ไอ จัส วอนนา เป็น แฟน ผี ได้ บ่ … เรื่องสยองของคนตกหลุมรักผี

มีเรื่องผีเดอะช็อคอยู่ตอนหนึ่ง ซึ่งเคยฟังมานานแล้ว อาจจะไม่แม่นในเรื่องรายละเอียดมากนัก แต่แก่นของเรื่องยังจำได้ดี มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับหนุ่มนศ.ปีหนึ่ง ที่ไปพบหญิงสาวสะสวยราวกับนางในฝัน และพยายามที่จะสานสัมพันธ์ทำความรู้จักกัน ก่อนเกิดเรื่องน่าเศร้าแบบไม่ทันตั้งตัว

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ผมยังเป็นนักศึกษาด้านดนตรีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ผมมีโอกาสได้พบกับผู้หญิงที่เห็นครั้งแรกก็ตกหลุมรักโดยบังเอิญ ผมไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนาม ค่ำคืนนั้นผมอยู่ซ้อมกีตาร์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นเอกที่ผมเรียนอยู่จนดึก ตอนที่ผมกำลังจะกลับก็แวะเข้าห้องน้ำที่ตึกในคณะ ผมสังเกตเห็นว่า…ยังมีห้องซ้อมหนึ่งที่เปิดไฟสว่างอยู่ เสียงจสกเครื่องฟลุ๊ตลอยเอื่อยมาเข้าหูผม คนที่ยืนเป่าฟลุ๊ตอยู่ในห้องนั้นเป็นหญิงสาวในชุดนักศึกษา แม้เธอจะยืนหันหลังอยู่ ผมก็มันใจว่าสวยแน่นอน

หลังยืนเกาะกระจกฟังอยู่ครู่นึง ผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ตอนนั้นรู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะพอออกมาก็พบว่าห้องดังกล่าวปิดไฟมืดสนิท สาวเจ้าก็ไม่อยู่เสียแล้ว ผมเองก็ทำได้แต่บ่นอยู่ในใจ รู้งี้ยืนรอเธออีกแป๊บนึงก็ดีหรอก หลังจากนั้นผมก็กลับไปที่หอ เล่าอวดเรื่องนี้ให้เพื่อนร่วมห้องอีก 2 คนฟัง ผมสาธยายความงดงามของเธอยู่หลายนาที ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและบทเพลงที่เธอบรรเลง แต่เพื่อนผมคนนึงก็ดันสัพยอกมาทีนึงว่า

“สี่ห้าทุ่มแล้วเนี่ยนะ จะมีผู้หญิงที่ไหนไปซ้อมดึกดื่นอยู่ในตึก”

ผมก็ยืนยันเสียงแข็งว่า…เห็นจริงๆ ไม่ได้โม้แต่ประการใด เสียดายที่ไม่ได้ทำความรู้จักกัน กระทั่งวันหนึ่ง ผมกลับจากคลาสเรียนก็ตรงไปที่หอ ไม่รู้ว่าเป็นพรหมลิขิตหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ผมพบเธออีกแล้ว ผมจำเธอได้ เธออยู่ในชุดนักศึกษากระโปรงทรงพีท สะพายกล่องฟลุตสีดำอยู่บนไหล่ คราวนี้แหละผมจะเข้าไปทักเธอล่ะนะ ติดอยู่ตรงที่ว่า ผมอยู่คนละฝั่งของถนน กว่าที่ผมจะข้ามพ้นเธอก็รูดการ์ดเปิดประตูเข้าไปในหอแล้ว ใช่แล้ว ถึงจะคลาดกันอีก แต่อย่างน้อยๆก็รู้แล้วว่าเธออยู่หอเดียวกันกับผม

ที่น่าดีใจไปมากกว่านั้น คือก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าถัดจากห้องผมขึ้นไปหนึ่งชั้น มักจะมีเสียงซ้อมฟลุตหลุดลอยมาถึงบ่อยๆ อันที่จริงผมไม่ได้สนใจมันมากกว่า เนื่องจากในหอนี้ก็มีนักศึกษาสายดนตรีอยู่ไม่น้อย อย่าว่าแต่เสียงฟลุตเลย ผมได้ยินมาหมดทุกเครื่องดนตรี จนนึกว่ามีวงออเครสต้าในตึกด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม หลังจากคืนที่ผมได้เจอเธอ ผมก็จำท่วงทำนองบรรเลงของเธอได้ ห้องของเธออยู่ด้านบนตรงกับห้องของผมนี่เอง

“เพล้งง!!” เย็นวันนึงระหว่างที่ผมซ้อมกีตาร์อยู่ในห้อง จู่ๆก็ได้ยินเสียงคล้ายแก้วแตกดังลงมาจากเพดานห้อง ผมสังหรใจว่าเสียงนี้ดังมาจากห้องเธอ เลยถือโอกาสนี้แหละไปเคาะประตูห้องเธอ “ก๊อกๆๆ ขอโทษนะครับ คุณเป็นอะไรรึเปล่า” ไม่นานนักเธอก็เปิดประตูให้ ต้องบอกว่าได้มาเจอซึ่งๆหน้าผมยิ่งชอบเธอมากขึ้นไปอีก แม้ในวันสบายๆที่ไม่ได้แต่งหน้า ก็ยังคงหน้ามอง เธอบอกว่าเผลอทำโคมไฟล้มจนแตก พอมองเข้าไปก็พบเศษหลอดไฟกระจายเกลื่อน ผมก็เลยอาสาช่วยจัดการให้ พร้อมเป็นธุระเปลี่ยนหลอดไฟให้อีก

จากนั้นก็ได้คุยกันบ้าง ได้ความว่าเธออยู่คนเดียว แม้ผมจะอดสงสัยไม่ได้ว่าของบางชิ้นในห้องเธอดูไม่ใช่รสนิยมของผู้หญิง แต่จู่ๆจะให้ถามคนที่พึ่งคุยกันครั้งแรกว่า “อ้าว ไม่ใช่ว่าอยู่กับแฟนเหรอครับ” คงโดนเกลียดและไล่ตะเพิดแน่ๆ อย่างไรก็ตามผมก็ได้เริ่มสานสัมพันธ์แล้ว แถมยังได้เฟสบุ๊คเธอมาอีกด้วย

หลังจากนั้นผมก็ใจจดใจจ่ออยู่กับโน๊ตบุ๊คที่เปิดเฟสบุ๊คไว้เสมอเวลาอยู่ห้อง เรียกว่าไม่เป็นอันซ้อมดนตรีเลย คืนนึงผมเห็นเธอออนไลน์อยู่เลยทักไปว่า “ยังไม่นอนเหรอครับ” แต่แทนที่เธอจะตอบอะไร กลับส่งอิโมจิรูปหน้าร้องไห้มารัวๆไม่หยุด ผมเองก็ตกใจ เลยตัดสินใจกะว่าไปจะเคาะห้องเธอ ปรากฎว่าห้องก็ปิดไฟมืดสนิท ผมเลยไม่กล้าเคาะด้วยความว่าเกรงใจ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน

กระทั่งเช้าวันถัดมา ผมตื่นสายนิดหน่อย กว่าจะแต่งตัวออกจากห้องเพื่อนก็ออกมากันก่อนแล้ว ผมสับผัสได้ถึงความวุ่นวายของเสียงผู้คนในหอ มันมีที่มาจากชั้นบนเลยเดินขึ้นไปดู ปรากฎว่ามีคนจำนวนนึง ยืนมุงล้อมหน้าห้องของเธอยู่ ในนั้นมีเพื่อนร่วมห้องของผมรวมอยู่ด้วย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

“เอ่อๆ เถอะน่า เมิงยังไม่ต้องรู้หรอก”

“รีบไปกันดีกว่า เดี๋ยวไม่ทันสอบ”

ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คาดคั้นคำตอบจากเพื่อน เนื่องด้วยวันนั้นมีเตรียมสอบ และเราก็เริ่มสายแล้ว จนกระทั่งผ่านไปกว่าอาทิตย์ผมก็ลืมเรื่องนั้นไปสนิท เนื่องจากผมและเพื่อนๆก็ยุ่งอยู่กับการสอบ และไม่ได้เอ่ยปากถามอีก

ค่ำวันนนึง หลังจากสอบกลางภาคเสร็จ พวกเราไปฉลองสอบเสร็จที่ผับแถวม. อย่างไรก็ตาม เป็นผมที่ปลีกตัวออกมาก่อน ผมกลับมานอนเล่นที่หออย่างสบายใจคนเดียว จนนึกถึงเธอขึ้นมาได้ เลยทักเฟสไปคุยกับเธอ อาจด้วยความกล้าที่มาจากก้นขวดเพียวๆ ซึ่งเพื่อนขยั้นขยอให้ผมดื่มเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ทำให้คราวนี้ผมบอกเธอไปตรงๆ

“เราจีบเธอได้มั้ย? เธอมีแฟนรึเปล่า ขอเบอร์โทรได้มั้ย คบกันได้รึเปล่า บลาๆๆ”

ผมพล่ามอะไรออกไปบ้างก็ไม่แน่ใจ แต่มันคงเป็นความรู้สึกที่ตกค้างในใจมาตลอด ต่อให้ต้องผิดหวังก็ไม่กลัวแล้ว

“เราไม่ให้ได้มั้ย เพราะไม่นาน…เราก็จะไปแล้ว”

“แต่…ไว้เราจะไปหาเธอนะ”

ผมอ่านข้อความของเธอแล้วก็ไม่แน่ใจว่าควรดีใจหรือเสียใจ อาจเพราะความมึนเมาทำให้อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ แต่อันที่จริงแล้ว…มาคิดดูภายหลัง ข้อความของเธอในวันนั้นมันก็น่าสงสัยจริงๆ หลังจากนั้นผมก็พล็อยหลับไปบนเตียง คืนนั้นผมก็ฝัน ฝันว่าเธอคนนั้นมาหาที่ห้อง

“มาหาแล้วไง นี่…เห็นบ่นว่าอยากกิน อยู่คนเดียวด้วย คงจะหิวล่ะสิ”

เธอไม่ได้มาตัวเปล่า…แต่มาพร้อมปิ่นโตลายน่ารัก ด้านในมีอาหารสองอย่าง คือ ยำมาม่ากับยำปลากระป๋อง และข้าวสวยวางไว้บนโต๊ะ

“เรา…จะไปแล้วนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“เธอจะไปไหนเหรอ เดี๋ยวเราไปส่งมั้ย

“ไม่ต้องหรอก มีรถมารับเราแล้ว…”

จากนั้นผมก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ประจำในตอนเช้า พบว่าเพื่อนอีกสองคนกลับมานอนสิ้นสภาพกันหมดแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ผมแแอบตกใจก็คือ ที่โต๊ะญี่ปุ่นในห้อง มีปิ่นโตบรรจุยำมาม่าและยำปลากระป๋องอยู่ พร้อมโน๊ตกระดาษลายมือผู้หญิง “กินให้หมดนะ” ผมก็ใจฟูขึ้นมาเพราะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เพียงฝันไปแน่ๆ

ระหว่างที่ผมนั่งโซ้ยอาหารฝีมือคนที่ผมชอบอย่างเอร็ดอร่อย เสียงไซเรนก็ร้องโหยหวนอย่างวังเวง ดังขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะมาหยุดแถวหน้าหอ ผ่านไปไม่นานก็มีเสียงโหวกเหวกของผู้คนดังมาจากชั้นบนอีกแล้ว เหมือนเช้าวันนั้น…

คราวนี้ผมไม่รอช้าที่จะวิ่งขึ้นไปดู ทันใดนั้นเอง เปลสีขาวซึ่งมีสองคนแบกก็พุ่งตรงมาทางผม แต่สิ่งที่ทำผมแทบช็อคก็คือ คนที่นอนอยู่ตรงนั้น ร่างที่นอนนิ่งไร้ลมหายใจบนเปลคือเธอคนนั้น บนคอเธอมีรอยเชือกช้ำม่วงๆเขียวๆ สิ่งที่ได้รู้ตอนนั้นคือเธอจบชีวิตด้วยการผูกคอในห้อง แล้วมีคนพบเข้า น่าเสียดายว่าไม่ทันการเสียแล้ว

วันนั้นทั้งวันผมนั่งช็อคกับเหตุการณ์อยู่ที่หน้าหอ ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นและคำถามเต็มไปหมด เธอทำไปเพื่ออะไร? เมื่อคืนยังคุยกันดีๆอยู่แท้ๆ ที่สำคัญกว่านั้นคือ เธอเสียไปตอนไหนกันแน่ เมื่อคืนใช่ความฝันรึเปล่า ใคร…ที่มาหาผมที่ห้อง?

หลังจากเพื่อนร่วมห้องสองคนรู้ข่าว ก็ทำหน้าท่าทางยุกยิกก่อนพูดออกมาว่า…ความจริงแล้วในเช้าวันนั้นก็เคยเกิดเรื่องมาก่อน เธอเคยใช้คัตเตอร์กรีดแขน เพราะความซึมเศร้า เสียใจที่แฟนบอกเลิก โชคยังดีที่มีคนช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทัน แต่พอกลับมาอยู่คนเดียวในหออีกก็เกิดเรื่องซ้ำรอย อย่างที่โบราณเค้าว่า… อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด ภายหลังการสืบสวนพบว่า ในที่เกิดเหตุมีร่องรอยของการทำอาหารที่ดูเหมือนว่า มีส่วนผสมเป็นเครื่องยำ มาม่า และปลากระป๋อง หากแต่เธอไม่ได้เป็นกินมันเข้าไป

จากวันนั้นมาหลายเดือนแล้ว ผมก็ยังคงอยู่ที่หอห้องเดิม ได้ข่าวว่าห้องที่เธอเคยอยู่ก็ปิดปรับปรุงชั่วคราวไปเลย ส่วนตัวผมไม่ได้กลัวเธอ อย่างไรเธอก็เคยเป็นคนที่น่ารักและดีกับผม ผมเองก็ไม่เคยฝันหรือพบเจอเธออีก แต่มันก็มีเหตุการณ์แปลกๆเช่นว่า ภายหลังที่ผมเริ่มสานสัมพันธ์กับสาวคนใหม่ ไม่นานเธอก็ยุติความสัมพันธ์ เธอให้คำตอบผมว่า… มีสายจากเบอร์ผมโทรมาหา แต่เป็นผู้หญิงพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า

“อย่าโทรมาอีก… อย่าโทรมาอีก… อย่าโทรมาอีก…”

ตอนเป็นคนเธอให้สถานะแค่คนคุย แตพอเธอตุย…มาหึงหวงกันซะง้านนน เรื่องราวก็มีเพียงเท่านี้