ในลิฟต์บนห้างฝั่งธนฯ หนู..ลิฟต์ฝั่งนั้นกลางคืนเขาไม่ใช้กัน!

ประสบการณ์สยองขวัญ
#ห้างนี้มีผี
เล่าโดย : คุณอัน

    เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ห้างแห่งหนึ่ง แถวฝั่งธน เมื่อสอบปีที่แล้ว บริษัทที่คุณอันอยู่ ได้ไปเปิดร้านกาแฟยังห้างแห่งหนึ่ง และทางบริษัทได้ให้คุณอันไปทำงานประจำยังร้านกาแฟแห่งนี้ ร้านจะอยู่ที่ชั้นสองของห้าง

    และเนื่องจากร้านกาแฟจะอยู่ในส่วนของตัวห่าง เวลาที่จะส่งเงิน จึงไม่สามารถเอาไปเข้าแบงค์เองได้ ต้องผ่านห้างก่อนเท่านั้น วิธีการที่จะเอาเงินไปส่งให้แคชเชียร์ของห้าง จะต้องเดินไปขึ้นลิฟท์ที่หน้าห้าง เพื่อไปที่ชั้นเก้า ระยะเวลาที่จะต้องส่งเงิน จะอยู่ที่ประมาณสามทุ่มครึ่งถึงสี่ทุ่ม

    วันนั้นเป็นวันแรกที่ร้านเพิ่งเปิดทำการ หลังจากที่ปิดยอดเสร็จแล้ว คุณอันต้องเดินไปขึ้นลิฟท์ที่หน้าห้าง บริเวณนั้นก็จะมีพนักงานห้าง และคนอื่นๆที่จะต้องไปส่งเงินอยู่หลานคน มีทั้งใส่ชุดฟอร์มของห้าง และของร้านต่างๆ

    ลิฟท์หน้าห้างจะมีอยู่สองตัว ฝั่งซ้ายและฝั่งขวา แต่คุณอันสักเกตเห็นว่า คนจะมายืนต่อคิวกันที่ลิฟท์ทางฝั่งขวาหมด ทั้งๆที่ลิฟท์ทางฝั่งซ้ายลงมารออยู่ชั้นล่างแล้ว แต่กลับไม่มีใครเดินเข้าไปใช้

    ถึงคุณอันจะงงๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงวิ่งเข้าลิฟท์ทันที เพราะต้องรีบขึ้นไปส่งเงิน วันที่สอง เวลาประมาณเกือบๆสี่ทุ่ม ได้เวลาที่คุณอันจะต้องขึ้นไปส่งเงิน พอไปถึงที่หน้าลิฟท์ ก็เห็นเหมือนกับวันแรก

    ไม่มีใครเข้าไปใช้ลิฟท์ทางฝั่งซ้าย แต่ไปยืนรอลิฟท์กันทางฝั่งขวาหมดทุกคน ในใจคุณอันคิดว่าก็ดีเหมือนกัน เพราะจะได้ไม่ต้องยืนรอนาน จึงวิ่งเข้าลิฟท์ทางฝั่งซ้ายทันที คุณอันกดที่ชั้นเก้าเหมือนเดิม

    เชือกสลิงดึงลิฟท์ขึ้นไปเรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่ที่ชั่นสี่ แล้วประตูก็ค่อยๆเลื่อนเปิดออก คุณอันมองออกไปที่หน้าลิฟท์ แต่ก็ไม่เห็นว่ามีใครยืนอยู่ จึงกดปุ่มปิดลิฟท์ แต่ประตูกลับค้างไม่ยอมปิด

    ในขณะที่คุณอันกำลังพยายามกดปิด อยู่ๆก็มีพนักงานผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาในลิฟท์ ทำให้คุณอันตกใจเล็กน้อย เพราะตอนแรกก็ไม่ได้เห็นว่ามีใครยืนรอลิฟท์อยู่ แล้วประตูลิฟท์ก็ค่อยๆเลื่อนปิด คุนอันจึงถามว่า “ส่งเงินที่ชั้นเก้าใช่มั้ยคะ” แต่หนักงานหญิงกลับยืนนิ่ง ไม่แม้แต่จะหันมามองคุณอัน

    ลิฟท์ค่อยๆเลื่อนขึ้นอย่างเงียบเชียบ จนไปถึงชั้นเก้า ประตูเลื่อนเปิดออก คุณอันยืนกดปุ่มเปิดประตูลิฟท์ค้างไว้ เพื่อรอให้ผู้ร่วมทางเดินออกไปก่อน แต่พนักงานหญิงกลับยืนนิ่ง สายตาเหม่อลอย แสดงใบหน้าเรียบเฉย

    คุณอันถามว่า “ออกมั้ยคะพี่” ไร้การโต้ตอบใดๆอีกเช่นเคย นอกจากสีหน้าเรียบเฉยที่ไร้ชีวิตชีวา คุณอันจึงเดินออกจากลิฟท์ด้วยความสงสัย ว่าเธอคนนั้นเป็นอะไร ทำไมถึงไม่ยอมคุยกันกับเราด้วย

    หลังจากที่เดินออกมาจากลิฟท์ได้สามถึงสี่ก้าว เสียงประตูลิฟท์ที่กำลังเลื่อนปิด ก็ดังขึ้นข้างหลัง คุณอันจึงหันกลับไปมอง ก็ยังเห็นผู้หญิงคนนั้นยืนนิ่งไม่ขยับตัว จนประตูลิฟท์ปิดลง รปภ ที่ประจำอยู่หน้าลิฟท์ก็มองคุณอันแบบแปลกๆ

    ถึงคุณอันจะยังไม่เข้าใจต่อเหตุการณ์นี้ แต่ก็ต้องรีบเข้าไปส่งเงินก่อน จากนั้นก็เดินมารอลิฟท์ที่จุดเดิม รปภ หน้าลิฟท์ก็ถามคุณอันว่า “หนูเห็นอะไรเหรอ” คุณอันตอบว่า “หนูเห็นพี่คนนึงเค้าอยู่ในลิฟท์ แต่เค้าไม่ยอมออก” รปภ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ยิ้มตอบคุณอันเบาๆ

    ตกอีกวันหนึ่ง คุณอันเจอกับลุง รปภ ที่ชั้นล่างของห้าง รปภ ถามคุณอันว่า “หนู เมื่อคืนเห็นอะไร” คุณอันนึกย้อนไปถึงเมื่อคืน ตอนที่ขึ้นไปส่งเงิน จึงบอกกับ รปภ ว่า “หนูเห็นแคชเชียร์คนนึงค่ะ เค้าแปลกๆอ่ะค่ะ เค้าไม่พูดกับหนู” รปภ ก็บอกว่า “อืมม เหรอ ทีหลังก็ขึ้นอีกฝั่งนะ”

    ด้วยความสงสัย คุณอันจึงไปถามหัวหน้าที่คุมอยู่ในโซนชั้นที่คุณอันทำงานอยู่ หัวหน้าเล่าให้ฟังว่า เมื่อตอนที่ห้างแห่งนี้เปิดมาได้ประมาณสองปี มีแคชเชียร์คนนึงขึ้นไปส่งเงินในเวลาดึก แต่ รปภ ที่คุมลิฟท์อยู่ไม่รู้ จึงได้สับสวิตช์ไฟของลิฟท์ลง

    ทำให้แคชเชียร์ขาดอากาศหายใจตายอยู่ในลิฟท์ สภาพศพค่อนข้างหน้ากลัว ตาเหลือก อ้าปากค้าง ฉีกเงินกระจุยกระจาย จนเล็บหลุดออกเป็นแผ่นๆ ข้างฝาลิฟท์มีแต่รอยเลือด เหมือนกับว่าพยายามใช้มือที่เปื้อนเลือด ตบไปรอบๆลิฟท์ ผนักงานที่ทำงานอยู่ที่นั่น จะไม่มีใครกล้าใช้ลิฟท์ตัวนี้ ในเวลากลางคืน

    หลังจากที่คุณอันรู้เรื่องนี้เข้า ก็รู้สึกขนลุกตั้งทันที ภาพของผู้หญิงที่เจอในลิฟท์ ผุดขึ้นมาในหัว คิดว่าดีเท่าไหร่แล้วที่เค้าไม่ออมาให้เห็นในสภาพอื่น แต่ก็ยังพยายามไม่คิดมาก เพราะยังต้องทำงานอยู่ที่นี่ แต่เลื่อนมาใช้ลิฟท์อีกตัวแทน เพราะนึกภาพที่ข้างฝาลิฟท์ที่เต็มไปด้วยรอยมือเปื้อนเลือด ก็แทบไม่อยากจะเดินเข้าใกล้

    หลังจากนั้นอีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ คุณอันขึ้นไปส่งเงินปกติ เห็นผู้ชายวัยกลางคนกับเด็กอายุประมาณหกขวบ ถือเบียร์สองขวด เดินขึ้นลิฟท์มาด้วย

    วันนั้นคุณอันขึ้นไปส่งเงินช้า ส่วนมากคนอื่นๆจะส่งเงินกันเสร็จหมดแล้ว คุณอันก็เกิดความสงสัย ว่าสองพ่อลูกคู่นี้จะไปที่ไหน ถ้าจะไปที่โรงหนัง ต้องไปขึ้นลิฟท์อีกที่หนึ่ง พอลิฟท์เปิดที่ชั้นเก้า

    สองพ่อลูกก็เดินออกจากลิฟท์ แล้ววกไปขึ้นบันไดข้างๆโต๊ะของ รปภ คุณอันก็มองตามอย่างงงๆ ว่าสองคนนั้นกำลังจะไปไหน แล้วทำไม รปภ ถึงไม่ห้าม รปภ ก็หันมามองหน้าคุณอันแล้วพูดว่า “เห็นเหรอ” คุณตอบว่า “ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าค่ะลุง”

    รปภ ตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก เค้าก็มาแบบนี้ทุกวันแหละ ไปส่งเงินเถอะ” คุณอันได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกใจไม่ค่อยดี แต่ก็ต้องรีบเข้าไปส่งเงินก่อน หลังจากส่งเงินเสร็จแล้ว คุณอันก็ออกมาถามทันทีว่ามันคืออะไร

    รปภ จึงเล่าให้ฟังว่า เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว มีพนักงานแคชเชียร์ของที่นี่คนหนึ่ง ลาออกจากงาน แล้วหนีไปอยู่กับแฟนใหม่ สามีจึงหอบลูกมาตามหา แต่พอทราบว่าแฟนขอตนเองได้ลาออกจากที่นี่ไปแล้วก็รู้สึกเครียด ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน

    จึงซื้อเบียร์มานั่งดื่มรอแฟนที่นี่ทุกวัน จนวันหนึ่ง ผู้ชายคนนี้ซื้อเบียร์แอบขึ้นไปนั่งกินบนดาดฟ้ากับลูก แล้วจับลูกกระโดดลงไปข้างล่างด้วยกัน รปภ บอกอีกว่าผู้ชายคนนี้กับลูกจะต้องมาในเวลาเดิมทุกวัน บางวันก็เห็น บางวันก็ไม่เห็น ถ้าวันไหนเห็นเข้า ก็ทำทีว่ามองไม่เห็น

    และอีกเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงสงกรานต์พอดี เป็นวันที่คุณอันรู้สึกเพลียมาก เนื่องจากคนเยอะ ประกอบกับที่ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวัน ช่วงคนเริ่มซาๆ จึงขอน้องที่ทำงานอยู่ด้วยกัน ขึ้นไปนั่งทานข้าวที่ชั้นสาม บนชั้นสามก่อนจะเข้าห้องอาหาร จะเป็นโซนขายเสื้อผ้าเด็ก และของเล่นเด็ก

    ระหว่างที่คุณอันกำลังเดินผ่าน ก็เห็นเด็กผู้ชายคนนึง นั่งเล่นอยู่คนเดียว ด้วยความที่คุณอันเป็นคนรักเด็ก คิดในใจว่าเด็กคนนี้น่ารักจัง หลังจากทานอะไรเสร็จก็ลงมาที่ร้านต่อ จนเวลาล่วงไปถึงสองทุ่ม เป็นวันที่คุณอันรู้สึกเหนื่อยมาก แต่ยอดขายกลับไม่ดีเท่าที่ควร

    ช่วงที่ไม่ค่อยมีลูกค้า คุณอันก็ได้เดินไปเข้าห้องน้ำ คนยืนต่อคิวกันเข้าห้องน้ำกันเยอะมาก เพราะเป็นช่วงสงกรานต์ แต่คุณอันสังเกตเห็นห้องหนึ่งที่ไม่มีคนใช้ เพราะประตูมันปิดไม่สนิท จึงลองผลักประตูเข้าไปดู

    ปรากฏว่าเห็นเข้ากับเด็กผู้ชายตัวสีดำๆ นั่งยองๆอยู่บนฝาชักโครก คุณอันตกใจ รีบปล่อยมือถอยหลังออกห่างจากประตูห้องน้ำ แต่ด้วยความที่กำลังเหนื่อย จนทำให้รู้สึกหงุดหงิดมากกว่ากลัว จึงพูดขึ้นในใจว่า “พี่เหนื่อย ขอพี่ฉี่ก่อนได้มั้ย ถ้าอยากกินขนมอะไรอ่ะ ไปเรียกลูกค้าเข้าร้านพี่ ถ้าได้หมื่นนึงอ่ะ พี่จัดชุดใหญ่ให้เลย”

    คุณอันค่อยๆผลักประตูเข้าไปช้าๆ ฝาชักโครกที่มันปิดอยู่ ตอนนี้กลับเปิดอ้าขึ้นเอง ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยกลัว แต่ก็ยังรู้สึกระแวงอยู่หน่อยๆ ดีที่มีคนในห้องน้ำเยอะ คุณอันจึงเข้าไปทำกิจด้วยอาการขนลุกตั้ง แต่วันนั้น ยอดขายได้เกินหมื่นจริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่แทบจะไม่น่าเชื่อ จึงจัดชุดใหญ่ให้ตามที่เคยบอกไว้

    คุณอันอยากรู้ประวัติของเด็กคนนั้น จึงไปถามคนในแผนกกีฬาที่อยู่ข้างๆ ได้ความว่า มีเด็กคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน แต่จะอยู่แค่ในแผนกของเล่น ถ้าผนักงานในแผนกคนไหน ทุจริตหรือขโมยของแม้แต่ชิ้นเดียว เด็กคนนี้จะตามไปถึงที่บ้าน จนอยู่ทำงานที่นี่ต่อไม่ได้ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด