ห้องแลปหลอน…มหา’ลัยดังในชลบุรี

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของ ‘คุณแบงค์’ ซึ่งเคยเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่ง นำประสบการณ์เรื่องราวของตัวเอง มาเล่าผ่านรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ ทาง EFM94 เป็นเหตุการณ์สมัยที่เขาอยู่ทำแลปตั้งแต่ดึกดื่นยันฟ้าสาง ในตึกที่มีประวัติเรื่องเล่าจากรุ่นพี่ว่า…ระวังจะ ‘ได้เจอ’ อะไรเข้า

คุณแบงค์เคยเป็นนักศึกษาปี 4 คณะวิทยาศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ในช่วงนั้นคุณแบงค์มีโปรเจคต์จบการศึกษาที่ต้องทำ ข้ามวันข้ามคืนนานนับสัปดาห์ แม้ว่าโปรแกรมชีวิตของนักศึกษาภาควิชานี้จะสาหัสแค่ไหน แต่มันก็คงไม่มากไปกว่า…การที่คุณแบงค์ต้องเข้าไปทำแลปบนตึกนั่น

ในหมู่ตึกหลายตึกของคณะวิทยาศาสตร์ ตึกที่จะกล่าวถึงต่อไป เป็นตึกของคณะที่เก่าแก่ที่สุด อาจจะอยู่มานานพอๆกับมหาวิทยาลัยเลยก็เป็นได้ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตึกหลังนี้อยู่มากมาย เป็นเรื่องที่เล่ากันมาปากต่อปาก อย่างไรก็ตามในฐานะคนที่เรียนวิทยาศาสตร์ คุณแบงค์ก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องกลัวอะไร แม้ก่อนหน้าที่จะเข้าไปใช้ชีวิตข้ามคืนในตึกนั้น จะมีเพื่อน มีรุ่นพี่ทัก ว่า ‘ระวังจะได้เจอล่ะ’ ก็ตาม สำหรับนักศึกษาทั่วไปแล้ว การไม่ได้จบการศึกษาตามเวลาที่ควรจะเป็นต่างหาก ที่หวั่นเกรง

คืนนั้นคุณแบงค์ขึ้นตึกไปที่ชั้นสาม ออกจากลิฟต์มาทางซ้าย จะเป็นทางเดินยาวรูปตัว T ห้องแลปที่คุณแบงค์ต้แงใช้ในค่ำคืนนี้ อยู่ข้างๆกับลิฟต์พอดี เนื่องจากตึกแห่งนี้สร้างมานานมาก ห้องหับจึงไม่ได้ใหม่นัก กระทั่งกระจกก็ยังเป็นบานเกล็ดธรรมดา คุณแบงค์นั่งที่โต๊ะซึ่งห่างจากประตูห้องและบานเกล็ดที่ว่าราว 3 ก้าวเท่านั้น บนโต๊ะมีกล้องจุลทรรศน์กับขวดแก้วบีกเกอร์ที่ใส่สารละลายอยู่

ระหว่างที่คุณแบงค์นั่งส่องตัวอย่างในเพลทกระจกบนกล้องจุลทรรศน์ มีบางสิ่งบางอย่างเข้ามาทำลายสมาธิอย่างเงียบๆ คุณแบงค์เห็นผ่านหางตาอีกอีกข้าง ว่ามีใครบางคนเดินผ่านประตูห้องไปทางบานเกล็ด แล้วหยุดยืนส่องเข้ามาในห้อง แต่พอคุณแบงค์หันไปดู เงาตะคุ่มนั่นก็ผลุดนั่งหายลับลงไปในผนังใต้บานเกล็ด คุณแบงค์ลุกจากเก้าอี้ออกไปดูด้านนอก ก็ไม่พบใคร ก็ทั่งมีรอบที่ 2 เลยคิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนมาแกล้งเล่น เพราะห้องแลปด้านข้าง มีเพื่อนอีกคนทำแลปอยู่เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มันมีครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4 โดยเฉพาะครั้งที่ 4 คุณแบงค์ไม่ได้กลับไปนั่งที่โต๊ะด้วยซ้ำ แต่ยืนรอจังหวะเปิดประตูกะว่าจะจับให้ได้คาหนังคาเขา แต่ปรากฏว่าก็ไม่เคยทันที่จะเห็นเจ้าขอเงาตะคุ่มนั่นสักครั้ง มันหายไปอย่างรวดเร็วและไร้ร่องรอย ในค่ำคืนที่เงียบเชียบแบบนี้ คุณแบงค์นึกถึงเรื่องที่เพื่อนๆ หรือแม้แต่รุ่นพี่เคยเตือนก่อนหน้า แล้วก็รู้สึกโมโหอยู่ในใจ

“ไอซั๊สส ถ้าเมิงมีจริง ก็เลื่อนบีกเกอร์บนโต๊ะให้ดูหน่อยดิ๊!”

ไม่ทันให้คุณแบค์ได้รอนาน จู่ๆ บีกเกอร์บนโต๊ะข้างกล้องจุลทรรศน์ก็ขยับ ‘กลุก…กลัก’ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นไปปัดมัน จนสารละลายในนั้นกระฉอกออกมาเลอะเป็นหย่อมๆบนโต๊ะ คุณแบงค์ตรงไปนั่งทำแลปต่อเงียบๆทันที เพราะสัมผัสได้ว่า… มีโทสะเจือปนอยู่ใน ‘อะไรบางอย่าง’ ที่เค้าเล่าขานกันซะแล้ว ยังดีว่าตอนนั้นก็รุ่งเช้าพอดี เกือบ 6 โมง ฟ้าสางแล้ว

อย่างไรก็ตาม เรื่องในวันนั้นก็ถูกเก็บอยู่ในใจคุณแบงค์เรื่อยมา โดยไม่ได้เล่าให้ใครฟัง ถัดจากวันนั้นมาสองสัปดาห์ คุณแบงค์ต้องไปทำแลปที่ตึกเดิมแต่เช้า หากว่าคราวนี้เป็นชั้นหนึ่ง ห้องนี้เป็นห้องปฏิบัติการวิจัยที่เลี้ยงสาหร่ายไว้ในตู้กระจก คุณแบงค์เข้าไปเพื่อจะเก็บตัวอย่างมาทำการวิจัย ห้องที่ว่าจะมีลักษณะเฉพาะอยู่ คือเป็นห้องซ้อนห้อง เปิดประตูเข้าไปบานแรก จะเป็นโถงที่มีโต๊ะแลปยาว 2 โต๊ะติดกัน ทางด้านซ้ายของห้องนั้นจะมีประตูเพื่อเข้าไปสู่ห้องเรียนเลคเชอร์

ขณะที่คุณแบงค์แง้มประตู้เพื่อจะเข้าไปในห้องเลคเชอร์ เขาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างที่ไม่ควรมีในห้อง ตรงโต๊ะสำหรับอาจารย์หน้าห้อง มีผู้หญิงในชุดกราวด์สีขาวตัวยาว นั่งหันข้างให้เขาอยู่ ทั้งๆที่คุณแบงค์พึ่งจะ ‘ไขประตู’ ด้วยกุญแจเข้ามาเป็นคนแรกของวัน ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองไปทางประตูอีกบานที่อยู่สุดห้องนั้น ซึ่งด้านในเป็นห้องเล็กๆที่มีตู้กระจกเลี้ยงสาหร่าย ซึ่งเป็นเป้าหมายของคุณแบงค์

ทันใดนั้นเอง ผู้หญิงที่ว่าก็ผุดลุกขึ้นยืน ก่อนจะซอยเท้าสวบๆที่สวมรองเท้าคัทชูสีดำเป็นมัน ตรงไปที่ประตูห้องด้านใน แต่แทนที่หยุดเปิดประตู เธอกลับพุ่งทะลุหายเข้าไปในประตูนั้น คุณแบงค์ที่ยืนดูอยู่ห่างๆก็อดหวั่นไม่ได้ ถ้าหากว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของเค้า ซึ่งเป็นเวรต้องมาจดบันทึกข้อมูลของตัวอย่างทดลองในห้องนี้ ซึ่งมีเพื่อนร่วมชั้นจำเป็นต้องใช้ข้อมูลชุดนี้รออยู่เช่นกัน เขาคงถอยหลังกลับไปแล้ว

คุณแบงค์ทำใจดีสู้เสือ เปิดประตูห้องด้านในเข้าไปโดยไม่คิดจะงับประตู บรรยากาศวังเวงกว่าที่เคย ในห้องเล็กๆที่มีตู้ปลาซึ่งใส่สาหร่ายไว้แทน กำลังร้องดัง ‘ปุดๆๆ’ จากเครื่องเพิ่มออกซิเจน ไฟสลัว และความหนาวเย็นจากแอร์ที่เปิดทิ้งไว้รักษาอุณหภูมิ มันเพิ่มความไม่ชอบมาพากลไปเป็นเท่าตัว

ระหว่างนั้นคุณแบงค์วัดค่าจากตัวอย่างไปพลาง บันทึกลงในเอกสารไปพราง ขณะที่กำลังจะเอามือถือเก็บใส่ในกระเป๋ากางเกง ดันทำร่วงลงพื้น ตอนที่ก้มลงไปเก็บมันขึ้นมา คุณแบงค์เห็นขาเจ้าของรองเท้าคัตชูสีดำมัน …มายืนชิดอยู่ด้านหลังของเขา ผ่านทางใต้ท้องแขน ราวกับกำลังมาสอดแนมอย่างอยากรู้อยากเห็น พอดูจนพอใจ ขาคู่ที่ว่าก็ก้าวสวบๆออกจากห้องไป คุณแบงค์รีบวิ่งออกจากห้องทั้งหมด ก่อนจะล็อคกุญแจทันที เรื่องนี้คุณแบงค์เล่าให้เพื่อน รุ่นพี่ หรือแม้แต่อาจารย์ที่ปรึกษาฟัง อาจารย์ก็ปลอบอย่างใจดีว่า ‘ไม่มีอะไรหรอก รุ่นพี่ในแลปเค้ามาดู ว่าเธอบันทึกข้อมูลมาถูกรึเปล่า’

หลังจากที่เรื่องของคุณแบงค์รับทราบกันในวงกว้าง ก็มีกันพูดกันว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งที่ศึกษาที่นั่น แล้วเกิดหัวใจวาย แม้จะไม่ได้เสียในตึกนั้นก็ตาม แต่ด้วยความที่รักการทำแลปเป็นชีวิตจิตใจ สมัยยังมีชีวิตก็คลุกคลีในตึกนี้ จนแทบจะนอนในห้องแลปมากกว่าในหอด้วยซ้ำ เลยเกิดเป็นความผูกพันกับที่แห่งนี้ พอมีคนมาถาม ว่าผู้หญิงที่คุณแบงค์เจอ รูปร่างหน้าตา ทรงผม ประมาณนั้นนี้หรือเปล่า? ปรากฏว่าก็ตรงกันกับที่เคยมีคนอื่นๆเห็น จนคุณแบงค์ก็อดคิดย้อนกลับไปไม่ได้ว่า ถ้ามันจะขนาดนี้ ทำไมไม่มีใครบอกกันก่อนเลย!

เหตุการณ์แปลกๆที่คนอื่นพบเจอก็เช่นว่า ลิฟต์ของตึกหลังนี้จะมีความผิดปกติอยู่อย่างหนึ่ง คือไม่ว่าคุณจะกดไปที่ชั้นในก็ตาม มันมักจะไปหยุดที่ ‘ชั้นสาม’ ก่อน แม้จะไม่มีใครกดก็ตาม หรือบางครั้งลิฟต์ตัวนี้จะขึ้นข้อความ ‘Overloaded’ เพื่อเตือนว่าลิฟต์กำลังบรรทุกเกินน้ำหนัก แม้จะมีอยู่ไม่กี่คนในลิฟต์ก็ตาม แต่เรื่องที่หนักที่สุดคงจะเป็นเรื่องของน้ายาม…

น้ายามคนนี้เฝ้าอยู่ตึกที่ว่า แกจะนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าลิฟต์ชั้นหนึ่ง มีแยู่ช่วงนึงที่คุณแบงค์ไม่เจอแกเลยนานหลายสัปดาห์ กระทั่งบังเอิญเจอกันที่อื่นในมหาวิทยาลัย ด้วยความคุ้นเคยคุณแบงค์เลยเข้าไปทักทาย …ว่าน้าไปไหนมา ช่วงนี้ไม่เห็นเลย น้ายามก็ตอบกลับมาว่าผมลาออกแล้วครับ คุรแบงค์ก็อดประหลาดใจไม่ได้ เลยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ถ้าผมเล่าไปแล้ว จะไปทำให้กลัวรึเปล่า”

เกริ่นกันมาขนาดนี้ คุณแบงค์ไม่ล้อช้าที่จะคะยั้นคะยอให้น้าแกเล่าให้ฟังอยู่แล้ว น้ายามแกเล่าว่า ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเงียบลงมาก แต่แน่นอนว่าแกยังต้องมาเฝ้าตึกทุกวัน วันนั้นเองแกก็มั่นใจว่า ไม่มีใครอยู่ในตึกแน่นอน กระทั้งเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านทางเดินรูปตัว T บนชั้นสาม ผ่านทางจอของกล้องวงจรปิด

“อ้าว มีขโมยขึ้นตึกเหรอครับน้า” คุณแบงค์ไม่ได้เอะใจในทีแรก

“มันจะไม่แปลกหรอกครับ ถ้าผู้หญิงคนนั้น…เดินอยู่บนพื้น”

ประโยคนี้ทำเอาคุณแบงค์เหมือนเดินสะดุดหินก้อนใหญ่…

ผู้หญิงคนที่ว่านั่น ไม่ได้บนพื้น แต่เดินห้อยหัวอยู่บนเพดานไปตามทางเดินของชั้นสาม ศีรษะของเธอผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ด้านบนไปที่ละตัวๆ สิ่งที่น้ายามเห็นในจอกล้องวงจรปิดคือ เธอผ่านกล้องไปตามชั้นต่างๆอย่างรวดเร็ว… จากชั้น 3 มาชั้น 2 และมาชั้น 1… ชั้นที่น้ายามกำลังนั่งอยู่ตามลำพังนั่นเอง น้ายามไม่รอให้ภาพสุดท้ายที่คิดในหัวปรากฎขึ้นบนจอ เพราะรีบวิ่งออกมาอย่างเร็วที่สุด เรื่องเล่าก็มีเพียงเท่านี้…