อ่านเรื่องผี | ผับนี้มีอดีต! ผับใจกลางกรุงที่พนักงานยังกลัว

ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ชื่นชอบการอ่านเรื่องผี หรือเป็นแฟนคลับตัวยงรายการวิทยุผีชื่อดัง ย่อมต้องคุ้นกับชื่อคนดังอย่าง “คุณคิง” เจ้าของเรื่องเล่าผีที่มีเอกลักษณ์ตรงที่ความระทึกและรายละเอียดของเหตุการณ์ และเรื่องเล่าผี “ผับนี้มีอดีต” เรื่องนี้ เป็นเหตุการณ์ที่คุณคิงได้รับการบอกเล่ามาจากรุ่นน้องคนหนึ่ง ซึ่งมีประสบการณ์เคยเป็นน้องใหม่ในที่ทำงานของผับบาร์ใจกลางกรุง และโดยที่ไม่ได้รู้ความหลังของห้องห้องหนึ่ง…ที่ซึ่งแม้แต่พนักงานคนอื่นๆยังไม่กล้าเข้าไป ทำให้มีเหตุให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์อันแสนสะพรึงจนไม่อาจลืมได้

อ่านเรื่องผี : ประสบการณ์เจอดีเพราะแอบนอนหลับในผับ

เรื่องเล่าผีนี้เป็นเรื่องที่คุณคิง ผู้ถ่ายทอดรับฟังมาอีกต่อนึงจากคุณจ๊อบ เรื่องของผับดังกลางกรุงเทพ ใครที่เคยไปคงนึกออก แต่ปัจจุบันจ๊อบบอกว่าได้ปิดไปแล้ว ในเบื้องต้นขออธิบายก่อนว่าทางเข้าผับ ลักษณะจะเป็นบันไดชั้น 2 ทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ และร้านขายของ พอเปิดประตูเข้าไปก็จะเป็นผับ เข้าไปถึงก็จะเป็นบูธดีเจ พอเลยบูธดีเจไปทางด้านหลังร้านก็จะเป็นห้องน้ำของผู้ชาย แล้วฝั่งตรงข้ามของห้องน้ำผู้ชายก็จะมีประตูเล็กๆอยู่ประตูนึง ซึ่งถ้ามองไม่สังเกต หรือไม่มองดีๆจะมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำว่ามีประตูอยู่ตรงนั้น เป็นเหมือนประตูลับ

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 15 ปีก่อนได้ 15 ปีก่อนในตอนนั้นในคุณจ๊อบอายุยังไม่ถึง แต่ว่าก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องของเส้นสาย คนเก่าที่เคยทำมาเป็นญาติกับจ๊อบ ก็เลยฝากให้จ๊อบเข้าทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่

ลักษณะการเข้าไปทำงานคือ เข้างานตั้งแต่ 2 ทุ่ม แล้วร้านเขาเนี่ย ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าวิธีไหนยังไง แต่จะปิด 7-8 โมงเช้าเลย ซึ่งก็จะเลิกเช้าๆอย่างนี้ทุกวัน แต่กว่าจะเลิกก็จะมีการแอบดื่มกัน อะไรกันเป็นปกติ พอเลิกงานก็จะไหลไปที่อื่นต่อ เวลาพักผ่อนจะน้อยมาก พอเวลาพักผ่อนน้อยมาก คุณจ๊อบเค้าก็บอกว่า… ก็เที่ยวอยู่อย่างนี้ คบเพื่อนทุกคนในร้านจนสนิทกัน แต่ยังไม่สนิทใจกับใครมาก

จนมีอยู่วันนึง จ๊อบก็รู้สึกว่าสนิทกับพี่คนนี้มากที่สุด ชื่อว่า พี่นพ เขาก็เริ่มปรึกษากันกับพี่ เพราะเขาบอกเลยว่าผับเขาเนี่ยคนจะไหลมาจากที่อื่น ที่อื่นเขาจะปิดตี 2 ตี 3 แล้วก็จะมาต่อกันที่นี่ จนกระทั่งเลิก 7-8 โมงเช้า เขาบอกว่าตั้งแต่ร้านเปิด 2 ทุ่มไปเนี่ย ไม่มีคนเลย จนตี 1-2 จะเริ่มมีคนทยอยมา เค้าก็อาศัยเวลาตรงนี้มาปรึกษากัน…

“เออพี่ ผับเรานี่นะ คือกว่าแขกจะมาก็ตี 1 ตี 2 บางทีตี 3 ไปแล้ว”

“พี่นพ.. ผมว่าเรามาพักผ่อนกันดีกว่ามั้ยมั๊ย”

“คือผมเองก็เป็นเด็กใหม่น่ะพี่ แต่พี่อยู่ที่นี่มานาน ถ้าผมจะเสนออะไรซักอย่างนึงแล้วพี่จะเห็นด้วยมั๊ย”

พี่นพก็ถามว่าอะไร… จ๊อบก็บอกว่า..

“เรามาพักผ่อนกันในช่วง 2 ทุ่มเนี่ย เราไปนอนห้องนั้นกันมั๊ย”

ซึ่งก็คือห้องที่เกริ่นไปก่อนหน้าแล้ว ห้องที่เป็นเหมือนห้องลับประตูเล็กๆ

พี่นพ ก็บอกว่า… “ฮึ้ยย.. จะดีหรอ”

การที่พี่นพพูดว่าจะดีหรอ? ก็เพราะว่า… ห้องนี้เป็นห้องที่คุณจ๊อบสังเกตมานานแล้ว จากที่อยู่มาหลายเดือน แต่ไม่เคยถามอะไร ซึ่งห้องนี้…คือไม่ว่าจะเป็นเด็กคนไหนที่ได้รับหน้าที่เอาขวดที่หมดแล้ว ใส่ลังเอาไปเก็บ ซึ่งต้องไปเก็บที่ห้องนี้ แล้วลักษณะการเก็บของแต่ละคนก็คือ พอเปิดประตูปุ๊ปก็เอาเท้าถีบส่งเข้าไปเลย ไม่หันกลับไปมองด้วย บางทีก็รีบเปิดประตูโยนปุ๊ปก็รีบวิ่งออกมาเลย คุณจ๊อบก็สงสัยว่า เออ..ทำไมทำอย่างนั้นกันวะ อะไรแบบนี้ บางทีก็ได้ยินเสียงขวดแตกแต่ก็ไม่มีใครหันไปมองเลย จ๊อบก็เลยบอกพี่นพว่า…

“พี่ห้องนี้น่ะ ไม่น่ามีใครสนใจหรอก เราเข้าไปนอนกันได้มั๊ย”

พี่นพก็บอกว่า…

“พี่ก็ว่าน่าจะได้นะ เพราะมันก็ไม่มีใครหนิ ก็นั่งเล่นกันไปจนตี 1 ตี 2 แหละถึงจะมีแขกมา”

แต่พี่นพก็บอกจ๊อบอีกว่า…

“ถ้าพี่บอกอะไรกับจ๊อบไปเนี่ย จ๊อบจะต้องทำตามพี่นะ”

จ๊อบก็ถามว่าอะไรอ่ะ พี่นพก็บอกว่า…

“คือเราต้องสัญญากันก่อนว่า ถ้าเราเข้าไปนอนในห้องเนี้ย … ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งที่ตื่นแล้วจะออกจากห้อง จะต้องเรียกอีกคนนึงก่อน เราจะไม่ทิ้งกัน”

จ๊อบก็บอกว่า…

“เฮ้ย พี่มันขนาดนั้นเลยหรอ”

พี่นพก็บอกว่า…

“เอางี้เลยดีกว่าจ๊อบ พี่พูดตรงๆเลยนะ ร้านเรามีผีนะ”

“บ้าาา ผมอยู่มาตั้งนานแล้วเนี่ย ไม่เห็นอะไรพวกนี้เลย หลายเดือนแล้วนะ แล้วไมอยู่ๆพี่พูดแบบนี้เนี่ย”

“เอ็งสังเกตดิ ห้องนั้นเวลาใครไปเปิด มันต้องโยนของ โยนอะไร … ทำไมไม่วางเรียงดีๆล่ะ”

“แล้วเอ็งเชื่อมั๊ย พี่ท้าเลย ขวดมันอยู่สภาพไหนก็อยู่สภาพนั้น ไม่มีใครกล้าเข้าไปจัดของแม้แต่เจ้าของร้าน”

“เจ้าของร้านก็ไม่กล้าบังคับให้เด็กเข้าไป เพราะเด็กก็ไม่กล้าเข้า ประวัติมันดังมากห้องนั้นน่ะ”

จ๊อบก็เลยถามว่า…

“อืมม แล้วเราจะไปนอนได้หรอห้องนั้นน่ะ”

“ได้สิ ถ้าเราไปนอนกัน 2 คน แล้วเราก็ออกมาพร้อมๆกัน เราต้องไม่ทิ้งกัน ไม่ว่าจ๊อบหรือพี่จะเข้าห้องน้ำ สัญญากันเลยว่าต้องปลุกอีกคนนึงไปด้วย”

“เราอยู่ส่วนเรา เขาอยู่ส่วนเขาเว้ย แล้วอีกอย่างเรา 2 คนก็เมาก่อนที่จะไปนอนอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”

“ได้พี่”

จากนั้นเค้าก็ตัดสินใจเข้าไปนอน ประตูห้องเนี่ยจะเป็นประตูสปริงที่พอเปิดแล้วมันจะเด้งปิดเอง เค้าก็เอาลังมากันประตูไว้เพื่อให้แสงจากห้องน้ำลอดเข้ามาในประตู คือเดิมทีมันก้พอมีแสงเข้ามาบ้าง แต่การจัดห้องใหม่เขาต้องการให้มีแสงสว่างมากกว่าเดิม

ลักษณะการจัดห้องเค้าก็คือว่า จะกวาดเศษแก้วที่มันแตกออกไปไว้ข้างนึง แล้วก็เอาลังมาต่อๆกันให้เป็นรูปเตียง มีหัวเตียงด้วย เอาลังมากันมาบังไว้ ซึ่งด้านในจะมีประตูอีกชั้นนึงซึ่งมีกุญแจคล้องอยู่เฉยๆ แต่ไม่ได้ล็อค แล้วห้องนี้พี่นพบอกกำชับว่า…

“อย่าแตะต้องห้องนี้เด็ดขาด เราสัญญากันแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับห้องนี้”

“ได้พี่ พี่บอกไม่ให้ยุ่ง ผมก็ไม่ยุ่ง ชอยู่แล้ว ลำพังเข้ามานอนนี่ ผมยังต้องปรึกษาพี่เลย”

“โอเค เราอยู่ส่วนเรา เขาก็อยู่ส่วนเขา”

เค้าก็เอาลังมาตั้ง ตั้ง 7-8 ชั้น เป็นกำแพงเลย ตั้งข้างๆที่นอนของตัวเอง เพื่อไม่ให้เห็นอีกฝั่งนึงที่เป็นประตูห้องที่ว่า ห้องที่มันดำๆมืดๆแล้วเป็นทางลงลงไป ซึ่งก็ไม่เคยมีใครลงไปหรอก แต่รู้ว่ามีบันได เค้าพูดกันมาปากต่อปาก แล้วก็เอากุญแจคล้องไว้

วันที่คุณจ๊อบกับพี่นพเข้าไปนอนกันเนี่ย จะได้ยินเสียงๆนึง เป็นเสียงปริศนา แต่ก็ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาดู เพราะคุยกันไว้แล้วว่า.. จะไม่ลุก จะไม่ดู ถ้าจะลุกก็จะลุกพร้อมกัน จะไม่ทัก จะไม่พูดอะไรทั้งนั้น เสียงปริศนาที่ว่าก็คือ จะมีเสียงคนเดินมาจากบันไดชั้นล่างไปที่ห้องประตูนั้น แล้วประตูก็ดัง แอ๊ดดดดดดด… แล้วก็เดินเตะ เหมือนคนเอาเท้าเหยียบเศษขวดแก้ว เพล้ง แกร๊บบบ แกร๊กกก… แล้วก็เดินออกไป แล้วก็เปิดประตูห้อง เพื่อไปเข้าห้องน้ำ ประมาณว่าแบบนั้น ซึ่งเวลาเปิดประตูมันก็ไม่ได้มีแต่เสียง เวลาเปิดแสงมันก็จะรอดเข้ามา พวกเค้าทั้งคู่รับรู้มาทุกวันเป็นเวลากว่า 2 เดือน โดยที่ไม่เคยลุกไปชะโงกดู เพราะถือว่าเมาแล้ว จะนอน คิดแค่นี้กัน

เสียงก็เป็นแบบนี้มาตลอด ทั้งๆที่จ๊อบก็สงสัยว่า ถ้ามันเป็นคนจริงๆ จะเดินขึ้นมาได้ยังไง เพราะว่ากุญแจมันคล้องมาจากข้างนอกจากฝั่งนี้ เขาไม่สามารถจะเปิดเข้ามาได้ แต่ในเมื่อมีคนบอกว่าห้องนี้มีผี เค้าก็สรุปก็คิดกันว่าเป็นผี รู้แล้วก็จบ แล้วไม่ใส่ใจ

ที่นี้…วันที่มันพีคก็คือ เค้านอนกันมาร่วม 2 เดือนก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น วันนั้นเค้าก็นอน อยู่ดีๆ เนี่ยคือคนเราพอนอนบนลังเบียร์นานๆมันก็เมื่อยก็อะไร  เพราะนอนบนลังเบียร์ที่มีขวดเปล่าอยู่ข้างในมันก็จะบุ๋มๆ เค้าก็เลยตะแคงมาอีกข้างนึงเพื่อจะหันมาหาพี่ที่ชื่อนพ แล้วเวลาที่หันตะแคงมาก็จะเอาเท้าไปแตะหน่อยเช็คว่าแบบ..เออ พี่มันยังอยู่นะ แต่คราวนี้จ๊อบจะเอาเท้าไปแตะ แต่ว่าไม่เจออะไรเลย ว่าง.. เค้าก็ลืมตามอง ก็ไม่เห็นพี่นพ

“เฮ้ย พี่นพทิ้งนี่หว่า อ้าวไหนตกลงกันไว้แล้วไง”

แต่ตอนนั้นเค้าก็อยู่มาเป็นเดือนๆแล้ว ก็ไม่ได้คิดใส่ใจอะไร ส่วนเรื่องผีเค้าก็ได้ยินอยู่ทุกวันจนชิน และเสียงที่เดินเนี่ย มันเดินอยู่อีกฝั่งนึงที่เอาลังเบียร์ ที่ตั้งไว้ 7  ชั้น ที่ตั้งเอาไว้เป็นแผงเหมือนกำแพง จะไม่เห็นอะไรเลย

ทีนี้จ๊อบก็ทำท่ากำลังจะลุกเหมือนกัน เสียงก็มาละ กึกๆ กึกๆๆ

Admin

16/01/2018

Confession 2010 : เมื่อครูเอานมผสม ‘เอดส์’ ให้นร.กินเพื่อแก้แค้น!

Confession (2010) ซึ่งมีชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า “Kokuhaku” หรือในฉบับนิยายแปลไทยว่า “คำสารภาพ” เป็นหนังแดนอาทิตย์อุทัยเรตแรงจากปี 2553 ตัวหนังมีความยาวที่ 1 ชม. 46 นาที กำกับโดยผู้กับมือฉมังอย่าง Tetsuya Nakashima จากบทประพันธ์ดั้งเดิมของนักเขียน bestseller อย่าง Kanae Minato หนังยังเต็มไปด้วยดาราเจ้าบทบาททั้งรุ่นใหญ่และเล็ก

นี่คือหนังทริลเลอร์ที่เปิดตัวด้วยฉากโฮมรูมวันสุดท้ายประจำภาคเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมแห่งหนึ่ง คุณครูสาวประจำชั้นเรียนนำนมกล่องซึ่งเป็นอาหารเสิรมพื้นฐานของโรงเรียนให้แก่นักเรียนดื่มเหมือนปกติ จนกระทั่งครูสาวเริ่มเล่าว่า…ลูกสาวของเธอถูก “ทำให้เสียชีวิต” ด้วยน้ำมือของนักเรียนในห้องนี้ แต่เนื่องจากเป็นเยาวชนที่ซึ่งกฎหมายของญี่ปุ่นไม่สามารถเอาโทษได้ เธอจึงตัดสินใจแก้แค้ด้วยตัวเอง… โดยการนำเชื้อเอดส์ หรือ HIV ผสมลงไปในนมกล่องที่นักเรียนกำลังกิน และนี่คือฉากโหมโรงของ “คำสารภาพ” สุดจิต!

Confession “คำสารภาพ” หรือในชื่อดั้งเดิมคือ Kokuhaku

ภาพยนตร์แนวไซโคทริลเลอร์ จากนิยายขายดีเบสท์เซลเลอร์ “คำสารภาพ” ของ “คานาเอะ มินาโตะ” นักเขียนญี่ปุ่นชื่อดัง

ผู้กำกับ: เท็ตสึยะ นากาชิมะ เรื่องโดย: Kanae Minato

Spoiled Alert! [สปอยล์..เปิดเผยเนื้อหาสำคัญบางส่วนของภาพยนตร์]

เรื่องราวในหนังบอกเล่าถึง “คำสารภาพ” ของตัวละครสำคัญทั้ง 4 คน คือ ครูสาวประจำชั้น “โมริกุจิ ยูโกะ”,นักเรียน “A” ,นักเรียน “B” ผู้ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสาวครู และนักเรียนหญิง “มิซูกิ คิตาฮาระ” นักเรียนอีกคนในห้องเรียนของครูสาวซึ่งจะมีบทบาทสำคัญภายหลัง โดยแบ่งเป็นบทๆตามมุมมองของทั้ง 4 คนที่มีต่อเหตุการณ์สำคัญในเรื่องคือ การเสียชีวิตของลูกเล็กครูโรงเรียนมัธยมซึ่งถูกทำให้จมน้ำในสระว่ายน้ำของโรงเรียน ซึ่งแม้ว่าครูจะรู้ตัวการว่าใครเป็นคนทำ แต่เนื่องด้วยรู้ว่ากฎหมายไม่สามารถเอาผิดหรือลงโทษได้ไม่แรงพอ จึงตัดสินใจที่จะไม่รื้อฟื้นคดี แต่เลือกที่จะสร้าง “บทเรียน” อันโหดเหี้ยมให้แก่ลูกศิษย์ในวัยที่กำลังอยากรู้อยากลองที่จะทำเรื่องผิดๆทั้ง 2 ของเธอ หนังมีฉากโหดที่อาจไม่ได้หวาดเสียวเหมือนหนังสยองขวัญมากอะไร แต่จะเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อึมครึม เรื่องราวการตัดสินใจที่สุ่มเสี่ยงต่อจริยธรรมอันดีงาม ฉากที่ชวนหดหู่ทั้งกับผู้กะทำและถูกกระทำต่างๆนาๆ ซึ่งในบางครั้งคนดูก็อาจจะสะใจกับการกระทำบางอย่างที่ “รู้ว่าผิด….แต่สมควรแล้ว!” กับบทสรุปการห้ำหั่นแก้แค้นของลูกศิษย์กับครูสาวที่อายุห่างคราวแม่กับลูก ที่มาพร้อมจุดหักมุมชวนเหวอว่าเล่นแบบนี้เลยหรือ? นี่คือสิ่งที่คุณจะได้รับชมจากหนังเรื่องนี้

นี่คือภาพยนตร์เจ้าของตำแหน่ง “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” จากเวที Japan Academy Prize ในปี 2010 ถือเป็นภหนัง triller/drama ที่เล่นกับประเด็นอันอ่อนไหว และตีแผ่ด้านมืดในจิตใจของมนุษย์ ความแค้นของผู้สูญเสียบางอย่างที่สำคัญยิ่งในชีวิตไปได้อย่างเข้าถึงแบบไร้ที่ติ ตัวหนังดีงามและสมบูรณ์แบบทั้งในด้านบท, การถ่ายทำ, ประเด็นแฝง และกาแสดงอันทรงพลัง การตัดต่อและลำดับเรื่องราวก็ทำได้ดีจนเรียกว่าสะกดคนดูได้ตั้งแต่ฉากแรกยันฉากสุดท้าย ด้วยฉากเปิดเรื่องที่รุนแรง การนำฉากหลังที่ดูธรรมดาอย่างครูกำลังพูดกับนักเรียนในชั่วโมงโฮมรูม  แต่โดดเด่นด้วยบทสนทนาที่แยบคาย และการสร้างบรรยากาศที่เย็นเยียบ จนไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะมีความพิศดารอะไรรอเราอยู่ แม้ว่าจะเป็นฉากคุยอยู่ฝ่ายเดียวของครูสาวยาวเกือบครึ่งชั่วโมง แต่หากได้ดูแล้วจะรู้สึกได้เลยว่ามันทรงพลัง และจะติดอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน

Confession 2010

อย่างที่กล่าวไปแล้ว หนังมีการดำเนินเรื่องด้วยการเล่าผ่านมุมมองของตัวละครหลัก 4 คนหลังฉากเปิดสุดอลังการ โดยหนังจะพาเข้าไปค้นซอกลึกของความคิด ปมในจิตใจ สาเหตุการกระทำของตัวละครแบบมุมมองบุคคลที่ 1 ซึ้งจะทำให้เราได้ค่อยๆซึมซับในแต่ละตัวละคร แล้วตัดสินใจเอาว่า…สิ่งที่พวกเขาได้เจอและนำไปสู่การกระทำที่จะกระทบต่อเนื่องเป็นฟันเฟือง รวมทั้งผลลัพธ์ของมัน “สมควร” แล้วหรือไม่? เรียกได้ว่าแต่ละคนก็มีปัญหามีปมในใจกันมาก่อน ซึ่งตรงนี้จะเสียดสีถึงสังคมได้อย่างเจ็บแสบ ว่าบางทีเรื่องเล็กๆมันก็นำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่กว่ามากได้ หากคนที่เกี่ยวข้องละเลยเพิกเฉย ซึ่งตอนจบก็ขยี้ตรงนี้อย่างชัดเจนว่า… “ใครกัน ที่เป็นตัวการสำคัญของปัญหาที่แท้จริง”

ในเรื่องมีหลายประเด็นให้ผู้ชมได้ขบคิด และตั้งคำถามถึงสังคมปัจจุบัน เป็นต้นว่าตัวละครเอกครูประจำชั้นอย่าง “ยูโกะ” ที่รู้สึกว่ากฎหมายเยาวชนนั้นเบามากเกินไป จนบางทีก็อาจจะไม่สามารถมีประสิทธิ์ภาพพอ หากเกิดอะไรที่ร้ายแรง การกระทำของเธอชวนให้ตระหนักอยู่ตลอดว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังนั้นไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด มันสามารถเกิดขึ้นได้จริงในสังคม ความยุติธรรมเพื่อใครบางคนมันอาจไม่ยุติธรรมสำหรับอีกคน นอกจากนี้ยังชวนลุ้นอยู่ตลอดอีกด้วยว่าเรื่องที่เธอวางแผน อย่างการใส่โลหิตของผู้ป่วย HIV ลงไปในนมกล่องนั้นเป็นเรื่องจริง หรือแค่บลัพกัน? ซึ่งอย่างที่รู้ๆกันว่าการจะติดเชื้อผ่านทางเดินอาหารนั้นยากมาก แต่อย่างไรก็ตาม กับคู่ต่อกรที่ไม่ประสาในชีวิตมามากพอ นี่จึงเป็นสงครามจิตวิทยาที่ออกแบบมาเพื่อ “ยืมมือ” กลไกทางสภาพจิตใจและการแสดงออกของคนในสังคมรอบตัว ให้ทำหน้าที่ในการกำหนดชีวิตของพวกเขาได้อย่างอำมหิต ลองคิดดูสิว่าหากคุณได้รู้ความจริงว่าพึ่งกินอะไรมา และมีโอากาสเป็นอะไร จะรู้สึกยังไง? จะไปโรงเรียนเหมือนทุกวันได้เหมือนเดิมมั้ย? แล้วเพื่อนๆในชั้นจะมีปฏิกิริยาต่อเราอย่างไร? แค่จินตนาการถึงผลลัพธ์ก็ชวนให้มวนท้องแล้ว

Confession 2010

ตัวหนังมีการใช้สัญลักษณ์และนัยยะแฝงให้ตีความ อย่างเช่นในฉากที่ “นักเรียน A และ B” มาพบกันและตกลงร่วมมือที่จะทำสิ่งที่ร้ายกาจอันไม่อาจให้อภัยได้นั้น มีการใช้ภาพที่สะท้อนจากกระนูน ทำให้ภาพที่ออกมานั้นบิดเบี้ยว อันแสดงถึงตรรกะความคิดของตัวละครในฉากดังกล่าวนั้นเองก็ได้ผิดเพี้ยนไป ไม่สามารถเอาพื้นฐานความคิดของคนทั่วไปมาตัดสินได้

หรือในฉากวัยเด็กของ “นักเรียน A” ที่เผยให้เห็นชีวิตในตอนนั้นว่าถูกแม่ทิ้งไปในขณะที่ตัวเองนั่งอยู่ท่ามกลางกองหนังสือวิชาการด้านไฟฟ้า เนื่องจากแม่ของ A เคยเป็นนักวิจัยของมหาวิทยาลัยซึ่งต้องจำใจลาออกมาเลี้ยงลูก และต้องการผลักดันให้ลูกเป็นเหมือนตัวเอง เพื่อเติมเต็มอัตตาของตัวเอง ที่ซึ่งไม่อาจกลับไปทำในสิ่งที่ต้องการได้แล้ว แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะออกไปทำเพื่อตัวเองอยู่ดี ฉากนี้ก็มีการใช้ภาพจากกระจกนูน เพื่อสะท้อนถึงสภาพความบิดเบี้ยวจิตใจของ A ที่ไม่อาจเข้าใจในสิ่งที่แม่กระทำ และเป็นที่มาของความคิดฝังหัว่า…เพราะตนเองทำให้แม่ผิดหวัง แม่จึงได้หนีไป ซึ่งเป็นปมสำคัญของ A ที่ทำให้การกระทำในภายหลังนำมาซึ่งโศกนาฏกรรม

สำหรับปมในจิตใจของตัวนักเรียน A หนังจะค่อยๆเล่าลำดับเหตุการณ์ไปว่าทำไม A ถึงได้ตัดสินใจได้ผิดแผกพิศดารไปจากคนปกติเช่นนี้ โดยจุดเริ่มต้นมาจากการถูกแม่ทิ้ง ซึ่งแทนที่เมื่อ A โตแล้วจะออกไปพบ ไปเจอแม่แบบที่คนปกติจะเลือกทำ แต่เพราะปมที่เคยฝังใจว่าแม่ไม่รักเพราะตัวเองไม่เก่ง ไม่ดีพอ ทำให้ A เลือกที่จะทำตัวเองให้โดดเด่นด้วยการชนะการประกวดรางวัลสิ่งประดิษฐ์ไฟฟ้าระดับมัธยม เพื่อที่จะให้สปอร์ตไลท์ส่องมาที่ตนเอง แล้วเมื่อแม่เห็นจะต้องภูมิใจแล้วกลับมาหา แต่เหมือนชะตาเล่นตลก ในวันเดียวกันนั้นมีคดีอุกฉกรรจ์เกิดขึ้น และยึดหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ผู้คนต่างพูดถึงเกี่ยวกับคดีนั้น ส่วนภาพการรับรางวัลของเขากลับได้ลงเพียงคอลัมน์เล็กๆ นั่นทำให้ A ผิดหวังและคิดไปถึงขั้นที่ว่า…ในเมื่อทำเรื่องดีๆไม่มีใครมองเห็น แต่เรื่องเลวร้ายกลับเป็นที่สนใจมากมาย บางทีสิ่งที่ตนควรทำคือการทำสิ่งที่เลวร้ายที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ราวกับคนหลงทางที่ไม่มีป้ายชี้ทางที่ถูกที่ควร A ปฏิเสธที่จะทำในสิ่งที่เรียบง่ายอย่างการไปพบแม่อีกครั้ง ซึ่งความจริงคือ A ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริง A ยังคงกลัวว่าตัวเองอาจผิดหวัง หากว่าแม่ของเขาไม่ยอมกลับมาหาหรือแม้แต่กระทั่งลืมไปแล้วว่า

Confession 2010

อีกจุดหนึ่งที่หนังพยายามสื่อว่า A เป็นประเภทที่ว่ายึดติดกับอดีต ไม่ยอมที่จะก้าวไปข้างหน้า คือนาฬิกานับถอยหลัง สิ่งประดิษฐ์พิศดารของเขา ซึ่งนาฬิกาตัวนี้ก็ยังปรากฎในฉากซ้ำคัญท้ายเรื่อง เพื่อตอกย้ำผลเสียของการยึดติดกับเวลาที่ผ่านไปแล้ว ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องทุกอย่างแย่ลง และนำมาซึ่งจุดจบที่ไม่อาจย้อนไปแก้ไขได้อีก

Confession 2010

สำหรับตัวละครของ “นักเรียน B” B เป็นประเภทที่เรียกกันว่าถูกเพิกเฉยจากคนรอบข้าง ไม่เป็นที่รู้จักหรือได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆนัก มีความไม่มั่นใจ ซ้ำยังมักถูกแกล้งอยู่เป็นประจำ โดยที่จำยอมรับชะตากรรมโดยที่คิดว่ามันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จนกระทั่งการเข้ามาของ A…. แม้แผนการจะฟังดูชอบกล แผนซึ่ง A ชักชวนนั้น มันกลับเป็นเหมือหลักฐานว่าเขามีตัวตน อย่างน้อยก็มีคนมองเห็นเขาแล้ว อีกทั้ง A ก็เป็นนักเรียนที่โดดเด่น โดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูก A หลอกใช้ทำในเรื่องที่ไม่ได้มีเป้าหมายตรงกัน นั่นทำให้ B กลายเป็นลูกไล่ที่พร้อมจะเห็นดีเห็นวามตามไปก้วยในทุกเรื่อง แม้ว่าเรื่องนั้นจะไม่เข้าท่าก็ตาม จนกระทั่งเมื่อรู้ว่า A ต้องการใช้ตนเองเพื่อผลประโยชน์ มิตรภาพที่เขาหวังเป็นเรื่องโกหก นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจกระทำบางอย่างที่เลวร้ายยิ่งกว่าที่เริ่มต้นกันไว้ นัยนึงก็อาจจะเพื่อก้าวข้าม A โดยไม่รู้เลยว่าผลจากการกระทำเพียงชั่ววูบจะส่งผลให้ชีวิตของ B เปลี่ยนไปตลอดการ

Confession 2010

หลังจากที่ทุกอย่างมาถึงจุดเปลี่ยน ครูสาวประจำชั้นแก้แค้นโดยการบีบให้ A และ B ตกในสถานการณ์ไม่คาดฝัน หลังจากที่ได้ดื่มนมซึ่งมีเชื้อโดยไม่รู้ตัว การแสดงออกของทั้งคู่แตกต่างกันออกไป B คลุ้มคลั่งไปเลย รับไม่ได้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง หลังจากโฮมรูมวันสุดท้ายของภาคเรียนนั้น และเป็นวันสุดท้ายที่ครูประจำชั้นยังเป็นครูที่โรงเรียนนั้น B ก็ไม่ได้มาโรงเรียนอีกเลย โดยหมกตัวอยู่แต่ในห้องไม่ออกจากบ้าน ใช้เวลาในการจมปลักอยู่คนเดียว โดยที่มีแม่คอยประคบประหงมด้วยความท้อแท้ ในขณะที่ …

Admin

24/12/2017
1 11 12