“ร้านนี้ลูกสาวสวย” เหตุสยองในร้านตามสั่ง

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 18 ปีที่ผ่านมา คุณภาคินได้รับการบอกเล่ามาจากรุ่นพี่ที่เป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ที่ทำงาน ซึ่งพี่คนนี้ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้ โดยในตอนนั้นบริษัทนี้ได้รับงานก่อสร้างในประเทศเพื่อนบ้าน ปกติจะมีทีมงานเข้าไปอยู่แล้วแต่ทีมงานชาวแก๊งค์ของพี่คนนี้ได้เข้าไปเป็นชุดหลัง เนื่องจากในพื้นที่นั้นเป็นโซนนอกเมืองจึงไม่ได้มีอะไรให้อภิรมย์นัก สำหรับเหล่าชายหนุ่มชาวแก๊งค์ย่อมกลายเป็นป็นที่ที่น่าเบื่อ มาอยู่ได้ไม่นานจึงพยายามค้นหาความตื่นเต้น

เรื่อง:ร้านนี้ลูกสาวสวยเล่าโดย: คุณภาคิน

ชาวแก๊งค์ได้สืบถามว่าแถวนี้มีอะไรน่าสนใจพอจะเที่ยวชมบ้างมั้ย จากคำบอกเล่าของคนงานในแคมป์ ที่หน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้านห่างจากแคมป์ไป 300-400 เมตร จะมีบ้านหลังนึงเป็นร้านค้าลูกสาวสวยมากและเป็นฝาแฝดด้วย แต่พ่อดุนะจะเข้าไปก็ระวังหน่อย ด้วยความที่เป็นวัยรุ่นกันก็คึกคะนองขึ้นมาเป็นธรรมดา

หลังจากนั้นก็พากันไปนั่งในร้านที่ว่า โดยร้านนี้จะเป็นร้านอาหารตามสั่ง แล้วก็มีขายกาแฟเครื่องดื่มเล็กน้อย แต่น่าแปลกคือ…พอไปถึงแทนที่จะได้เจอสาวสวยฝาแฝดอย่างที่ตั้งใจ ก็ไม่เจอ คุณพ่อหวงลูกสาวก็ไม่มีวี่แวว จะเจอก็เพียงแต่ป้าคนหนึ่งที่ขายของอยู่ที่นั่น หลังจากเทียวไปมาอยู่3-4 วันก็ยังไม่เจอ พี่คนนึงในแก๊งค์ก็ลุกขึ้นเดินไปถามป้าทีเล่นทีจริงว่า

“ป้า…เห็นคนแถวนี้เค้าว่าร้านนี้ลูกสาวสวยเหรอ”

แต่แทนที่จะได้คำตอบหรืออย่างน้อยก็สัญญาณที่บอกว่าเรื่องนี้มีมูล ป้ากลับค่อยๆแหงนหน้าขึ้นมาจากเขียงเล็กน้อย แล้วเหลือกตาขึ้นมาจ้องมอง ไม่มีคำตอบอะไรจากป้า มีเพียงแค่รอยยิ้มมุมปากดูแคลนอย่างมีเลศนัย ตอนนั้นเองก็ไม่มีใครเข้าใจว่าหมายถึงอะไร และหลังจากพยายามเร้าหรืออยู่หลายวัน ก็ยังไม่ได้เจอ ในที่สุดก็เลิกกันไป

หลังจากนั้นวันหนึ่ง ในแคมป์มีการตั้งวงกินดื่มกัน พี่ในแก๊งค์ก็ไปซื้อของที่ร้านนั้นตอนนั้นเวลาประมาณ3-4 ทุ่ม พี่เค้าชำเลืองเข้าไปในร้านก็เห็นสาวๆอยู่ด้านใน จากคำบอกเล่าของพี่คนนี้คือ เป็นสาวประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งสวยขาวหน้าตาก็น่ารักมาก จึงวิ่งกลับไปเล่าให้คนในแก๊งค์ๆฟัง วันถัดมาก็แห่ยกโขยงกันไปที่ร้านนั้น แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาเช่นเคย จนกระทั่งมืดค่ำใกล้จะปิดร้านก็ได้เห็นสาวสวยคนนึง

ตอนนั้นก็มานั่งคุยกันทีเล่นทีจริงตามประสาชายหนุ่ม ว่ามาทั้งทีน่าจะสานสัมพันธ์ไว้หน่อยขณะนั้นเองช่างคนนึงที่อาวุโสและโสดที่สุดในกลุ่ม ในที่นี้ขอเรียกแทนว่าช่างแว่น พี่เค้าก็ออกตัวก่อนเลยว่าจะขอจีบก่อน ถ้าภายในอาทิตย์นึงไม่มีอะไรคืบหน้า เดี๋ยวให้คนอื่นมาจีบต่อตามลำดับ

หลังจากนั้นแกก็เริ่มปฏิบัติการของแกทันที ก็ไปนั่งเฝ้าที่ร้าน หมายว่าจะได้คุยแต่ก็เหมือนช่วงกลางวันทุกที คือไม่เจอใครนอกจากป้าคนนั้น นั่งอยู่ได้ 2 วันจนจะถอดใจอยู่แล้ว วันนั้นก็นั่งจนร้านจะปิดกำลังจะกลับ แล้วก็เจอลูกสาวสวยคนนึงเดินออกมาพี่แว่นเล่าว่าวินาทีนั้น เรียกว่าตกหลุมรักเลย แต่เพื่อไม่ให้เสียโอกาสจึงทักไป “น้อง…ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเห็นตาเลย” แล้วก็ชวนคุยไปอะไรไป จนพี่แว่นจับทางได้แล้วว่าลูกสาวจะโผล่ออกมาตอนร้านจะปิด แต่มีเรื่องน่าแปลกใจอยู่ตรงที่ว่า ถ้าเจอลูกสาว…จะไม่เจอป้า แต่ถ้าจะป้าก็จะไม่เจอลูกสาว

คืนนึงพี่แว่นก็ไปร้านเหมือนทุกที แต่คราวนี้ได้เจอลูกสาวทั้งสองคน พี่แกก็พยายามชวนคุยแต่ดูสาวเจ้าไม่ค่อยพูดจา ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าอาจเป็นเพราะพ่อหวงกลัวแม่จะไปฟ้อง โดยที่ก็จะมายืนคุยกันหน้าร้านหลังร้านปิด พี่แว่นเองก็สืบทราบประวัติมาว่าแต่เดิมบ้านนี้อยู่กัน 5 คนคือสองฝาแฝด พ่อ ป้า..โดยที่ป้าคนนั้นเป็นแม่เลี้ยงและจะมีลูกชายที่เป็นลูกติดมาอีกคน คนพ่อเป็นอัมพาตได้ไม่นาน ส่วนพี่ชายที่เป็นลูกเลี้ยงก็ติดคุก แต่ด้วยความที่พี่แว่นไม่ได้อยากรู้เรื่องอะไรตั้งเป้าว่าแค่อยากจะจีบให้สำเร็จเท่านั้น แล้วเรื่องต่างๆก็ผ่านไป

จนเวลาผ่านไป พี่แว่นก็ตามตื้อลูกสาวคนน้องจนพูดคุยได้อย่างสนิทชิดเชื้อ จนอดคิดไม่ได้ว่าสาวคงมีใจให้ คืนหนึ่งพี่แว่นตั้งใจไปคุยกับสาวที่หน้าร้านเหมือนทุกที จู่ๆก็ได้ยินเสียงป้าดังมาจากในบ้านดูเหมือนจะด่าทอใครบางคนเป็นภาษาท้องถิ่นจับใจความมาได้ประมาณว่า

“เมิงนี่อ่อยผู้ชายนะ มีผู้ชายมาเฝ้าหน้าบ้านทุกวันเลย”

พี่แว่นรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงถอยหลังกลับก่อน ในระหว่างที่จะเดินกลับนั้นก็มีผู้หญิงวิ่งมาสาวสวยคนน้องนั่นเองบอกว่า

“พี่อย่าคิดมากนะ พรุ่งนี้แม่ไม่อยู่จะไปซื้อของ พี่มาเจอกันค่ำๆตอนร้านปิดนะ”

พี่แกก็มั่นใจแล้วว่าสาวมีใจให้ ก็ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะเผด็จศึก ถึงเวลาก็มาตามนัด หลังจากชะเง้อมองดูสักพักคนน้องก็วิ่งออกมาและชวนเข้าไปในบ้าน ดีกว่าอยู่ตรงนี้เดี๋ยวจะมีคนเห็น

พี่แกเล่าว่าภายในบ้านจะมีอยู่ 4 ห้องเป็นบ้านชั้นเดียว บ้านนั้นไม่ได้รกหรือสกปรกอะไร เพียงแต่แปลกตรงที่จะได้กลิ่นเหม็นสาปลอยมาเตะจมูกอยู่ตลอด สาวคนน้องชวนเข้าไปห้องของเธอ ขณะเดินผ่านห้องๆนึงพี่แว่นก็ได้ยินเสียงไอดังคอกแคกมาจากหลังประตู จึงเข้าใจว่าเป็นห้องของคนพ่อที่ป่วยอยู่ หลังจากเข้าไปนั่งคุยกัในห้องสักพักก็เหมือนจะมีเหตุเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่จู่ๆก็มีเสียงประตูเปิดดังปังขึ้นสาวคนน้องจึงเอ่ยว่า

“พี่เดี๋ยวพี่เข้าไปหลบในตู้ก่อนนะ สงสัยว่าแม่จะกลับมา”

พี่แว่นเงี่ยฟังเสียงจากหลังประตูตู้ หลังจากเข้าไปไม่นานก็ได้ยินเสียงเหมือนใครปิดประตูเข้าไปในห้องห้องนึง จนกระทั่งเสียงป้านั่นเองดังแหลมขึ้นมา

“เมิงนี่ชอบเที่ยวอ่อยผู้ชายไปทั่ว ทำให้พ่อมึงมาด่ากรุ”

นอกจากเสียงด่าทอยังมีเสียงเหมือนฟาดบางอย่าง คงมีใครโดนเฆี่ยนเข้าให้ แกเข้าใจว่าอย่างนั้น แล้วก็มีเสียงผู้หญิงกรีดร้อง แต่ป้าก็ยังคงไม่หยุด

“เมิงไม่เชื่อกรุใช่มั้ย? เมิงอยากไปอยู่กับพ่อเมิงใช่มั้ย”

พี่แว่นเงี่ยฟังอยู่เงียบๆ จนกระทั่งเสียงเฆี่ยนเงียบหายไป

“เมิงอย่าออกไปไหนนะ ถ้ากรุรู้ว่าออกไป กรุจะเอาเมิงไปอยู่กับพ่อเมิง”

สิ้นเสียงนั้นก็เป็นเสียงปิดประตูดังปัง สักพักน้องสาวคนน้องก็เปิดประตูห้องเข้ามา แล้วบอกว่า “พี่ๆ ออกมาได้แล้ววันนี้ดูท่าไม่ดี พี่กลับไปก่อนนะ” ขณะพี่แว่นกำลังจะก้าวออกจากบ้านน้องสาวก็มาจับมือแล้วบอกว่า

“พี่ๆช่วยอะไรหนูหน่อยได้มั้ย”

“ช่วยอะไรเหรอ”

“ช่วยพี่สาวหนูหน่อย”

จากนั้นน้องเค้าก็พาไปยังห้องอีกห้องหนึ่งภายในนั้นถึงกับต้องตะลึงเพราะร่างพี่สาวฝาแฝดในสภาพร่างกายเต็มไปด้วยรอยเฆี่ยน ที่ขาถูกล่ามไว้ เธออยู่ในสภาพนอนสลบ สร้างความตกใจให้พี่แว่นอย่างมาก ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ น้องสาวก็พูดขึ้นว่า

“พี่ช่วยพาพี่สาวหนูหนีไปที่แคมป์นะ จากนั้นโทรแจ้งตำรวจ”

ขณะที่กำลังใช้ผ้าห่อตัวพี่สาวหมายจะอุ้มพาออกไป คนน้องสาวก็บอกว่า “พี่ไปก่อนเลย เดี๋ยวหนูไปช่วยพ่อก่อน ไปถึงแล้วโทรแจ้งตำรวจเลยนะ” หลังจากช่วยคนพี่ได้แล้วและโทรแจ้งเหตุ พอนครบาลมาถึงพี่แว่นก็ส่งคนกับพี่คนที่เล่าประสบการณ์ให้ผมฟังไปที่บ้านหลังนั้นทันที

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พอนครบลเข้าตรวจค้น ค้นๆไปก็ไปเจอคนพ่อของฝาแฝดในสภาพเป็นศพถูกยัดอยู่ในโอ่งหลังบ้าน ทางนครบาลเค้าก็เตรียมตัวรอที่จะจับป้า แต่ป้าคงจะไหวตัวทันเพราะจนแล้วจนรอดก็ไม่กลับมาที่บ้านอีก

ที่แคมป์เมื่อแฝดคนพี่รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา พี่แว่นก็เล่าเรื่องให้ฟังว่า

“เรื่องคือน้องสาวฝาแฝดของคุณ มาขอให้ผมช่วยหนีออกมา แต่แล้วกลับไปเจอศพคนพ่ออยู่หลังบ้าน”

แต่พี่สาวกลับเถียงออกมาว่า

“น้องสาวฉันจะมาบอกคุณได้ยังไงในเมื่อน้องสาวฝาแฝดฉันเสียไปตั้งแต่ 3-4 เดือนก่อนแล้ว”

ประโยคนั้นสร้างความสับสนระคนตกใจให้กับพี่แว่น บทสรุปของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัวนี้คือ ด้วยความที่พ่อนั้นหวงลูกสาวแฝดทั้ง 2 คนมากๆ ไม่ว่าใครจะพยายามเข้ามาจีบ คนพ่อก็จะคอยกีดกันไล่อยู่ตลอด แต่ลูกเลี้ยงชายกลับแอบมากินแฝดสาวคนน้องซะเอง จนเป็นเหตุให้เธอคิดสั้นผูกคอ เพราะรู้ว่าตัวเองท้อง โดยพบหลักฐานคือจดหมายลาที่บอกเล่าเรื่องราวและสิ่งที่โดนกระทำ

ความจริงนี้ทำให้คนพ่อคับแค้นใจมาก เลยแจ้งตำรวจจับลูกเลี้ยงตนเอง ภายหลังเรื่องนี้ก็สร้างความไม่พอใจแก่ป้ามาก ป้าจึงวางยาตั้งใจจะปิดปากพ่อ คนพ่อยังไม่ตายในทันทีแต่ก็เป็นอัมพาต ถึงอย่างนั้นป้าแกตั้งใจที่จะจัดการทิ้งอยู่ดี เลยจัดการแล้วอำพรางโดยการยัดศพคนพ่อไว้ในโอ่งหลังบ้านที่ตำรวจไปพบในตอนหลัง ขณะที่สาวแฝดพี่ถูกป้าขังไว้ภายในบ้านไม่ให้ออกไปไหน อีกทั้งทุบตีดุด่า ส่วนตัวป้าก็ออกมาขายของหน้าร้านปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จนเป็นเหตุให้ผีสาวผู้น้องปรากฎตัวออกมาเฉพาะเวลากลางคืน และไม่เคยออกมาพร้อมป้าแก จนในวันนั้นความสัมพันธ์กับพี่แว่นทำให้เธอช่วยพี่สาวของเธอมาได้ เรียกว่าเป็นเรื่องราวที่ไม่น่ากลัวสยองในทำนองผีสางนัก แต่ความดำมืดในใจคนต่างหากที่น่ากว่ากว่าเยอะ

ขอขอบคุณที่มา : เรื่องเล่าผี ร้านนี้ลูกสาวสวย คุณภาคิณ

อ่านเรื่องผีจากพันทิป เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์