กระทู้ผีพันทิป | บ้านพักผีสิงที่หัวหิน หลอนกันยกครัว!

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับสมาชิกพันทิปท่านหนึ่ง ที่มีโอกาสได้มาแชร์ประสบการณ์สุดสะพรึง กระทู้ผีพันทิปของการไปเที่ยวหัวหินในช่วงปีใหม่ โดยเธอและครอบครัวได้ไปพักที่พักแห่งหนึ่งแล้วต้องพบกับเหตุการณ์ประหลาดที่ไม่คาดฝัน กระทั่งบทสรุปที่เฉลยเรื่องราวอย่างไม่คาดคิด จนเป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่ได้รับความสนใจในตอนนั้น หากแต่ “จู่ๆ” กระทู้ผีพันทิปดังกล่าวก็ถูกลบออกไปจากระบบ จนเป็นที่กล่าวขานและถามถึงเรื่องราวในกระทู้นั้นกัน ว่ามันเป็นมาอย่างไร กระทั่งเรื่องราวได้มาปรากฎขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตอีกครั้งจากปากคำบอกเล่าของผู้ที่คงจะทันได้อ่านกระทู้นั้นเมื่อหลายปีก่อน โดยเรื่องราวมีรายละเอียดดังนี้

กระทู้ผีพันทิป ประสบการณ์สยองตอนไปเที่ยวช่วงปีใหม่

ทางสมาชิกพันทิปเจ้าของเรื่องเล่าไว้ว่าในช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ เธอและครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวจังหวัดราชบุรีและหัวหิน ในช่วงสองวันแรกเหตุการณ์เต็มไปด้วยความสุขสนุกสนาน กระทั่งเข้าวันที่ 3 ซึ่งเธอได้เข้าพักที่พักแห่งหนึ่งผ่านการจองจากทางอินเตอร์เน็ต เะอบอกเล่าถึงลักษณะของที่พักแห่งนี้ค่อนข้างละเอียด เป็นต้นว่า เป็นบ้านพักในหัวหินที่เป็นบ้านเดี่ยว ซึ่งมีสระว่ายน้ำในตัว มีห้องหับให้เลือกใช้มากถึง 4 ห้องนอนและ 3 ห้องน้ำ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งรวมถึงข้าวของเครื่องใช้ก็มีอย่างไม่ขาดตก อีกทั้งยังมีที่จอดรถขนาดใหญ่ซึ่งสามารถจอดได้ถึงสามคัน เรียกได้ว่ามองยังไงนี่ก็เหมือนเป็นบ้านคนอยู่ มากกว่าที่จะตกแต่งเพื่อไว้ให้เช่าพักเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทีแรกเป็นที่พึงพอใจของเธอและครอบครัวมาก เพราะเธอขนญาติๆกันมาถึงสี่ครอบครัว ในราคาคืนละ 12,000 บาทก็ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก ซึ่งในวันแรกที่เข้าพักก็ได้เจอกับ “เจ้าของบ้าน” เป็นหญิงร่างเล็กผิวคล้ำ อายุราวสี่สิบกว่าๆ ซึ่งเล่าให้เธอฟังว่าเดิมทีที่นี้เป็นบ้านที่เธอกับสามีชาวต่างชาติอาศัยร่วมกัน กระทั่งมีเหตุให้สามีต้องกลับไปต่างประเทศ ทำให้บ้านหลังนี้ว่างลงจึงปล่อยให้เช่าเป็นที่พัก เพราะปัจจุบันเธอเองก็ไปอาศัยกับลูกสาวในตัวเมือง

สมาชิกพันทิปท่านนี้เล่าอีกว่าตอนที่เธอเข้ามายังบ้านหลังนี้ในทีแรกก็รู้สึกได้ถึง “อะไรแปลกๆ” ทันที รู้สึกหวั่นวิตกกับบรรยากาศแปลกๆ ซึ่งเธออธิบายเพิ่มเติมว่าปกติเธอจะมีสัมผัสกับเรื่องผีๆอยู่แล้ว เมื่อเข้ามาเจอศาลพระภูมิเธอก็ได้ไหว้บอกกล่าวขอเจ้าที่เจ้าทางไปหนึ่งทีเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ พร้อมคิดในแง่ดีว่าอาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าต่างหากที่ทำให้รู้สึกไม่ดี คืนนั้นพวกเธอก็สร้างสรรค์ปาร์ตี้กันอย่างอรรถรถ เนื่องจากมีสระน้ำในตัวบ้าน เหมาะแก่การดื่มฉลอง กระทั่งเริ่มดึก 4 ทุ่มกว่าก็พาเด็กๆไปเข้านอน เหลือเพียงหนุ่มสาวที่ตอนนี้ย้ายเข้ามาตั้งวงกันในบ้าน จู่ๆพี่สาวของเธอก็เอ่ยถามเปิดประเด็นขึ้นมา

“คิดว่า…บ้านหลังนี้เป็นยังไง?”

อาจจะดูเป็นคำถามที่ไม่ได้เจาะจงอะไรเป็นพิเศษ แต่เธอรู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที จึงพยายามกลบเกลื่อนพูดไปว่า “ก็สวยดี…” แต่พี่สาวก็ยังวกกลับมาจนได้

“พี่รู้สึก…แปลกๆอ่ะ”

หลังจากนั้นเหมือนแฟนของน้องชายจะรู้ทันว่าต้องการสื่ออะไร จึงพยายามเซ้าซี้ให้เราและพี่สาวพูดออกมา อย่างไรก็ตามบทสนทนาจบลงที่แฟนพี่สาวพูดปัดขึ้นมาว่า “ไม่เห็นมีอะไรแปลกนี่ คิดมากกันเปล่า” เป็นกันตัดบทเข้าสู่วงสนทนาเรื่องเล่าผีแค่ตรงนั้น หลังจากนั้นต่างคนต่างก็ย้ายกันไปนอนกันตอนตี 1 มีเพียงเพื่อนชายของน้องชายที่มาด้วย นอนอยู่ที่โซฟาที่โถงกลาง กระทั่งเวลาตี 2 ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

ตอนนั้นเธอลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำด้วยความงัวเงีย ซึ่งต้องผ่านโถงกลางที่มีเพื่อนน้องชายสองคนนอนอยู่ไป แต่แล้วสิ่งที่สะดุดตาเธอท่ามกลางความมืดคือ ร่างของเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่ริมสระน้ำด้านนอก เธอตกใจสะดุ้งเนื่องจากไม่คิดว่าจะมีใครไปทำอะไรในเวลาแบบนั้น แต่เมื่อเขยิบเข้าไปดูใกล้ๆก็ต้องตกใจสุดขีด เพราะนั่นเป็นหนึ่งในหลานสาวของเธอ น้องแบมอายุ 8 ขวบ กำลังนั่งห้อยขาอยู่ในสระน้ำด้านนอกอยู่ตามลำพังคนเดียว ในตอนตี 2 เธอเรียกหลานเธอเสียงดัง

“น้องแบม…มาทำอะไรตรงนี้ลูก”

ไม่มีเสียงตอบกลับ แต่จู่ๆร่างนั้นก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ในขณะที่มือก็ตีน้ำในสระเล่นอย่างพึงพอใจ เธอเห็นว่าไม่ได้การแล้ว จึงรีบเปิดประตูแล้ววิ่งไปจับหลานทันที แต่ต้องสะดุ้งแทบหยุดหายใจอีกครั้ง เมื่อพบว่าเธอไม่ได้ลืมตา เธอหลับอยู่!? เธอพยายามจะปลุกด้วยการเขย่าตัวเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น กระทั่งเพื่อน้องชายที่นอนอยู่รู้สึกตัวเลยตามออกมาแล้วอุ้มร่างน้องแบมเข้าบ้าน

เธอไปปลุกน้าสาวซึ่งเป็นแม่ของน้องแบม ปรากฎว่าตกใจมากเมื่อรู้เรื่อง อย่างไรก็ตามน้องแบมยังคงหลับตาอยู่ น้าจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้องเนื่องจากเปียกปอนทั้งๆอย่างนั้น คนอื่นๆถูกปลุกขึ้นมาตามๆกันด้วยเสียงดังโหวกเหวกกลางดึก ตอนนั้นเธอรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ “ไม่มาดีแล้ว” จึงเดินออกไปยกมือกล่าวกับศาลพระภูมิที่หน้าบ้านว่า…ตนและครอบครัวมาเพื่อเที่ยวพักผ่อนเท่านั้น ได้โปรดอย่าแกล้งหรือรับแกกันเลย ปรากฎว่าหลังจากเข้ามาในบ้านก็พบว่าน้องแบมตื่นขึ้นแล้ว! คุณพ่อของน้องก็ซักถามเธอว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น โดยจับใจความได้ว่า น้องถูกใครบางคนชวนมาเล่นน้ำ คนในที่นั้นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ใครที่ว่าน้องเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน สุดท้ายพ่อของน้องก็ตัดบทด้วยการบอกว่า น้องแค่ละเมอเอาไปฝันจากตอนที่ได้เล่นน้ำตอนเย็นเท่านั้น ขอให้ทุกคนกลับเข้านอน ซึ่งเวลาก็ล่วงเลยเข้าตีสาม อย่างไรก็ตามน้องแบมะคยมีอาการละเมอมาก่อน แต่การที่จะเดินออกไปนอกบ้านเพื่อไปเล่น้ำในที่แปลกที่แปลกทาง แถมยังบอกว่ามีคนชวนนั้น นับว่าไม่ปกติ

คืนนั้นเรานอนไม่หลับ กระทั่งได้กินยาคลายเครียดไปจึงนอนได้จนมาตื่นตอนเช้า เราก็พากันออกไปเที่ยวกันในช่วงกลางวัน อย่างไรก็ตาม…ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเมื่อคืนเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะเคลียร์ใจกันแล้วว่าเป็นเพียงอาการละเมอ หรือเพราะว่ากลัวที่จะหยิบยกขึ้นมาพูดอีกครั้ง แต่เธอก็แอบบอกกับแฟนว่า “ที่นี่มันมีอะไรแปลกๆจริงๆนะ เรารู้สึกแบบนั้น” แต่แฟนก็ตัดบทและปลอบว่าเธอคงเครียดแล้วคิดมากเกินไป เอาเรื่องนํ้นะรื่องนี้มาผสมกัน เธอก็ทำได้แค่คิดเงียบๆภายในใจ กระทั่งแฟนน้องชายเปิดบทสนทนาขึ้นมาว่า…เมื่อคืนตัวเองฝันเห็นชายชาวต่างชาติมานั่งกินดื่มสังสรรค์กันในวงด้วย ก่อนจะตบมุกติดตลกว่า สงสัยอยากได้แฟนฝรั่งเลยเก็บเอาไปฝัน เรียกเสียงฮาให้กับโต๊ะอาหาร แต่ไม่ใช่กับเธอแน่นอน มันยิ่งทำให้เธอยิ่งประติดประต่อไปไกลมากขึ้น

และแล้วในคืนนั้นเอง แม้ว่าใจจริงเธอไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว แต่ก็จำใจอยู่ต่ออีกคืน คืนนั้นเธออาสาไปนอนกับหลาน โดยที่ปล่อยให้น้าๆและหนุ่มสาวอยู่สังสรรค์กันให้เต็มที่ ในขณะที่อยู่ในห้องเธอก็ชวนพาเด็กๆเล่นกันอย่างสนุกสนาน กระทั่งน้องแบมเอ่ยปากเล่าขึ้นมาว่า

“เมื่อคืนน้องแบมไม่ได้ละเมือนะคะ แต่มีลุงฝรั่งมาอุ้มน้องแบมไปเล่นน้ำที่สระ เค้ายังร้องเพลงภาษาอังกฤษให้ฟังด้วยค่ะ”

แม้จะเป็นบทสนทนาสั้นจากปากเด็ก แต่ไม่น่าเชื่อว่าเวลานี้มันจะทำให้เธอขนลุกยิ่งกว่าดูหนังผีน่ากลัวๆเรื่องไหนๆ เธอพยายามซักหลานต่อไป

“แล้วน้องแยมรู้จักเค้าเหรอ? ถึงได้ไปเล่นกับเค้าน่ะ”

“น้องแบมไม่รู้จักแต่จำได้ค่ะ เมื่อวานตอนเรามาถึง…ลุงคนนี้มากับป้าเจ้าของบ้าน เค้ายืนอยู่ตรงระเบียงตรงนั้น น้าไม่เห็นหรอคะ?”

ตอนนั้นเธอเริ่มรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็เก็บเงียบไว้โดยตัดสินใจที่จะยังไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะกลัวจะขวัญเสียกันเปล่าๆ ก่อนบอกให้หลานๆรีบเข้านอน แล้วเธอก็แยกกลับห้อง กระทั่งเที่ยงคืนแล้วแต่ตัวเธอเองกลับนอนไม่หลับ ในขณะที่ข้างนอกยังคงนั่งดื่มกันอยู่ เธอจึงลุกขึ้นมาจัดแจงเก็บข้าวของคร่าเวลา ถ้าเพียงแค่ย่นเวลาที่จะยืนอยู่ในบ้านหลังนี้ได้เพียงสัก 15 นาทีก็ยังดี หลังจากเสร็จแล้วเธอก็พยายามคร่าเวลาต่อด้วยการมองหาไปทางชั้นและหัวเตียง เผื่อว่าจะเจอหนังสือหรือนิตยสารให้อ่านบ้าง กระทั่งเธอไปหยิบได้หนังสือเล่มหนึ่งเข้า…

“รู้มั้ยคะ? ว่าเราไปเจออะไรเข้า…!!”

สิ่งที่เธอเจอเข้าโดยบังเอิญ เป็นอัลบั้มภาพถ่ายเล่มใหญ่สองเล่ม โดยที่เล่มแรกเป็นรูปงานแต่งงานองเจ้าของบ้านที่เธอได้พบไปแล้วตอนเข้าพักวันแรก กับสามีชาวต่างชาติที่ได้เห็นเป็นครั้งแรก…อย่างไรก็ตามปัญหาอยู่ที่เล่มถัดมา เพราะเป็นรูปจากงานฌาปนกิจศพ โดยที่เจ้าของงานคือตัวสามี! ทันทีที่เห็นก็ทำให้เธอช็อคไปในทันที…กว่าที่จะเรียกสติกลับมาได้ในอีกพักใหญ่ แต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพียงแต่ออกไปชักชวนให้คนอื่นๆเลิกดื่มแล้วเข้านอน เพื่อจะได้รีบออกจากที่นี่กันแต่เช้า โดยที่แฟนเธอก็แย้งขึ้นมาอย่าบไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยว่า จะรีบไปไหน พรุ่งนี้เรามีแพลนพาเด็กๆไปเที่ยวสวนน้ำกัน กว่าจะออกก็บ่ายๆ แต่เธอก็โน้มน้าวว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย เหมือนจะเป็นไข้ ก็ตกลงกันว่าจะออกไปหาหมอตั้งแต่เช้า ในใจตอนนั้นก็อยากเล่าเรื่องให้ทุกคนฟังแต่เหมือนในใจยังไม่ค่อยมั่นใจ อยากยืนยันรูปกับน้องแบมก่อน ว่าชายชาวต่างชาติที่เจอนั้นใช่คนเดียวกันกับในรูปหรือไม่ 

กระทั่งตอนเช้า แฟนของน้องชายจากห้องข้างๆเข้ามาปลุกเธอ

 “เจ๊ๆ เมื่อคืนหนูฝันอีกแล้ว…ฝันเห็นฝรั่งคนนั้น คราวนี้มานอนบนเตียงด้วยเลย!”

เธอได้ยินดังนั้นก็ตัดสินใจเด็ดขาด หยิบอัลบั้มรูปถ่ายเล่มแรกออกมาให้ดู ปรากฎว่าแฟนของน้องยืนยันได้แทบจะในทันทีว่า “เป็นคนเดียวกันค่ะเจ๊!!” สุดท้ายเธอให้แฟนน้องไปตามตัวน้องแบมมา ปรากฎว่าหลานก็ยืนยันชัดเจนว่า

 “ใช่ลุงคนนี้แหละค่ะ เมื่อคืนก็มาชวนน้องแบมอีกแล้ว แต่น้องแบมไม่ได้ไปด้วย เพราะกลัวคุณแม่ดุอีก”

ถึงตอนนี้เรียกได้ว่ามีหลักฐานและพยานชัดเจน แต่เธอก็ไม่ได้นำรูปเล่มที่สองให้ทั้งสองคนดู เนื่องจากกลัวจะตื่นตกใจกันเปล่าๆ ทางแฟนน้องชายก็พยายามเร่งรัดเอาคำตอบว่าเรื่องมันยังไงอะไรกัน ซึ่งเธอก็กล้ำกลืนฝืนทนจริงๆ กระทั่งสิบดโมงเช้า ทุกคนเตรียมของขึ้นรถเสร็จและจะออกจากที่นี่กัน เธอจึงโทรขอกกับเจ้าของบ้านว่าจะกลับแล้ว แต่เจ้าของบ้านขอกว่าสามารถกลับได้เลย โดยที่กุญแจบ้านนั้นให้นำไปวางไว้บนชั้นวางหน้าบ้าน แล้วเดี๋ยวจะไปเก็บในภายหลัง 

ก่อนออกจากบ้านเธอบอกให้แฟนน้องนำกุญแจไปเก็บที่ชั้นหน้าบ้าน ตัวชั้นนั้นอยู่ค่อนข้างสูงขึ้นไปด้านบนจึงจำเป็นต้องนำเก้าอี้มาวางแล้วปีนขึ้นไป แล้วจู่ๆแฟนน้องที่ปีนขึ้นไปวางก็ทำหน้าราวกับเจอผี! 

 “เจ๊ๆ ขึ้นมาดูสิ!”

เธอปีนขึ้นไปดูบ้างก็เข้าใจทันที ว่าชั้นวางลอยด้านบนนั้นไม่ใช่ชั้นวางธรรมดา หากแต่เป็นหิ้งบูชาที่ซึ่งมีรูปของสามีชาวต่างชาติเจ้าของบ้าน รูปเล็กๆตั้งอยู่! ใช่แล้วมันคือหิ้งบูชาสามีที่ตายจากไป ตอนที่เรามาครั้งแรกเรามองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านบน เลยเข้าใจไปว่าเป็นหิ้งพระ 

กระทั่งรถได้เดินทางออกมา โดยที่เธอนั่งเงียบๆมาตลอดทางจนแฟนผิดสังเกต และตอนพักทานข้าวกัน  ดูเหมือนว่าจะเป็นฝ่ายแฟนของน้องชายที่อึดอัดจนต้องถามออกมากลางวงว่า “ถามจริงๆเถอะ มีใครเจออะไรแปลกๆในนั้นมั้ย?” จนทีนี้แหละที่มีคนยอมเล่ากัน โดยเริ่มตั้งแต่ครอบครัวน้องแบม น้าหญิงเล่าว่าตอนกลาคืนหลานมีอาการละเมอหัวเราะ ราวกับกำลังเล่นกับใครอยู่ ส่วนน้าชายเล่าว่าเมื่อคืนตอนที่นั่งดื่มกัน เค้าเห็นชายต่างชาตินั่งอยู่ริมสระมองมาทางนี้แล้วยกแก้วขึ้น คล้ายกับจะขอชนแก้ว แต่น้าทำเป็นไม่ใส่ใจเพราะรู้แน่แล้วว่านั่นไม่ใช่คน ในณะที่เพื่อนน้องชายอีก 2 คนที่นอนโซฟาด้านนอกเล่าว่าในคืนแรกกลางดึกได้ยินเสียงคนพูดเป็นภาษาอังกฤษ แต่ไม่ได้เอะใจเพราะเข้าใจว่ามาจากทีวีของห้องใดห้องหนึ่ง ส่วนคืนถัดมาก็เจอเงาคนเดินไปมาอยู่แถวสระด้านนอก แต่ไม่มีใครกล้าทัก เพียงแค่สะกิดเรียกันดูเท่านั้น

ส่วนสาเหตุที่เธอนิ่งเงียบมาระหว่างนั้งรถนั้น เพราะตอนที่ออกมาเธอได้ยินเสียงเพลงภาษาอังกฤษ เป็นเพลงที่คล้ายกันกับที่น้องแบมเล่าให้ฟังตอนเหตุการณ์สระน้ำ บางทีอาจเป็นเพลงส่งลา หลังจากทริปนี้จบลงเธอก็ได้ไปทำบุญใส่บาตรและอุทิศส่วนกุศลให้ฝรั่งคนนั้น ส่วนน้าชายพาน้องแบมไปอาบน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ที่วัด อีกทั้งนึกย้อนไปว่าหากวันนั้นไม่ได้ไปพบน้องก่อน น้องอาจถูกพาตัวไปอยู่ด้วยแล้วก็ยิ่งขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เพราะสระที่ว่านั้นลึกระดับอกของผู้ใหญ่ และน้องก็ว่ายน้ำไม่เป็น แต่ในความเห็นของเธอคิดว่าเขาคงจะเหงาเพียงเท่านั้น จึงออกมาปรากฏตัวให้เห็น คงไม่ได้มีเจตนามิดีมิร้าย

อย่างไรก็ตาม ทริปนั้นก็ทำเอาคนเจ้าสำราญอย่างพวกเพื่อนน้องชายสงบเสงี่ยมไปเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจากประสบการณ์จริง ซึ่งถ้าหากไม่เจอกับตนเองก็คงจะไม่เข้าใจ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มันน่ากลัวยิ่งกว่าเรื่องเล่าผีที่เคยอ่านมาทั้งหมด…และนี่คือเรื่องราวของหนึ่งในกระทู้ผีพันทิประดับตำนาน

ขอขอบคุณที่มา กระทู้ผีพันทิป : https://pantip.com/topic/35113856

อ่านเรื่องผี เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์