่นใจดี” จนกระทั่งเริ่มงานวันที่หนึ่งวันที่สองก็ดีนะครับ แต่ที่น่าสงสัยคือไม่มีเจ้าหน้าที่หรือใครอยู่เลย คือแบบห้าทุ่มจนตีสามก็ยังไม่มีใครมาดู ทั้งๆที่แบบทางผู้ใหญ่เค้าเน้นมาว่าจะต้องมีคนคอยอยู่ดูนะ เพราะว่างานก่อสร้างเนี่ยมันก็จะมีแบบมีงานเชื่อมบ้างอะไรบ้าง ซึ่งด้วยความที่มันเป็นอาคารสาธารณะเนี่ย ถ้ามันเกิดเพลิงไหม้ขึ้นอะไรเงี้ยมันก็จะสร้างความเสียหายมาก ตรงนี้เราก็จะเข้าใจกัน
พอเข้าวันที่ 3 แล้วคืองานมันใกล้จะเสร็จแล้ว คือคืนนั้นก็แบบล้า ซึ่งงานเนี่ยมันก็จะเหลือแค่ติดกระจกหน้าต่างอะไรเนี่ย ผมก็เลยกะว่าอ่ะ นอนซักหน่อยหน้าออฟฟิศที่ก่อสร้างนั่นแหละ จู่ๆมันก็รู้สึกตัวครับเหมือนมีคนมาเขย่าขา พอลืมตาขึ้นมาเนี่ยก็เห็นคนงานสามคน แต่มันแปลกอยู่อย่างนึงคือคนงานเนี่ย ใส่หมวกกระต๊อบ เป็นหมวกสานเหมือนคนหาบขายไข่ปิ้ง ซึ่งผมมั่นใจว่าคนงานของทางบริษัทเนี่ยเป็นไปไม่ได้ที่จะใส่แบบนี้ เพราะเป็นมาตรฐานใหม่ที่คนงานจะต้องใส่เสื้อมีแถบสะท้อนแสง หมวกเซฟตี้ คือเค้าแต่งตัวเหมือนเป็นคนงานยุคเก่ารู้สึกตัวตื่นมาก็มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นลูกน้องผมแปดคนที่ติดตั้งประตูหน้าต่างอยู่ ส่วนตัวผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับเค้านะ ก็โทรถามลูกน้องว่าเออ สร้างออฟิศเสร็จแล้วเหรอ แล้วทำไมไม่ปลุกผมเนี่ย ลูกน้องก็ว่าเห็นช่างหลับสบาย ก็เลยถามต่อไปว่า เออ…แล้วทำงานเสร็จแล้วเหรอ เท่าที่ผมดูเนี่ย เหมือนงานมันไม่ค่อยเรียบร้อยนะ เค้าก็บอกโอเคเดี๋ยวไปเก็บงานให้ แต่…เค้าขอร้องว่าขอไปเก็บให้ตอนกลางวันเท่านั้นนะ คือคนงานเนี่ยผมก็จะจ้างผู้รับเหมาภายนอกมาน่ะนะครับ ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
พอวันที่ 4 ตอนกลางวันเนี่ย ก็จะเป็นผมกับลูกน้องบริษัทผมละ ที่จะขนโต๊ะสำนักงานอะไรขึ้นไป ผมก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เค้า แต่เค้าก็ไม่ยอมให้ขึ้นมากลางวัน ต้องไปใช้ลิฟต์ขนของซึ่งมันตั้งอยู่ที่ชั้น 9 ตอนที่ใช้ลิฟท์อยู่เนี่ย ก็มีลุงรปภ.คนนึงเข้ามาดู ผมก็คุยกับแกว่าเนี่ย มีคนงานเจอเหตุการณ์แบบนั่นนี่มา แกก็ว่า อ๋อ ปกติเจอกันบ่อย ก็เป็นคนงานที่เคยสร้างตึกนี้มาแหละ แล้วเสียชีวิต ลุงก็ถามาว่า เจอ 3 คนใช่มั้ย ชาย 2 หญิง 1 คือแกพูดมามันก็แบบเป๊ะๆๆเลย เราก็แบบคิดว่าเออ เห้ย โดนแล้วเหรอวะเนี่ย ทีนี้ก็คิดอีกว่าเออเดี๋ยวเราจะต้องมาทำงานที่นี่แหละใช่มั้ย ก็เลยถามลุงไปเลยว่า ลุงเอาตรงๆเลยนะ ที่เนี่ยมีอะไรอีกบ้าง ลุงแกก็บอก อ่ะหนึ่งเลย ตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นมาเนี่ย ไม่มีใครขึ้นมากันหรอก พนักงาน รปภ. จะมีก็แค่รถกอล์ฟมา แค่เวลาตี 1 และตี 4 เท่านั้น แล้วเวลามาก็คือมาสองคัน คันนึงก็อัดมากันหลายคน แล้วอย่างผมเนี่ย ถ้าไม่มีคำสั่งผมก็ไม่ขึ้นมาเหมือนกัน ผมกลัว อย่างชั้น 8 เนี่ย ก็มีเหตุการณ์เร็วๆมาเนี้ย เป็นผู้หญิงกระโดดตึกดับ เราฟังแล้วก็แบบ เออ ทำไมต้องมาอยู่ตรงนี้ด้วยวะ อย่างที่เคยบอกว่ามีอีกบริษัทนึง อันนั้นเค้าพอตกกลางคืนก็จะไม่มีใครอยู่กันเลย ผมก็เล่าให้ทางหัวหน้าฟัง แกก็บอกไว้ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวมีทีมงานมาเยอะ
แล้วก็เหมือนเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ผมถูกเลือกให้เป็นคนคุมโปรเจกต์ไซต์ ช่วงกลางคืน คนที่มาดูงานกับผมช่วงกลางคืนเนี่ย มีแค่ 6 คนเท่านั้น อันนี้หมายถึงสตาฟนะครับ ส่วนคนงานเค้าก็จะอยู่หน้างานของเขาอยู่ละ
(เจอผี)ครั้งเดียว…ไม่เคยพอ
จนมีอยู่วันนีง ผมน่ะเคลียร์งานกับโฟร์แมนเสร็จก็ตัดสินใจจะขึ้นออฟฟิศกัน ก็กะจะแวะร้านสะดวกซื้อซื้ออะไรไปกินกัน ปรากฎว่าผมเจอผู้หญิงอยู่คนนึง ลูกน้องก็สะกิด ช่างๆผู้หญิงหน้าตาดีมาก โทรศัพท์อยู่ร้องห่มร้องไห้ แล้วเดินไปทางลิฟต์ ด้วยความที่เป็นช่วงเวลาดึกแล้ว 5 ทุ่มเที่ยงคืน ลูกน้องมันก็บอกช่างไปปลอบๆ ประมาณว่าจะไปหยอกไปจีบทำนองนั้น คือผมไปยืนอยู่หน้าลิฟต์ ซึ่งมันขึ้นไปแล้วตัวนึงมันก็ไปหยุดอยู่ที่ชั้น 8 ลูกน้องผมมันก็กดลิฟต์จะตามขึ้นไปเลยชั้น 8 พอออกลิฟต์มาปุ๊บเนี่ย โอ้โห…มืดตึ้บเลยครับ มืดแบบมันไม่น่ามีอะไรเลย ส่วนตัวผมก็กลัวแหละที่มืดๆ ก็รีบเดินออกไปดู เป็นลานจอดรถกว้างๆ ซึ่งถ้าผู้หญิงคนนั้นขึ้นรถ มันก็ต้องได้ยินเสียงบ้าง แต่คือมันห่างกันแค่ไม่เท่าไหร่ ไม่น่าจะหายไปแบบไร้ร่องรอยอะไรขนาดนั้น ผมนึกขึ้นได้ก็รีบดึงลูกน้องกลับมา แล้วก็เล่าให้ฟัง มันก็ว่าเออดีๆ เกือบไปแล้ว ดีที่เล่าให้ฟังก่อน
และแล้วก็มีอยู่อีกวันนึง วันนั้นผมก็โทรคุยกับเจ้านาย ผมก็เดินคุยเพลินไปที่ลิฟต์ ปกติเวลาเราคุยโทรศัพท์ในลิฟต์เนี่ย พอเดินเข้าไปสัญญาณมันก็จะตัดเองทันทีเลย ซึ่งผมจะอยู่ชั้น 10 แต่ลิฟท์ที่นี่แปลกมากเลย เพราะจะมีชั้น 1, 3, 5, 6, 8, 9 ชั้น 10ไม่มี ก็พอถึงชั้น 9 ก็ต้องเดินขึ้นบันไดไป พอสัญญาณตัดปุ๊บ ผมก็เงยหน้ามอง ลิฟท์ก็ขึ้นไปชั้น 5 …