เรื่องนี้มีผู้ฟังรายการ “อังคารคลุมโปง” โทรเข้ามาบอกเล่าประสบการณ์สยองต่างแดน สมัยที่เธอไปพักในโรงแรมค่ายทหารอเมริกันในญี่ปุ่น แล้วเจอผีผู้หญิงสองคน จนตกใจโพล่งบทสวดออกมา แต่แทนที่ผีจะกลัว กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
คุณแพทเล่าไว้ว่า… ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว เนื่องจากสามีคุณแพทเป็นทหารอาชีพของกองทัพอเมริกัน ทำให้มีประสบการณ์ต้องเดินทางติดสอยห้อยตามสามี ไปทำงานหรือประจำการในต่างประเทศอยู่บ่อยๆ
แต่ประเทศหนึ่งที่เธอไม่เคยลืมเลย คือที่ฐานทัพทหารอเมริกันในญี่ปุ่น ตอนนั้นเธอกับสามีได้ที่พักเป็นโรงแรมในเขตฐานทัพ ตัวโรงแรมแม้จะดูมีอายุอานามมากโขอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทรุดโทรมถึงขนาดไม่น่ามอง อย่างไรก็ตามห้องพักของที่นี่ก็ไม่ได้อยู่อาศัยสบายนัก เนื่องด้วยขนาดห้องที่แคบมากๆ ตามสไตล์ห้องพักในญี่ปุ่น ซึ่งพื้นที่มีราคาแพง
ถึงอย่างนั้น…คุณแพทก็อดกังวัลไม่ได้ ด้วยบรรยากาศที่ดูวังเวงพิกล เธอเล่าว่าเลย์เอาท์ของห้องค่อนข้างแปลก เปิดแระตูเข้าไปจะพบโถงเล็กที่มีโทรทัศน์ และโต๊ะทำงานพร้อมโคมไฟตั้งอยู่ ถัดเข้าไปจะเป็นทางเดินยาวแคบๆไปสู่ห้องนอนด้านใน แต่ระหว่างทางไปสู่ห้องนอนจะต้องผ่านอีก 2 ห้อง ทางด้านซ้ายเป็นห้องอาบน้ำ ส่วนด้านขวาเป็นห้องส้วม ซึ่งดูไปดูมาก็ขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ‘นี่มันทางสามแพร่งในห้องชัดๆ ไม่ใช่เหรอ?’
คืนนั้นคุณแพทก็เล่าว่าจู่ๆตนกลัวรู้สึกเพลียอย่างหนัก ราวกับมีใครเอามือมาดึงหนังตาเธอให้ปิดลง อาจจะด้วยการเดินทางระยะไกลมาก็เป็นได้ ในขณะที่สามีเธอนั่งทำงานอยู่ในส่วนโถงหน้าห้อง จนกระทั่งกลางดึก คุณแพทก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกระซิบกระซาบ ทั้งๆที่ในห้องมีเพียงเธอกับสามี เธอฟังอยู่ครู่หนึ่งก็พอจับใจความได้ว่า มันเป็นเสียงการสนธนาที่มีอารมณ์แฝงอยู่ของผู้หญิงสองคน แต่คุณแพทไม่เข้าใจความหมาย เพราะพวกเธอเหล่านั้นใช้ภาษาญี่ปุ่น
ถึงตรงนี้คุณแพทเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งๆที่อากาศเย็น เธอรู้สึกตัว…นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่ทันทีที่เธอพยายามจะลุกขึ้นมานั่ง ปรากฎว่าทำไม่ได้! ราวกับมีมวลสารหนักอึ้งที่มองไม่เห็นในห้อง ฉุดรั้งเธอเอาไว้กับเตียง เธอทำได้เพียงขยับแขนขา แหวกว่ายเบาๆในอากาศ ต่อให้ดิ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี ซ้ำร้ายกว่านั้น เปลือกตาของเธอยังลืมขึ้นได้ยากเย็นเหลือเกิน แต่เธอก็พยายามสอดส่องไปในความมืดสลัว เพื่อมองหาต้นกำเนิดเสียง
มันมาจากทางปลายเตียงของเธอ ไม่ห่างจากเธอมากนัก มีผู้หญิงผมยาวคลุมหน้าคลุมตาจนไม่เห็นใบหน้า 2 คนกำลังนั่งถกเถียงกันอยู่ที่ปลายเตียงคุณแพท ขณะที่ด้านหลังถ้ดออกไปมีชายผิวสีรูปร่างสูงใหญ่ ในชุดทหารอเมริกันยืนเป็นฉากหลังมองการปะทะคารมกันของสองสาวตรงหน้าอย่างเบื่อหน่าย แม้ไม่เข้าใจว่าพวกเธอและเขามีเรื่องอะไรกัน แต่คุณแพทก็รู้สึกว่าภาพที่เห็นตรงหน้า ชวนคิดได้ว่าเป็นเรื่องราวรักสามเศร้า ของสองหญิงกับหนึ่งชายไม่ใช่หรือ
ในระหว่างที่คุณแพทจ้องมองภาพข้างหน้าราวกับจะค้นหาคำตอบ ชายในชุดทหารก็มีปฏิกิริยาบางอย่าง ดูเหมือนเขาเริ่มจะตระหนักได้ว่า…มีคนรับรู้ตัวตนของพวกเขาได้ เลยพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษกับคุณแพทว่า
“อย่าเข้ามายุ่งกับพวกเรา”
สิ้นสุดคำพูดนั้น หญิงในชุดกิโมโนสีขาวล้วนทั้งสอง ก็ค่อยๆหันหน้ามาทางคุณแพท พวกเธอโน้มตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ คุณพระ! ส่วนที่ควรจะเป็นที่ตั้งของดวงตา คิ้ว จมูก บนใบหน้าของพวกเธอ มันกลับขาวโล้นเลี่ยนว่างเปล่า ผีไร้หน้าสองตนแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย คุณแพทตกใจอย่างหนัก ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ ที่มีอะไรก็ต้องคว้ามาเอาตัวรอดไว้ก่อน บทสวดเดียวที่หลุดออกมาจากปากเธอแบบอัตโนมัติคือ… นะโมตัสสะ ภัคคะวะโต
“นะโม๊ะ~ ตัสซ๊ะ??”
“ผักคะวาโต๊ะ…!!”
แทนที่จะช่วยให้อะไรดีขึ้น กลับกลายเป็นว่าสองผีสาว กำลังทวนคำท่องบทสวดมนต์ของคุณแพทอย่าง ‘หน้าตาเฉย’ แต่มาในสำเนียงญี่ปุ่น ในน้ำเสียงบ่งบอกถึงความขบขัน คล้ายกับกำลังล้อเลียนคุณแพทอย่างสนุกสนาน พวกเธอยกแขนที่มีชุดกิโมโนขาวคลุมไว้เกือบถึงข้อมือมาป้องปากสีแดงฉาน พร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก มันเป็นบรรยากาศสุดเลวร้ายสำหรับคุณแพท
เธอพยายามจะเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากสามี แต่เสียงตะโกนด้วยแรงทั้งหมดกับหายลงไปในคอ ไม่มีสักเดซิเบลเล็ดลอดออกมาเลย คุณแพททนดูภาพน่าจนลุกอยู่สักพักจนเริ่มตั้งสติได้ ก็เริ่มตั้งจิตอธิษฐานถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกให้ปกปักคุ้มครองเธอ ต่อมาเธอก็ปล่อยให้ร่างนำใจ กายนำจิต เธอเริ่มแช่งผีทั้งสามตนด้วยอารมณ์โมโหสารพัดสารเพ ออกมาแบบไม่รู้ตัว
“ถ้าพวกแกไม่เลิกหลอกเลิกหลอน ขอให้พวกแกจมปลักอยู่ในก้นบึ้งของวังวนความรัก จนไม่ต้องไปผุดไปเกิด ตราบชั่วฟ้าดินสลาย!!”
สิ้นคำนั้นเสียงหัวเราะก็หยุดลงแทบจะในทันที ผีทั้งสามจางหายไปราวกับหมอกควัน ไม่มีร่องรอยอะไรเหลืออยู่ ในขณะที่คุณแพทก็ผลุบลุกขึ้นมานั่งแบบแทบไม่ต้องใช้เรี่ยวแรง เธอเล่าให้สามีฟัง ว่าทำไมไม่ช่วยเธอ ฉันอุตส่าห์เรียกตั้งนาน แต่คนผู้เป็นสามีตอบว่า…เห็นเพียงเธอกำลังทำท่าราวกับรำไทเก๊ก เลยเข้าใจว่าคงนอนละเมอ
ภายหลังคุณแพทก็ไปสอบถามกับผู้ดูแล รีเซปชั่นของที่นี่ แต่ก็ไม่ได้ความอะไร เนื่องจากที่นี่เป็นที่พักทหาร มีพนักงานหมุนเวียนไปมาตลอด ไม่มีใครที่เคยอยู่มาตั้งแต่สมัยเมื่อก่อน เลยไม่ทราบประวัติความเป็นมา อย่างไรก็ตาม ภาพในคืนนี้นติดตาเธอมาก คุณแพทจำได้แม่นว่าชุดกิโมโนสีขาวโพลนของผีสาว มีลักษณะการใส่แบบ ‘ขวาทับซ้าย’ เมื่อเธอไปค้นข้อมํลเพิ่มเติมก็ได้ทราบว่า ปกติคนเป็นจะสวมกิโมโนในแบบที่ให้ชายเสื้อด้านซ้ายทับด้านขวา ส่วนแบบด้านขวาทับซ้ายนั้น…เค้าเอาไว้ใส่ให้ ‘ศพ’ ในพิธีกรรม เรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้
สุดท้ายก็มีผู้ใช้ยูทูบท่านอื่นมาแสดงความคิดเห็นไว้ว่า “นะโมตัสสะ เป็นบทสวดที่เราระลึกคุณพระรัตนไตย ไม่มีทางที่ผีจะหลัวหรอก จะสวดมนต์ตรงเข้าใจความหมายและจุดประสงค์ ขอแนะนำเป็น ‘บทสวดพาหุงมหากาฬ’ ที่มีเนื้อหาว่าด้วยเหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าปราบเหล่าภูติผีและมารร้าย ซึ่งมีผลทางพุทธคุณมาก แม้ว่าบทสวดจะยาว แต่หากท่องได้ก็เหมือนมีไม้กายสิทธ์เอาไว้ใช้ปราบผี นั่นเอง…