เรื่องผีจากศิลปินดัง..สยองที่หนองจอก

เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่นักร้อง R&B สายหมีชื่อดังอย่าง “ป๊อบ ปองกูล สืบซึ้ง” ได้นำมาเล่าในรายการ “Campปลิ้น” ซึ่งเป็นรายการวาไรตี้ของโคตรคูลแชแนล ที่มีธีมเป็นการออกแคมป์เดินป่าและก่อกองไฟเสมือน และในตอนหนึ่งที่ได้มีการเล่าเรื่องผีรอบกองไฟกัน โดยเรื่องเล่าของคุณป๊อบนั้น พูดถึงเรื่องราวที่มีจุดเริ่มต้นจากความทรงจำในวัยเด็ก เคยเดินทางผ่านถนนตัดใหม่เส้นหนองจอกเข้ากรุงเทพฯ ในยามวิกาล ซึ่งในสมัยนั้นทางยังคงเปลี่ยวมาก จู่ๆก็พบเจอกับสิ่งที่ชวนตกตะลึง แต่ด้วยความที่ยังเด็กก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่มันยังเป็นภาพจำที่ฟังลึกอยู่ในในเสมอมา จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อโตขึ้น แล้วมีโอกาสได้กลับไปยังถนนเส้นนั้น เหตุการณ์สยองขวัญที่กลับมารื้อฟื้นความทรงจำ…ก็ได้เริ่มขึ้น!

เรื่องเล่าสยองขวัญ: เรื่องสยองที่หนองจอก

ผู้เล่า: ป๊อบ ปองกูล

ที่มาเรื่องเล่าผี: Campปลิ้น โคตรคูล channel

ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน สมัยที่คุณป๊อบยังอยู่ในชั้นปฐมศึกษา เนื่องจากตอนนั้นยังอาศัยอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรี และมีโอกาสได้ติดสอยห้อยตามคุณแม่เข้ากรุงเทพอยู่บ่อยๆ คืนหนึ่งคุณแม่ของคุณป๊อบได้เลือกที่จะใช้เส้นทางสายหนองจอก เพื่อจะลัดการเดินทางเข้ากรุงเทพ คุณป๊อบเล่าว่าสมัยนั้นทางเส้นนี้พึ่งตัดได้ไม่นาน ทำให้ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมจากผู้ใช้ถนนหนทางในช่วงเวลานั้น ทางจึงค่อนข้างจะเปลี่ยวร้างผู้คน หากพูดให้เห็นภาพกว่านั้นคือ บางทีตลอดการเดินทางไปกรุงเทพ อาจจะไม่เจอรถร่วมทางเลยสักคันก็มีเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม…ไม่ว่าจะโชคร้ายหรือโชคดี คืนนั้นก็มีรถร่วมทางสายเดียวกันคันหนึ่ง หลังจากคุณป๊อบตื่นขึ้นมาที่เบาะหลังในช่วงกลางดึก เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้านข้างแถวหลังผู้โดยสารของรถเก๋ง ก็พบกับรถกระบะโฟร์วีลคันหนึ่ง ทุกอย่างก็ดูปกติดีทุกอย่างเว้นก็แต่เพียง…บนรถคันนั้นกลับมีร่างของใครบางคน ยืนเกาะรถโต้ลมอยู่ด้านข้าง ราวกับกำลังโต้คลื่นอยู่บนเสริ์ฟบอร์ดก็ไม่ปาน! ยิ่งในเวลากลางค่ำกลางคืนแบบนี้ มันทำให้ภาพตรงหน้ายิ่งดูประหลาดจนชวนขนลุก คุณป๊อบเอ่ยปากถามแม่ด้วยความสงสัย “แม่…นั่นอะไรอ่ะ” แต่คุณแม่ของเขาไม่ได้ให้คำตอบกลับมา บอกเพียงแต่ว่า “ไม่ต้องถาม” แล้วรีบตบเกียร์เร่งรถขึ้นจนแซงทิ้งรถคันดังกล่าวหายไปในความมืด…

ผ่านไปสิบกว่าปี เรื่องนี้ก็ดูเหมือนจะห่างหายไปจากความทรงของคุณป๊อบ แต่ความจริงแล้ว “ไม่เลย” มันยังคงเป็นภาพจำที่ฝังลึกอยู่ในซอกหลืบของจิตใจ ในวันที่คุณป๊อบกลายมาเป็นนักร้องแล้ว ก็มีโอกาสได้ร่วมเดินทางกลับไปร่วมงานบวชของเพื่อนที่จังหวัดปราจีนร่วมกับเพื่อนๆอีกจำนวนหนึ่งจากกรุงเทพ ทุกอย่างหมุนกลับมาอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในช่วงกลางคืน และเส้นทางสายหนองจอก ระหว่างที่เดินทางมาด้วยรถส่วนบุคคลผ่านทางนี้ คุณป๊อบก็เกิดนึกถึงความทรงจำสมัยเด็กขึ้นมาได้ ก่อนจะออกปากเล่าให้เพื่อนๆในรถฟัง เพื่อเป็นการคร่าเวลา “เห้ย..พวกเมิง กรุมีเรื่องจะเล่าให้ฟังว่ะ”

คุณป๊อปก็เล่าเรื่องที่เคยพบเจอในถนนแถบนี้ให้ฟัง เนื่องจากจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ารถเดินทางมาใกล้กับจุดเกิดเหตุในวันนั้นพอดี สร้างความตื่นเต้นครื้นเครงในหมู่คณะ แต่พอเล่าจบ…ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น จู่ๆรถที่เดินทางอย่างคล่องแคล่วมาตลอดทางก็ทำท่าจะดับลงอย่างกระทันหัน คุณป๊อบเลยบอกให้เพื่อนพยายามประคองรถไปจอดเข้าข้างทางก่อนโค้งใหญ่ด้านหน้า สองข้างทางมืดไปหมดมีเพียงแสงไฟสลัวๆ อย่าว่าแต่เคหะสถานหรือร้านสะดวกซื้อ รถสักคันที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็น คุณป๊อบกับเพื่อนพากันลงมาจากรถ ช่วยกันดูว่าเครื่องยนต์มีปัญหาอะไรรึเปล่า หม้อน้ำแห้งมั้ย ยืนชุลมุนกันอยู่ตรงนั้นกว่าครึ่งชั่วโมง

ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างอยู่บ้าง ที่จู่ๆก็มีรถแท็กซี่ขับผ่านทางมาพอดี แล้วไถ่ถามว่ารถเป็นอะไร เสียหรือ? คุณป๊อบจึงเข้าไปคุยและอธิบายเหตุการณ์ และต้องการนั่งรถไปตามช่างมาช่วยดู แต่คุณลุงขับแท็กซี่ตกลงที่จะช่วยเหลือด้วยการลากรถไปในเขตชุมชน คงมีแค่ทางนี้เท่านั้น ในที่สุดทั้งแท็กซี่และรถของคุณป๊อบก็ออกมาถึงหน้าสถานีตำรวจใกล้ๆได้อย่างปลอดภัย ก็ขอบคุณคุณลุงกันยกใหญ่ โดยลุงบอกไว้ว่า “ถ้าลุงไม่ช่วยก็ไม่รู้จะรอดมั้ย แถวนี้โจรก็มี ผีก็ดุ” ทันใดนั้นจู่ๆรถที่นิ่งสนิทไม่มีที่ท่าว่าจะกลับมาวิ่งได้อีก ก็เกิดสตาร์ทติดขึ้นมาเสียเฉยๆ ราวกับไม่เคยดับมาก่อน

หลังจากเหตุการณ์ชวนพิศวงผ่านพ้นไป ทุกคนก็เตรียมตัวเดินทางออกจากหน้าสถานีตำรวจเพื่อไปปราจีนบุรีกันอีกครั้ง แต่ระหว่างนั้นก็หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นบทสนทนากันอีกครั้ง “เชี่ยย…เมื่อกี้แมร่งอะไรวะ อยู่ๆก็ดับเฉยเลย” รถยังไม่ทันออกไปได้เท่าไหร่จู่ๆก็มีหมาดำทมิฬตัวใหญ่ กระโดดผ่านตัดหน้ารถไป ทำให้เพื่อนที่ขับต้องเบรคกระทันหัน “เอี๊ยยยยยยยยยยด~” เรียกว่าหน้าคะมำกันอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย! “เห้ยย เชี่ยยอะไรอีกวะเนี่ย…”

“แต๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน~”

เสียงของแตรรถดังค้างออกมายาวๆ โดยที่เมื่อของเพื่อนที่ขับ ไม่ได้อยู่บนพวงมาลัยด้วยซ้ำ! มันดังขึ้นมาเองได้ยังไงก็ไม่มีใครทราบ สิ่งเดียวที่ทราบคือ “เราหยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า” ก่อนจะยกมือขอโทษขอโพย อะไรก็ตามที่อาจจะมีตัวตนแต่มองไม่เห็น… ตลอดการเดินทางที่เหลือ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย และในที่สุดก็เดินทางถึงที่หมายทันเวลา อย่างไรก็ตามหลังเข้าร่วมพิธีอุปสมบทในวันถัดไป เพื่อนๆของคุณป๊อบที่ร่วมทางมาด้วยกันตกลงจะค้างที่ต่างจังหวัดอีกคืน จึงสีเพียงคุณป๊อบที่ขอตัวกลับในเย็นวันนั้น เนื่องจากคืนนี้มีงานต้องขึ้นร้องเพลง

ขากลับเส้นทางเดิม คุณป๊อบแทบจำจะจุดเกิดเหตุได้อย่างละเอียด พอใกล้จะถึงจุดที่ว่าก็อดกลืนน้ำลายลงคอด้วยความสะพรึงไม่ได้ อย่างไรก็ตามคุณป๊อบก็ยกมือขึ้นไว้และบีบแตรเมื่อผ่านบริเวณจุดที่รถเคยดับกระทันหัน และรู้สึกโล่งใจที่ไม่เกิดขึ้นอีกในวันนี้ แต่… ไม่ทันจะโล่งใจได้นานก็เกิดตัวเย็นเฉียบกระทันหัน สายตาจับจ้องเขม็งไปที่อะไรบางอย่างตรงมุมโค้งข้างหน้า ภาพที่เห็นทำเอาคุณป๊อบแทบหยุดหายใจ เพราะบริเวณมุมโค้งที่เลยจากจุดที่คุณป๊อบรถเสียเมื่อคืนไม่มาก และคุณป๊อบกับเพื่อนใช้เวลาเดินสำรวจไปมาเพื่อมองหารถที่ผ่านมาบ้าง มองหาคนบ้างอยู่ร่วมชั่วโมง โดยไม่พบอะไรที่ติดใจหรือผิดสังเกต บัดนี้ที่มุมโค้งนั้นกลับมีศาลขนาดใหญ่ตั้งอยู่ มันใหญ่ขนาดที่ว่าแม้ไม่ตั้งใจมองก็สามารถสังเกตเห็นได้ เป็นไปไม่ได้ที่เมื่อคืนจะไม่มีใครรู้สึกถึงเลย…. เว้นแต่ว่า จะโดนเข้าให้แล้ว และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด