เรื่องผี The Shock | รวม 6 เรื่องเดอะช็อคแบบอ่าน

เมื่อการฟังรายการยอดนิยมอย่าง เรื่องผี the shock กลายเป็นความคลาสสิคอย่างนึงคู่สังคมไทย รายการที่มีแฟนคลับติดตามกันเหนียวแน่นมาตลอดหลายสิบปี ใครจะรู้ว่า…มีบางคนเหมือนกันที่ “กลัวที่จะฟัง ไม่กล้าที่จะดูคนเดียว” นั่นเพราะเดอะช็อคมีความตื่นเต้นตรงที่เป็นรายการสดที่นำผู้ประสบเหตุการมาเล่าเรื่องผีกันแบบช็อคคนดูอยู่บ่อยๆ และนี่คือทางเลือกสำหรับปัญหานั้น นี่คือ เดอะช็อค แบบอ่าน 6 เรื่องเล่าสยองสุดสะพรึงจาก THE SHOCK FM 8 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งดำเนินรายการโดย คุณขวัญ น้ำมันพราย

6 เรื่องผี the shock ที่ชวนคุณทั้งอ่านและฟังไปด้วยกัน

เรื่องผี เดอะช็อค | เสื้อวัด

เรื่องราวของคุณมีนในวันนี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมาที่ทางภาคเหนือ ตุณมีนให้ชื่อเรื่องนี้ว่า “เสื้อวัด”

คือเรื่องผี the shock เรื่องนี้มันมีมีอยู่ว่า…คุณมีนเล่าว่าเป็นเรื่องราวสมัยยังเป็นวัยรุ่น มีอยู่คืนนึงเพื่อนชวนออกไป “หาผู้ชาย” ซึ่งตัวคุณมีนนั้นแค่ไปเป็นเพื่อนเท่านั้น

โดยไปกันทั้งหมด 4 สาวรวมตัวคุณมีน ด้วยมอ’ไซค์ 2 คัน

ตอนนั้นเป็นเวลาราว 3 ทุ่มแล้ว ก็พากันไปทางทางขึ้นดอยสุเทพ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ตีนดอย” ซึ่งสร้างความสงสัยกับคุณมีนมากกก นางก็งงว่ามาทำไรกันแถวนี้ เพราะถัดจากครูบาศรีวิชัยไปอีก ก็จะมีแต่ป่าเท่านั้น

จนกระทั่งขี่มาเจอวัดวัดหนึ่ง ก็จอดที่วัดนั้น  คิดว่าคงนัดกับเพื่อนชายซึ่งอาจจะมากินเหล้าอะไรกันในที่แบบนี้ล่ะมั้ง ขณะที่รออยู่หน้าบันไดทางขึ้นวัด คุณมีนก็เหลือบไปเห็นลุงคนนึงอยู่แถวนั้นใส่เสื้อม้อฮ่อมของทางเหนือ ใจคอก็ไม่สู้ดีว่านั่นใคร

คุณมีนยังไม่ทันหายสงสัยว่ามาหาใคร สักครู่มีสามเณรเดินมา 3 รูป เรื่องราวมาเฉลยจากปากเพื่อนผู้หญิง 2 คนว่า…

“ก็นี่แหละ…กรูมาหาเณร”

เล่นเอาตะลึงกันเลยทีเดียว ระหว่างนั้นทั้งหมดก็นั่งอยูที่บันไดทางขึ้นวัด คุยกันได้สักพัก คุณมีนกับเพื่อนหญิงอีกคนนึงที่มาเป็นเพื่อนเช่นกัน ก็เดินออกมาจากตรงนั้น เนื่องจากไม่อยากรับรู้กับเรื่องราวอาบัติที่จะเกิดขึ้น ซึ่งคุณมีนก็ไม่ทรบได้ว่าระหว่างนั้น..2 หญิง 3 เณร จะทำอะไรกันมากไปกว่าคุยหรือไม่ ซึ่งใครที่ได้ฟังเรื่องผี the shock ในวันนั้น คงรู้สึกได้ถึงความดำมืดที่จะตามมาในเหตุการณ์นี้

ส่วนคุณมีนก็เดินห่างออกมาอีกจนไปเจอลุงคนที่เห็นเมื่อสักครู่เข้า… ลุงถามว่า

“หนู เป็นผู้หญิงยิงเรือ มาทำอะไรกันดึกๆแบบนี้ แล้วนี่ก็เป็นวัดนะ”

คุณมีนก็ได้แต่บอกไปว่า…

“หนูมาเป็นเพื่อนเขาเฉยๆ ใจจริงหนูอยากกลับแล้วลุง”

“ลุงช่วยไปบอกเพื่อนหนูทางนู้นทีได้ไหม” … ในใจคุณมีน หวังให้ลุงช่วยไปเอ็ด แต่สิ่งที่ลุงพูดกลับมาคือ..

“กรรมใคร ก็กรรมมัน”!!?

ออกจะเป็นคำพูดที่มีความนัยอยู่…ขณะนั้นเพื่อนคุณมีนอีกคนมาตามบอกว่าเขาจะขึ้นไปบนวัดกันแล้ว จังหวะนั้นคุณมีนหันกลับไปดู ก็ไม่พบลุงคนเมื่อกี้ ราวกับแกหายไปในอากาศซะเฉยๆ

หลังจากคุณมีนต้องตามน้ำขึ้นมาบนวัด เพราะรถมอ’ไซค์ไม่ใช่ของตนเอง คุณมีนบอกเพื่อนแล้วว่า “กลับเถอะ ฉันว่าบรรยากาศมันไม่ค่อยดีแล้ว” แต่เพื่อนก็ยังรั้นว่า “ไม่มีอะไรหรอก”

เพื่อนของคุณมีน 2 คน นั่งคุยกับเณรอยู่หลังกุฏิ ส่วนคุณมีนกับเพื่อนอีกคนก็รออยู่ด้านหน้า… สักพัก เพื่อน 2 คนก็ออกมาแจ้งข่าวเซอร์ไพรส์ว่า..

“คืนนี้กรูจะนอนกุฏินี่นะ” !!!

คุณมีนก็ได้แต่ทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลังเพื่อนทั้งคู่เข้าไปนอนกันสักพักใหญ่ ก็มีเสียงของเพื่อนดังออกมาจากในกุฏิ!

เพื่อนออกมา บอกว่า..เห็นผู้ชาย ผู้หญิงเดินไปมาอยู่นอกหน้าต่างจนนอนไม่ได้ สักพักนอนๆอยู่ก็ถูกดึงขา!

ตอนนั้นคุณมีนบอกว่าใจไม่ดีมาก เลยชวนเพื่อนอีกคนที่รออยู่ไปไหว้ขอขมาศาลในวัด ที่คนเหนือจะเรียกกันว่า “เสื้อวัด”

“หนูไม่ได้ตั้งใจมาทำอะไรไม่ดีเลย หนูแค่มาเป็นเพื่อน และหนูไม่สามารถจะทำอะไรได้จริงๆ หนูขอโทษด้วย”

จนกระทั่งราวตี 2 เพื่อนทั้งคู่ก็ออกมาบอกว่าจะกลับแล้ว ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร มารู้ตอนหลังว่าเจอหลอกจนนอนไม่ได้เลยกลับ

เช้าวันต่อมา ปรากฎว่าเพื่อนทั้ง 2 คนนั้นกลายเป็นคนสติหลุด ไม่มีสติสัมปัชชัญญะ อย่างกับคนบ้า!

พ่อแม่ของทั้งคู่ก็ได้มาถามทางคุณมีนว่า ไปทำอะไรกันมารึเปล่า… แต่ด้วยเรื่องราวที่มันเป็น untold story ไม่สามารถเล่าได้จริงๆ คุณมีนเลยเลี่ยงไปว่า

“ไม่ได้ไปทำอะไรนะคะ แค่ไปเที่ยวแถวคูเมืองเอง เพื่อนไม่สบายรึเปล่า”

ปรากฎว่าเพื่อนไปหาหมอก็แล้ว แต่ก็ไม่หาย จนในที่สุดพาไปหาร่างทรง ทันทีที่ร่างทรงเห็นก็ทักมาคำเดียวว่า…

“พวกเมิงไปทำเรื่องอะไรกันมา เค้าตามกลับมา” … “เตือนแล้วไม่ฟัง รู้มั้ยว่าเค้าจะเอาให้ตาย”

หลังจากนั้นแม่ของเพื่อนก็มาถามมีน ว่าร่างทรงเค้าทักมาแบบนี้..มีนจึงต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

ทันทีที่แม่เค้ารู้เรื่องก็ร้องไห้เสียใจ น้ำตาร่วง จนวันต่อมาต้องพาเพื่อนไปทำพิธีขอขมากับเจ้าที่เจ้าทางที่วัด พร้อมกับสามเณรอีก 3 รูป

ร่างทรงก็ไปด้วยกัน ก็ทำพิธีขอขมา ทำพิธีเสียผี ส่วนสามเณรก็ต้องถูกจับสึก หลังจากทำเสร็จแล้ว…ร่างทรงก็บอกว่า

“กรูไม่ยอม มันมากเกินไป กรูจะเอาให้ตาย!” ราวกับว่ามีบางอย่างสื่อสารผ่านร่างทรง

ตอนนั้นทุกคนต่างกลัวหมด จนร่างทรงบอกว่ามีอยู่วิธีเดียวที่จะแก้ได้คือ..”บวชชี”

คนพ่อคนแม่ก็พยายามเจรจาว่า…เออนี่ จะให้ไปบวชชีก็ได้ ยอมทำตาม แต่ขอให้ลูกกลับมามีสติ พูดรู้เรื่องก่อนได้มั้ย ขืนเป็นแบบนี้คงจะไปบวชไม่ได้

ร่างทรงก็ตอบกลับมาว่า…ให้ไปบวชเถอะ เดี๋ยวจะดีเอง

หลังจากนั้นทางครอบครัวก็พาเพื่อนไปบวชอยู่ 1 เดือน ระหว่างที่บวชก็เจอผีหลอกทุกกกกวัน แต่ก็ผ่านมาได้ จนครบเวลาแล้วก็กลับมามีสติเหมือนดังเดิม…

เรื่องผี the shock เรื่องนี้เป็นสติสอนใจได้ดีเลยว่า…”อะไรควร และไม่ควร” ต้องรู้จักกาละ และเทศะให้มาก

เรื่องผี เดอะช็อค | เฮี้ยนแบบนี้ ต้องปราบ

เรื่องราวที่คุณนุประสพพบเจอกับตัวเองมา ในสถานศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดยโสธร เมื่อประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมา คุณนุให้ชื่อเรื่องนี้ว่า “เฮี้ยนแบบนี้ ต้องโดนปราบ”

ขอท้าวความไปเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ที่สถานศึกษานี้ ที่แห่งนี้อยู่ในจ. ยโสธร ศึกจะพบเจอกับเหตุการณ์ความ “เฮี้ยน” กันมาต่อเนื่อง

หนึ่งในเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่เคยลืมคือ จะมีน้องผู้หญิงคนนึงที่ถูกสัมภเวสีเข้าสิงเป็นประจำ เธอมักจะกรี๊ดร้องขณะเข้าแถวในตอนกลางวันแสกๆ

บ้างก็วิ่งกระโดลงในสระน้ำของสถานศึกษา บ้างก็ลุกขึ้นด่าอ.ที่มาใหม่ว่า…

“เมิงมาใหม่ ทำไมไม่บอกไม่กล่าวกรู”

จนก็พยายามหาทางช่วยกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพรมน้ำมนต์ สวดมนต์ หรือเอาพระมาใส่

หลังจากนั้นผมก็จบจากสถานศึกษาแห่งนี้ไปเรียนต่อ 2 ปี ก่อนจะกลับมาเป็นครูอัตราจ้างที่สถานศึกษาแห่งนี้อีกครั้ง…

ตอนมาผมก็ลืมๆเรื่องนั้นไปบ้าง มาถึงก็ไม่ได้ไหว้หรือจุดธูปอะไร… ผมมาสอนวันแรกก็เจอเลยครับ ที่ห้องพักครูด้านหลังจะเป็นห้องน้ำ ขณะผมเข้าห้องน้ำ…จู่ก็มีน้ำล้น ไหลออกมาจากห้องข้างๆจนนองพื้น

บนน้ำที่กระเพื่อมอยู่นั้น ผมเห็นเป็น “เงาคน” ยืนอยู่ที่นั่น ออกมาจากห้องน้ำ ผมก็สังเกตเห็นได้ว่าห้องข้างๆประตูปิดอยู่ บางทีอาจจะมีคนเข้า ผมคิดเช่นนั้น

จนผ่านไปอีกวัน ผมก็ยังเจอเหตุการณ์แบบนี้ คือเห็นเหมือนมีคนใช้ห้องน้ำข้างๆ และยืนหันหน้ามาทางนี้

วันต่อมาผมจึงถามภารโรงว่า…

“นี่ลุง ทำไมห้องน้ำด้านหลัง มีคนใช้แล้วไม่ปิดน้ำล่ะ”

สิ่งที่ลุงพูดกลับมาคือ… “เป็นไปไม่ได้ ห้องน้ำด้านหลังนั่นไม่ได้ถูกเปิดใช้งาน เพราะมันเสียรวมทั้งประตูด้วย ยังไม่ได้เบิกงบซ่อมเลย”

สร้างความขนลุกให้ผมเป็นอย่างยิ่ง คืนนั้นผมนั่งทำงานล่วงเวลาจนราว 2 ทุ่ม… ขณะผมจะกลับ ปิดจอคอมเรียบร้อย จู่ๆก็มีเงาคนปรากฎขึ้นสะท้อนบนหน้าจอคอม! ผมตกใจหันหลังไปดูก็ไม่มีอะไร มีเพียงผ้าม่านกระจกหลังโต๊ะทำงาน จากนั้นผมก็ปิดไฟห้องทำงาน ออกมาล็อคประตูกระจกจากด้านนอก

จู่ๆท่ามกลางความมืด…จอคอมเครื่องผม ก็ดันสว่างวาบขึ้นมาซะงั้น ที่น่าตกใจกว่าคือ มันเผยให้เห็น “เงาคน” บางคนที่อยู่ด้านหลังผ้าม่านนั่น!!

ผมรีบวิ่งกลับไปที่บ้านพักทันที จู่ๆก็ได้กลิ่นเน่าๆทันที พยายามเดินหาแหล่งที่มากลิ่นอยู่นานก็ไม่เจอ จนนอนไปทั้งแบบนั้น สักพักนึงก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก อย่างกับว่ามีคนมานั่งทับท้องจนกระดุกกระดิกไม่ได้

พอตั้งสติได้ผมก็เอื้อมมือหยิบพระและตระกรุดที่พ่อให้ไว้มา พอตระกรุดตกลงมาที่หลังผมเท่านั้นแหละ อาการทุกอย่่างหายเป็นปลิดทิ้ง!

นอกจากผมแล้ว…ครูที่มาใหม่ก็จะเจอกันทุกคน เช่นครูรุ่นพี่คนหนึ่งที่เข้ามานอนเวร ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู พร้อมเสียงผู้หญิงเรียกเย็นเยียบเข้ามาว่า…

“นอนกับใครเหรอ…”

หลังจากนั้นทั้งผมและครูคนนั้นก็ลาออกทันที เป็นสถานที่ที่มักไม่มีใครอยากเข้ามาสอนจริงๆ ขึ้นชื่อเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ หนึ่งในนั้นคือ…แม้แต่ผอ.ก็ไม่เว้น เนื่องจากผอ.ย้ายมาใหม่ จนทำให้แกไม่มาที่สถานศึกษาแห่งนี้ไปเป็นอาทิตย์

หลังจากนั้นแกก็ตัดสินใจสร้างศาลพระภูมิขึ้น โดยเป็นศาลพระภูมิลักษณะแบบเรือนไม้ มีบันไดขึ้น เราไหว้ศาลกันอยู่กว่า 5-6 เดือน แต่แทนที่เรื่องทุกอย่างจะสง กลับรุนแรงกว่าเดิม… วันไหนที่ของเซ่นไหว้ช้าหน่อย จะเริ่มอาละวาดแล้ว

วันนึงน้องคนที่มักโดนผีเข้า จู่ๆก็พรุ่งพรวดขึ้นไปนั่งบนศาลพระภูมิ พร้อมพูดว่า…

“อยู่ที่นี่ ทำไมพวกมึงไม่ดูแล กรูหิว..กรูหิว!” … “พวกเมิงเข้ามาอยู่กันก็ไม่เคารพกรู”

จบคำนั้นทั้งครู และนักเรียนก็วิ่งแตกฮือกันไปคนละทาง จนมีนักเรียนบางคนที่ใจกล้า เข้าไปรวบตัวน้องผู้หญิงลงมา… ภาพที่ไม่น่าเชื่อสายตาคือ นักเรียนผู้ชาย 5 คนรั้งน้องผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวแทบไม่อยู่!

จนผอ. ได้เรียกประชุมกับคณะครู ได้อัญเชิญพระหลวงปู่ท่านนึงมาช่วยทำพิธีที่โรงเรียน

หลวงปู่ท่านกลับพูดว่า…”สถานศึกษาไม่จำเป็นต้องมีศาล ใครให้ตั้งศาล?”

“สัมภเวสีก็อยู่ส่วนสัมภเวสี ไม่ต้องไปกราบไหว้”

หลวงปู่ท่านก็ให้รื้อศาลทิ้ง เรียกว่ารื้อกันทั้งหมดเลย… แล้วหลวงปู่ก็ทำพิธีใหญ่สวดอยู่ 9 วัน รวมถึงปัดเป่าให้ทั้งครูและนักเรียน

จากนั้นท่านก็อัญเชิญองค์พระวิษณุมาประดิษฐาน มาตั้งแทน แล้วก็เปลี่ยนมาไหว้พระกันแทน แล้วหลังจากนั้นเรื่องราวแปลกๆก็เงียบหายไปเลย

ภายหลังผมได้ไปสืบเรื่องราว ได้ความว่า..โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่บนป่าช้าเก่า มีผู้อุปถัมภ์ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว แล้วทางครอบครัวเขาได้บริจาคมอบให้มาสร้างโรงเรียนบนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ซึ่งด้านหลังโรงเรียนเป็นป่า ซึ่งยังใช้เป็นที่ฝังศพอยู่เลย แต่ต่อมา 2-3 ปีหลัง ได้เลิกใช้ไปแล้ว เพราะทางโรงเรียนนำพื้นที่ไปปลูกต้นยูคา

ส่วนอีกเรื่องเล่าคือ ว่ากันว่าขณะสร้างโรงเรียนแห่งนี้ ก็มีคนตายไปกว่า 10 คน เนื่องจากสร้างความไม่พอใจให้เหล่าสัมภเวสี มีอยู่คนนึงที่ถูกกระเบื้องตกลงมาปาดคอ จนดับอย่างน่าสยอง และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของเรื่องผี the shock เรื่องนี้

เรื่องผี เดอะช็อค | ขอขมาก็ไม่รับ

เรื่องต่อไปเป็นเรื่องผี the shock ของคุณปี เป็นเรื่องราวที่เจอกับตัวเค้าเอง ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา บนถนสายหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก คุณปีให้ชื่อเรื่องว่า “ขอขมา ก็ไม่รับ”

เรื่องมีอยู่ว่าวันนั้นผมมีธุระที่ต้องวิ่งจากทางเหนือเข้ากรุงเทพ ผมก็วิ่งจากพะเยามาอำเภองาว เพราะว่าเส้นนี้จะเป็นทางลัด เป็นเส้นทางสายเก่าที่จะมาทะลุสายเอเชียได้ ซึ่งวันนั้นเนื่องจากรถเยอะ ผมจึงเลือกเส้นนี้เพื่อร่นเวลา

ผมขับมาจนกระทั่งเกือบถึงทางแยกเข้าสู่สายเอเชีย ผมก็เกิดปวด “ชิ้งฉ่อง” ขึ้นมาแบบหนักมาก และถึงแม้ว่าถ้าหลุดโค้งนี้ไปอีกไม่ไกลนักก็จะเจอปั๊ม แต่ด้วยความไม่ไหวแล้ว ผมจึงเลือกที่จะจอดรถข้างทาง

วันนั้นมีรถเทรเลอร์ 2 คันจอดอยู่ ข้างหน้าคัน ข้างหลังคัน ผมก็เข้าไปจดแทรกตรงกลาง พอเสร็จธุระเบาแล้ว ผมก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ขอขมา จากนั้นก็ขับรถเข้ากรุงเทพ สายๆก็ไปทำงานไม่น่าจะมีอะไร

จนกระทั่งมารู้สึกแปลกๆ ผมรู้สึกว่าเพลีย และง่วงมาก ง่วงทั้งวัน จนพี่ที่ทำงานถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า ผมก็ตอบไปว่า..ไม่รู้เหมือนกันพี่ มันจะหลับให้ได้เลย ซึ่งแปลกตรงที่ผมเองมักจะวิ่งรถต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ จะรู้ดีอยู่แล้วว่าการพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญอยู่แล้ว

ผ่านไปอีกวันผมก็ยังมีอาการเช่นเดิมอยู่ เพิ่มเติมคือไม่รู้สึกอยากอาหาร อยากน้ำ ผมอยู่ได้โดยไม่กินอะไรเลยถึง 2 วัน มันไม่หิว จนรู้สึกตัวเบาหวิวคล้ายจะเป็นลม ก็แปลกใจว่าเราเป็นอะไร ก็ซื้อยาแก้ไข้มากิน

จนมีอยู่วันนึงผมต้องไปส่งเจ้านายที่สนามบิน วันนั้นตรงกับวันพระใหญ่ ผมกลับรู้สึกเป็นปกติไม่มีอาการเพลียใดๆ จนค่ำวันนั้นผมไปจอดเติมน้ำมัน และเดินไปกดตู้เอทีเอ็ม ก็มีลมแรงพัดมา… อาการเดิมคล้ายจะเป็นลมของผมก็กลับมาอีก จู่ๆก็มีสายเรียกเข้ามาที่โทรศัพท์ผมจากพี่ที่รู้จักกัน

“เมิงไปทำอะไรมารึเปล่า”

อยู่ดีๆพี่เขาก็โทรมา ทั้งที่ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังมาก่อน แต่พี่เขาจะรู้อยู่แล้วว่าตัวผมนั้นจะทำงานเดินทางอยู่ตลอด

“ไปไหนมารึเปล่า แล้วได้ไปทำอะไรมามั้ย”

“ก็มีไปพะเยามาเมื่อวันที่ 2 ก็ไม่ได้ทำอะไรนะพี่”

“เมิงได้ไปฉี่ข้างทางมามั้ย”

“ฉี่พี่ แต่ก็ขอขมาแล้วนะ”

“แล้วตอนขอขมาได้ยกมือไหว้มั้ย”

“ผมไม่ชัวร์นะพี่ จำไม่ได้เหมือนกัน แต่ผมมั่นใจว่าขอขมาแล้วนะ”

นอกจากนี้พี่เค้าก็ยังถามถึงอาการเราว่า เป็นแบบนี้ เจอแบบนี้ใช่มั้ยอีก จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่า “รู้ได้ไงวะ” แต่พี่เค้าก็ยังถามต่อ…

“จอดรถตรงทางโค้งใช่มั้ย” … “จอดตอนตี 3 ใช่มั้ย” … “จอดรถแล้วลงไปเร็วๆ โดยไม่ได้ดับเครื่องใช่มั้ย”

เฮ้ย… เมิงนั่งมากับกรูเหรอวะ ผมคิดในใจ พี่เค้าก็พูดมาคำนึง…

“เมื่อ 2 วันก่อน มีผู้หญิงมีอายุ ผมประบ่ามาเข้าฝันพี่ บอกว่าเขาจะเอาของของเค้าคืน”

เนื่องจากพี่ผมคนนี้มีองค์ แกก็จะมีเซนส์อะไรพวกนี้ แกยังบอกอีกว่า…

“ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้น เค้าเดินตามเราอยู่นะ”!!

จบคำนั้นของพี่ อยู่ๆก็มีลมพัดมา ฟุ่บบ เหมือนตอนที่กดเอทีเอ็ม “เฮ้ยพี่ จริงเหรอ”

หลังจากคุยได้อยู่ชั่วโมงนึง พี่เค้าบอกว่า… “ตอนนี้ไม่ใช่คนเดียวแล้วนะ มาอีกหนึ่ง” !!!

“เฮ้ยพี่ ยังไงเนี่ย เค้าต้องการอะไร แล้วผมต้องทำยังไง”

พี่เค้าก็บอก เดี๋ยวคืนเนี้ย ก็ไปสวดมนต์ซะ แล้วก็คิดถึงเค้า บอกเค้าว่าผมผิดไปแล้ว ไม่ได้ตั้งใจ จะรีบไปขอขมาให้เร็วที่สุด เพราะเข้ารู้ว่าเหมือนเราเข้าบ้าน แต่ไม่พอใจว่าทำไม่เราไม่ขออนุญาติเค้าก่อน พี่เค้าก็บอกว่าเรื่องนี้มีคนเดียวที่จะช่วยได้ ก็คือ แม่…

ซึ่งแม่ผมเนี่ยจะเป็นคนที่กลัวเรื่องอะไรพวกนี้มาก ผมก็ถามว่าต้องเป็นแม่เหรอ จำเป็นเหรอ พี่เค้าก็บอกว่า…

“ถ้าไม่ให้แม่ช่วย เมิงไม่รอดแน่”

“ฮึ้ยพี่ ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“เมิงอย่าไปทำเป็นเล่นนะ เค้าเอาถึงตายนะ”

วันรุ่งขึ้นผมก็ตัดสินใจโทรหาแม่ แม่ก็รีบมาจากต่างจังหวัด ในรถผมจะมีหลอดน้ำมนต์หลวงพ่อโสธรอยู่ ผมก็บอกว่าแม่..รดน้ำให้ผมที ขณะจะรดที่มือ อาการเดิมผมก็กำเริบขึ้นมาเลย คือรู้สึกอ่อนเพลีย ร่างกายเบาหวิว ปวดหัว ผมก็บอกว่า..แม่ รดหัวผมเลย ก็รดเสร็จ แม่ก็พูดขึ้นว่า

“เดี๋ยวจะรีบพาลูกหลานไปขอขมาให้เร็วที่สุด ตอนนี้ช่วยให้อภัยมันก่อนเถอะ”

จากนั้นผมก็โทรหาพี่คนเดิมว่า เออ ผมต้องทำยังไงต่อ พี่แกก็บอกว่ายังไม่เห็นวิธี เดี๋ยวเห็นแล้วจะรีบบอก…

ผ่านไปอีกสองคืนพี่เขาก็โทรกลับมาบอกว่า… เห็นแล้ว ซื้อชุดบูชามา

ผมก็ถามว่าต้องซื้อกี่ชุด … ” 2 ชุด ไป 2 คน เอาธูปไปดอกนึง”

แล้วผมต้องไปตรงไหน… “ก็ไปตรงที่เมิงฉี่อ่ะ”

ผมก็จำไม่ได้ว่าตรงไหน รู้แต่ว่าตรงโค้ง พี่เค้าก็บอกว่าให้หาต้นไม้เล็กให้เจอ มีอยู่ต้นเดียว

ขณะที่ไปร่วมกับแม่ หลาน แล้วก็แฟน ขณะที่กำลังจะเลี้ยวโค้งก็รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ผมก็อธิษฐานขึ้นว่า

“ผมกำลังจะมาแล้ว อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว” อาการตอนนั้นคือแย่มาก เหมือนจะตายให้ได้ พอลงรถได้ก็อ้วกออกหมดเลย

พอถึงที่ 4โมง 5โมงได้ ก็เจอรถเทรลเลอร์สองคัน โลเคชั่นเดิมเลย แล้วมีต้นไม้ขึ้นเยอะมาก

แม่ก็ชี้ไปที่ต้นไม้ต้นนึงแล้วบอกว่า “ให้ว่าตามแม่นะ” .. “พาลูกมาขอขมาลาโทษ ให้อภัยลูกให้อภัยหลานด้วย” พอเสร็จก็ส่งแม่ แล้วกลับไปทำงานตามปกติ

จนมีวันนึงที่ผมสังเกตถึงความผิดปกติ… ขณะขึ้นรถ เปิดประตูปึ้งแล้วขึ้นไปนั่ง โดยปกติรถมันควรจะสั่นแค่ครั้งเดียว แต่นี่ทั้งๆที่ขึ้นคนเดียว กับมีอาการสั่น “อีก 2 ครั้ง” ราวกับว่ามีคนขึ้นมาด้วยอีกสองคน

ผมก็โทรปรึกษาพี่ พี่เขาก็บอกว่าเขายังอยู่ เราทำอะไรไม่ได้เพราะเขาไม่ได้บอกว่าต้องการอะไร เดี๋ยวถึงเวลาเขาก็จะไปเอง

ผมก็แบบ เฮ้ยพี่ มันจะโอเคเหรอแบบนี้ จนผ่านไปสักเวลานึง ก็เจอแบบนี้ตลอดจนรู้สึกว่าไม่ไหว.. ทำงานไม่ได้ ขับรถไม่ได้ พี่ก็บอกว่าเดี๋ยยวจะแนะนำพระอาจารย์ให้

ปรากฎว่าผมก็ตัดสินใจไปคืนนั้นเลย ต้องไปไกลถึงตาก พระอาจารย์ก็บอกว่า…

“เขายังไม่ไปเพราะยังไม่อยากไป”

คือเค้ารับรู้แล้วว่าเราขอขมา แต่เค้าอยากไปกับเรา เหมือนว่าเค้าอยู่ตรงนั้นมานาน เค้าก็ตามเราไปที่อื่นด้วย ต้องรอเวลาเท่านั้น แต่เค้าก็ไม่ได้ทำอะไรเรา คิดซะว่ามีคนคุ้มครอง มีเพื่อนนั่งไปด้วย

ผ่านไปแบบนั้นอยู่ร่วมเดือน มา 3-4 วันหลังผมรู้สึกว่า..เค้าไม่ได้ตามผมขึ้นรถเหมือนแต่ก่อนแล้ว จึงโทรถามพี่

“เค้ายังอยู่ แต่เค้าไม่อยากไปด้วยแล้ว ที่ต้องทำก็คือเรารับเค้ามา เราก็ต้องไปส่งเขาที่เดิม”

ผมก็ไปกับพี่คนนั้น ไปที่โค้งเดิม และทำพิธีขอขมากันอีกรอบ หลังจากนั้นผมก็ไม่เจออะไรผิดปกติอีกเลย

เรื่องผี the shock เรื่อนี้เป็นเรื่องที่เตือนใจผมเสมอ ว่าไปที่ไหนแปลกที่ ยังไงก็ยกมือไหว้ขอขมากันก่อนดีที่สุด…

เรื่องผี เดอะช็อค | อาถรรพ์ไม่มีวันจบ

ช่วงพิเศษเรื่องผี the shock ไฟท์ติ้ง แข่งกันเล่าในเวลา 10 นาที เริ่มจากเรื่องของพี่น้องในชื่อว่า… “อาถรรพ์ไม่มีวันจบ”

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เคยอยู่แถวเส้นลาดพร้าว เรื่องเกิดที่ขึ้นคือแฟนของน้องไปทำงานที่ที่นึงมา แล้วมีที่พักให้ บรรยากาศที่นี่ก็จะเป็นเส้นถนนลาดพร้าวแล้วมี “ทางสามแพร่ง” วิ่งยาวเข้าไปข้างในก็จะเป็นป่า เป็นพื้นที่ป่าที่ถูกถาง มีต้นมะขามเทศขึ้นปกคลุมเยอะๆ มีคูน้ำ ตอนนั้นที่ไปอยู่คือปี 2546 แต่เรื่องราวอันเฮี้ยนเริ่มขึ้นเมื่อปี 2549 คนแถวนั้นก็จะพบเจอกันอยู่บ่อยๆ

ตอนนั้นต้นปี 2549 มีคุณยายคนนึงชอบทำบุญ แล้ววันนึงไปเที่ยวทะเลอยู่ๆก็ป่วย เขาว่ากันว่า ผีทะเลมาเอาไป แล้วก็นอนแบบไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งบ้านของยายเค้าก็จะชนกับทางสามแพร่งพอดี

หลังจากนั้นเวลาที่คุณแม่ของน้องไปเนี่ย ก็จะเจอคุณยายเดินไปมาอยู่ในบริเวณพื้นที่นั้น ใส่ชุดที่ชอบใส่ เป็นวิญญาณของคุณยายที่ยังอยู่ ไม่ไปไหน ซึ่งบ้านไหนที่รับทางสามแพร่งเข้ามาก็จะเจอก่อน

บ้านต่อมาที่โดนก็คือว่าอยู่ๆมาลูกก็เอาเชือกผูกคอดับ เป็นบ้านหลังที่ติดกันกับน้องเลย ซึ่งมันเคยมีเรื่องเล่ามาก่อนว่าเมื่อก่อนมีผู้หญิงแต่เป็นทอม ถูกโจรฉุดไปทำมิดีมิร้าย เลยผูกคอดับเหมือนกัน ด้วยการดึงเชือกให้รัดคอตัวเอง!! คือไม่ได้ผูกกับขื่อ แต่แขวนไว้โดยถืออีกปลายของเชือกเอาไว้ ใครมาช่วยแกะก็ไม่ออก จนกระทั่งเธอหมดลมตายไป

นอกจากนี้ก็ยังมีอีกบ้านสามีภรรยา วันดีคืนดีก็เข้าไปทะเลาะกันในป่ามะขามเทศ แล้วก็เลิกลากันไป ส่วนตัวน้องเองก็เจอแบบว่า เวลาจะผูกมุ่งก็จะเหมือนมีคนมาดึงๆมือ จนต้องไปสอบถามดูว่าแถวนี้มีเรื่องอะไรมั้ย ก็ได้ทราบเรื่องที่เคยมีคนผูกคอ ว่าเขาตายอยู่ตรงกำแพงแถวนั้นแหละ

พื้นที่บริเวณนั้นเป็นอะไรที่แรงมาก เราก็ไหว้พระทำบุญอะไรไปปกติ แต่วันดีคืนดีก็จะมีผู้ชายคนนึงมายืนอยู่ในชุดทหาร เราถึงกับจับไข้หัวโกร๋น เพราะเห็นอยู่ๆหน้าเค้าก็ใหญ่ๆๆ ขึ้นเรื่อยๆ แล้วคนนี้เค้าก็ยังเคยไปเข้าฝันคนอื่นด้วย ว่า…มาอยู่ได้ยังไง มาอยู่ทำไม ไปนะ.. กรูไม่ให้เมิงอยู่!ราวกับมาไล่ที่

ซึ่งบ้านน้องก็ปลูกอยู่ตรงนั้น แล้วน้องก็ไปอยู่ฟรี แล้วก็ยังมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าใครจะเข้ามาอยู่ หรือมานอนในพื้นที่นี้ล้วนเจอเรื่องแปลกๆกันทั้งสิ้น บางคนมาเก็บขยะ แล้วมานอนก็นอนตายหมดลมไปซะเฉยๆ

นี่ถือว่าเป็นเรื่องผี the shock อีกเรื่องนึงที่มีความอาถรรพ์รุนแรงมาก และจากที่น้องได้ถามมา เดิมทีพื้นที่นี้เป็นแอ่ง เป็นแอ่งที่ทะลุไปยังอีกมิติหนึ่ง ที่เราเรียกกันว่า “ทางผีผ่าน” แต่มันไม่เชิง เรียกว่าเป็นที่ที่ผีจะมารวมตัวกันอยู่มากกว่า ไม่ว่าจะตายจากที่ไหนมา แล้วที่นี่คือจะไม่มีศาลพระภูมิหรืออะไรเลย ใครมาอยู่ถ้าไม่เลิกลาก็เสียชีวิต

พอผ่านไป 5 ปี เรื่องราวที่คิดว่าจะจบไปก็ไม่จบ วันนึงเพื่อนก็ชวนเราไปเซ็นสัญญางานที่นึง เพื่อนก็บอกว่าเนี่ย เราต้องชอบแน่ มันก็เป็นบ้านที่รีโนเวทแล้ว แต่ปรากฎว่าที่นั่นกลับเป็นที่เดิมที่น้องเคยอยู่ เหมือนกับชะตามันพาให้วนกลับมาที่นี่อีก

ไปถึงน้องก็บอกเลยว่า.. “ที่นี่น่ะ ไม่รอดหรอกนะ ถ้าคิดจะทำกิจการอะไรหรืออยู่ที่นี่น่ะไม่ดีหรอก” เราก็บอกเค้าว่าเราเคยอยู่มาเจออะไรมา แต่เค้าก็ว่าเราคิดมากรึเปล่า จิตสัมผัสมากไปมั้ยเธอ… แต่สุดท้ายกิจการก็ปิดตัวลง ไม่รอดจริงๆ

ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงอยู่ ในจุดนึงของเส้นลาดพร้าว ถ้าใครดวงไม่แข็งพอก็อยู่ไม่ได้จริงๆ ทุกวันนี้ก็ทำเป็นหมู่บ้านอะไรอยู่ในปัจจุบัน

ซึ่งตอนที่อยู่นั้นเอง ตัวเองก็เจอตลอดไม่ว่าจะเป็นผู้ชายในชุดทหารที่มาไล่ เราก็บอกว่าถ้าอยากให้เชื่อก็ขอให้ถูกหวยสิ เขาก็ให้เห็นรถเมล์สาย 12 ก็ถูกจริงๆ ในตอนกลางคืนในป่าที่เงียบสนิทก็จะได้ยินเสียงครืดๆ เหมือนคนกวาดพื้นทั้งๆที่ไม่มีใคร หลังห้องก็จะมีคนเดินไปมาตลอดคืน ทั้งๆที่ห้องข้างหลังไม่มีคนอยู่ ป้าแถวนั้นก็บอกว่ามันตายไปแล้ว

เรื่องผี เดอะช็อค | ผิดสัญญา

อีกเรื่องผี the shock ในช่วงไฟท์ติ้งคือเรื่องราวของน้องโฟน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มาจากทางบ้าน ใช้ชื่อเรื่องว่า “ผิดสัญญา”

น้องโฟนเป็นเด็กที่จ.ศรีษะเกษ น้องโฟนเป็นเด็กที่ติดเกมมาก ซึ่งเรียกว่าเล่นกันดึกดื่นยันเช้ากันเลย และด้วยความที่อยู่กันเป็นกลุ่มมั่วสุม ก็จะมีเรื่องของบุหรี่เข้ามาเอี่ยว น้องโฟนเองก็ติดบุหรี่อย่างหนัก จนแม่ยื่นคำขาดว่าให้เลิก แต่ก็เลิกไม่ได้

แม่ก็เลยว่า.. เอ้า งั้นเดี๋ยวจะพาไปที่วัดแห่งหนึ่งในอุบล เพื่อไปเลิกบุหรี่ โดยที่วัดแห่งนี้จะเรียกว่า “ออกยา” หมายถึงอาการเลิกยา

พอไปถึงวักพระท่านเห็นก็ทักขึ้นมาคำนึงเลยว่า… “ไอ้หนู เกือบชะตาขาดแล้วนะ”

ตอนนั้นตัวโฟนก็สงสัย แต่ไม่ได้คิดอะไร จนก็เข้าทำพิธีกรรมต่างๆไป จนพระท่านก็ยกบุหรี่ขึ้นมาให้มวนนึง แล้วพูดว่า…

“บุหรี่มวนนี้จะเป็นมวนสุดท้ายมี่เอ็งจะได้สูบในชีวิตนี้ ไม่อย่างนั้นจะเจอดี.. เอ้า สูบซะ”

โฟนก็รับมาสูบ จากนั้นก็ไปตามพิธีต่างๆจนจบ หลวงพ่อก็เอาน้ำให้แก้วนึง บอกให้กินให้หมด เสร็จแล้วหันหลังแล้วเดินลงไป ขึ้นรถ แล้วกลับไปซะ

โฟนก็ทำตามจนขึ้นรถกลับไปกับแม่ ระหว่างทางก็รู้สึกได้ถึงความกระอักกระอ่วน เหมือนจะอ้วก ก็บอกแม่ว่าให้จอดแวะปั๊มก่อน

น้องโฟนก็เดินเข้าห้องน้ำไปจะอ้วก แต่ที่มันแปลกมากก็คือ…โฟนจำได้ว่าวันนั้นออกเดินทางแต่เช้า ก็ทานอะไรไปบ้างนิดหน่อย ไม่ได้กินของหนัก แต่กับสิ่งที่อ้วกออกมากับเป็นอะไรไม่รู้เต็มไปหมดที่ไม่ได้กิน  ทั้งเศษผม ขี้เถ้าปนออกมากับของเหลวสีแดง จากนั้นก็มีก้นบุหรี่ออกมา ตัว สองตัว สามตัว สร้างความฉะงนให้เป็นอย่างมาก

จากนั้นโฟนก็ราดน้ำลง พร้อมกับความงงที่ยังคงอยู่ ขณะเปิดประตูห้องน้ำดัง “แกร๊ก” จู่ๆก็มีผู้ชายคนนึง ยืนดักขวางอยู่หน้าประตู…ที่มันแปลกก็คือชายคนนั้นยืนประชิดในระยะสะวิงประตูเลย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้!

เป็นผู้ชายคนนึงหน้าบวมเหมือนขึ้นอืด ใส่เสื้อเชิ้ตสีเขียวลายสก๊อต กางเกงขาก๊วยขาดๆ หน้าตามอมแมม ยิ้มให้… โฟนก็ตกใจแต่เนื่องด้วยเป็นตอนกลางวัน ก็คิดไปว่าอาจจะเป็นคนจรจัด ก็เลี่ยงๆออกมาและรีบเดินไปขึ้นรถ

หลังจากนั้นถัดมา คนที่เคยสูบ ถ้าใจไม่แข็งพอ มันก็ต้องสูบอยู่ดี… เวลานั้นผ่านไปสัก 1 ปี ก็ได้ย้ายบ้านและใช้ชีวิตปกติดีเล่นเกมอะไรไป และกลับมาสูบบุหรี่อีกครั้ง วันนั้นที่กลับมาสูบเนี่ย น้องโฟนก็นั่งเล่นเกมอยู่ที่บ้านชั้นล่าง ตอนนั้นคนอื่นก็นอนหลับหมด

โฟนนึกขึ้นได้ว่าลืมของไว้ในรถ ก็ออกไปที่รถเพื่อไปเอา จังหวะนั้นก็เจอผู้ชายคนเดิม…ในเสื้อเชิ้ตสีเขียว หน้าตาบวมอืดตะโกนออกมาจากในความมืด

“เมิงผิดสัญญากับกรู!!”

โฟนถึงกับสะดุ้งตกใจ รีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน จังหวะที่เปิดประตูอยู่นั้น ก็ถึงกับผงะออกมาแทบไม่ทัน เพราะชายคนนั้นกลับไปยืนอยู่หน้าประตูตู้เย็นในบ้าน!!

เขาตะโกนมาว่า…”ถ้าเมิงคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นดีแล้ว เมิงทำเลย”

โฟนก็รีบวิ่งไปที่โซฟา กระโดขึ้นแล้วเอาผ้าคลุมโปง จังหวะนั้นก็พยายามคิดทบทวน เค้าเป็นใครกัน ผีหรือคนก็ไม่รู้ พร้อมกับที่ข้างๆโซฟาก็ค่อยๆยุบยวบลงข้างๆ

โฟนก็พยายามจะจับๆดูว่ามันอะไร ก็ไปเจอโซฟาซึ่งเป็นพีวีซี จับๆไปอีกก็ไปเจอผ้า ก็นึกว่าเป็นแม่เดินลงมารึเปล่า ก็เปิดผ้าที่คลุมอยู่ออกมาดูในท่าที่กำลังนอนหงายอยู่นั้นเอง…

ก็ปรากฎร่างของผู้ชายอ้วนๆ หนาบวมเขียวขึ้นอืด โน้มตัวลงมากระชั้นชิดตรงหน้าโฟน!! แล้วหัวเราะ “ฮื้อฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่าาา” พร้อมกันนั้นน้ำลาย และก้นบุหรี่ก็ย้อยลงมาจากปาก เข้าหน้าเข้าตาโฟน จังหวะนั้นด้วยความตกใจและกลัว โฟนร้องตะโกนสุดเสียง แต่กลับไม่มีเสียงอะไรเล็ดรอดออกมา

ชายคนนั้นก็ยังคงหัวเราะใส่หน้าไปพร้อมน้ำลาย จนโฟนสติหลุดสลบไปทั้งแบบนั้น มารู้สึกตัวอีกทีตอนเช้า คือแม่มาเขย่าตัว “โฟนทำไมมานอนตรงโซฟา”

โฟนก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟัง สรุปว่าวันนั้นก็รีบบึ่งรถจากศรีษะเกษไปอุบลกันทันที

ทันทีที่พระท่านเห็นก็ทักว่า “ทำไม คำสัญญามันไม่สัตย์เหรอ” ก็ได้ความว่าพิธีดังกล่าวเป็นพิธีที่ไม่ได้แค่สัญญากับพระเท่านั้น แต่เป็นการสัญญากับสัมภเวสี เจ้ากรรมนายเวรด้วย

แม่ก็ถามกับพระว่าต้องทำยังไบ้าง พระท่านบอก ต้องบวชพราหมณ์ 7 วัน คือบวชไม่ต้องโกณผม หลังจากนั้นมาโฟนก็ไม่เจออะไรอีกเลย รวมทั้งก็สามารถเลิกบุหรี่ได้แบบเด็ดขาดด้วย เพราะถ้ากลับไปสูบเมื่อไหร่ เป็นต้องเจอดีอีกแน่

และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของเรื่องผี the shock ทั้ง 6 ตอน ใครต้องการฟังเรื่องราวเต็มๆ ดูได้ทางคลิปนี้เลยครับ

ขอบคุณที่มา เรื่องเล่าผี : the shock 13 radio

อ่านเรื่องผี the shock เรื่องอื่นๆ >> กดที่นี่

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์