อ่านเรื่องผี : ปอบแม่ชี ที่ตระเวนกินผู้ชายเป็นอาหาร!

เคยได้ยินเรื่องปอบในคราบนักบุญหรือไม่? เราขอชวน… อ่านเรื่องผี “ปอบแม่ชี” เรื่องราวในวันเก่าวัยเด็ก เมื่อรุ่นพี่ท้าให้รุ่นน้องเข้าไปสำรวจพื้นที่ป่ายูคาฯหลังโรงเรียนเก่า โดยแลกกับรางวัลถึงห้าร้อยบาท! มันจะยากอะไรกันกะอีแค่เดินเข้าไป แต่ตอนนั้นเขากับเพื่อนอีกสองคนไม่รู้ตัวเลยว่า ห้าร้อยนั้นคือค่าแรงที่ตนต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนจากบางอย่างที่น่ากลัวในป่านั้น…

อ่านเรื่องผี – ปอบในคราบแม่ชีใบ้หวย!

เรื่องเล่าผี เรื่องนี้มาจากสมาชิกเฟสบุ๊คชื่อ “คุณปาง” คุณปางเล่าว่าสมัยตัวเองยังเล็กราว 17 ปีที่แล้ว ได้อาศัยอยู่กับคุณย่าในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่จ.มหาสารคาม ในช่วงเย็นคุณปางก็จะออกมาเตะบอลเล่นกับเพื่อนๆในละแวกทุกวัน

เรื่องมีอยู่ว่า…เย็นวันนั้นหลังจากที่เล่นกันจนเหงื่อโทรมกาย ก็ได้พากันไปซื้อของกินที่ร้านขายของชำ แต่แล้วก็มี 3 คนในนั้นซึ่งอายุมากกว่าเขา ถือเป็นรุ่นพี่ของคุณปางเกิดนึกคึกคะนองอย่างไรไม่ทราบ กลับซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ติดมาด้วย พอดื่มได้ซักพักจนกระทั่งเมา ก็นึกพิเรนทร์เขียนชื่อตัวเองลงบนขวดที่ว่า แล้วพูดท้าทายเพื่อนในกลุ่มว่า

“ใครกล้าเอาขวดนี้ไปวางใต้ต้นฉำฉาหลังโรงเรียนเก่า เดี๋ยวให้ตังค์ 500”

ทีแรกดูเหมือนไม่มีใครปริปากรับคำออกมา กระทั่งคุณปางเองนึกสนุกและเกลี้ยกล่อมเพื่อนๆ เนื่องจากเงิน 500 บาทนั้นถือว่าเยอะทีเดียว หลังตกปากรับคำ รุ่นพี่ก็ควักแบ็งค์ 500 บาทออกมาโชว์

“พวกเอ็งเอาขวดไปวางไว้ซะ เสร็จแล้วก็กลับมาเอา…อ่อ นี่ตังค์ พรุ่งนี้เดี๋ยวจะไปดูผลงาน”

โรงเรียนเก่าที่ว่านั้นอยู่ไกลออกไปราว 1 กม. โดยที่จะมีสวนยูคาฯอยู่ท้ายโรงเรียน และหากเดินตัดซอยเล็กๆเข้าไปในสวนจะเจอต้นฉำฉาที่ว่าตั้งอยู่สุดซอย

ในเย็นวันนั้นนั้นเอง คุณปางกับเพื่อนได้ขี่รถเครื่องไปหลังโรงเรียนเก่าเข้าไปในซอย ผ่านดงต้นยูคาฯที่ขึ้นเป็นแนวอยู่เต็ม จนบังแสงแดดยามเย็นที่ก็น้อยอยู่แล้วกระทั่งแทบไม่ลอดออกมา ยอมรับว่าตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องผีๆเลยสักนิด แม้บรรยากาศจะวังเวง และในที่สุดก็เห็นต้นฉำฉาเจ้าปัญหาอยู่ห่างออกไปไม่ไกล แต่จำต้องจอดรถเครื่องไว้แล้วเดินไป เนื่องจากทางข้างหน้าเป็นโคลนดิน ตอนนนเองที่ได้รู้สึกว่า…เส้นทางนี้ช่างเงียบสงัดจนชวนให้รู้สึกวังเวง อย่าว่าแต่เสียงนกเสียงกา แมลงซักตัวยังไม่มี

ขณะที่เดินไปยังต้นฉำฉานั่นเอง ทุกคนได้ยินเสียงแหวกหญ้าคล้ายมีคนเดินเข้ามาดังสวบสาบ ทั้งกลุ่มหันไปมองหาต้นเสียง แต่กลับไม่พบอะไร จนกระทั่งเข้าใกล้โคนต้นไม้หยิบขวดออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงเดินแหวกหญ้าดังขึ้นอีก พร้อมกับเสียงกิ่งไม้หักดังเป๊าะ พร้อมกับเสียงคนแว่วมาไกลๆ

“พวกเอ็งมาทำอะไรกัน!!”

เสียงเหมือนหญิงมีอายุแว่วมาตามลม ดูมีอารมณ์อยู่ในที หากแต่หันไปมองหาก็ไม่พบ จนสักครู่หนึ่งต้นเสียงที่ว่าก็ออกมาปรากฏตัวหลังเสียงแหวกใบหญ้าหยุดลง เจ้าของเสียงที่ว่าคือแม่ชีอายุราว 70 ร่างผอม ศีรษะมีผมสีขาวโพลนขึ้นประปราย แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งคณะยืนขาสั่นทันทีที่เห็นไม่ใช่เพราะกลัวถูกดุด่า หากแต่เป็นนัยน์ตาของแม่ชีที่เบิกโพลงออกกว้างราวสัตว์ป่า รูม่านตาที่ขยายออกเป็นวงรียังกับผีดิบ จ้องมองมาทางนี้แล้วกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก

“พวกเอ็งมาทำอะไรกัน…อยากมาอยู่ด้วยกันเหรอ~”

สิ้นคำพูดนั้น คุณปางติดตีนหมาวิ่งนำออกไปก่อน โดยที่มีเพื่อนอีกสองคนวิ่งตามกลับออกไปทางเดิม แล้วทิ้งรถเครื่องเอาไว้อย่างไม่ใยดี

กระทั่งวิ่งจนหอบ เลยตั้งนั่งพักที่หน้าซอยทางเข้าสวนหลังโรงเรียน เนื่องจากชะล่าใจว่าห่างออกมาไหลแล้ว พลางคิดหาคำตอบว่าสิ่งที่พบเจอคืออะไร… ณ วันนั้นมันกลัวจริงๆ (แน่นอนหากคุณ อ่านเรื่องผี นี้จนจบจะรู้เอง!) แต่ยังนั่งไม่ทันจะหายเหนื่อยดี คุณปางหันกลับไปดูทางป่ายูคาฯซึ่งขึ้นสูงเรียงกันราวกับเป็นกำแพงพิศวง แล้วก็ต้องตกใจแทบลืมหายใจ เมื่อเห็นยายแม่ชีคนเมื่อกี้ ยืนแอบอยู่ด้านหลังต้นยูคาฯต้นหนึ่งในดงของมัน แล้วโผล่เฉพาะท่อนบนออกมาสอดส่องสายตา พร้อมแสยะยิ้มน่ากลัวมาทางพวกเขา

“เห้ย! นี่ยังหนีไม่พ้นอีกเรอะ”

โดยไม่ทันต้องคิดให้ยุ่งยาก ขาคุณปางกระโดดโหยงแล้วออกวิ่งต่อไปทันทีอย่างอัตโนมัติ ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็คงตามมาติดๆ แม้คุณปรางไม่แม้แต่คิดจะหันกลับไปมอง แต่ได้ยินเสียงร้องตะโกนโหวกเหวกดังไล่หลังมาทันที จนกระทั่งมารวมตัวเล่าเรื่องผีที่พึ่งไปเจอมากันที่บ้านคุณปาง

บทสรุปเรื่องเล่าผีน่ากลัว…กับตัวตนจริงของแม่ชี!

หากใครได้ อ่านเรื่องผี จนมาถึงจุดนี้ ถ้าไม่ใช่คนจิตแข็งจริงๆ..ย่อมต้องรู้สึกไปในทางเดียวว่าเรื่องนี้มัน “น่ากลัวมากๆ” โดยเรื่องราวที่ทราบในภายหลัง คือแม่ชีท่านนี้แกมาจากไหนไม่มีใครทราบแน่ชัด ทราบเพียงว่าแกธุดงค์แล้วมาปักกลดอยู่ที่สวนหลังโรงเรียนเก่า จากนั้นก็มีชาวบ้านที่พบเห็นเข้าไปกราบไหว้บูชา ต่อมาก็มีข่าวว่าแม่ชีแกใบ้หวยได้แม่นมาก ชาวบ้านแถวนั้นถูกติดกันเป็นสิบๆงวด มีคนเข้าออกแถวนั้นเป็นจำนวนมาก กระทั่งช่วงหลังมา กลับเกิดเหตุการณ์แปลกๆขึ้น คือมีคนหาปลาส่องกบไปพบเห็นแม่ชีแกเดินป้วนเปี้ยนไปรอบหมู่บ้านในเวลาดึกดื่นอยู่บ่อยๆ ครั้นถามแกก็ตอบว่ามาเดินจงกรม ทำกรรมฐาน

แต่เรื่องเล่าแปลกๆยังไม่จบแค่นั้น ที่แปลกและสยองไปกว่านั้นคือ จากชุมชนที่เงียบสงบ จู่ๆก็มีผู้ชายเสียชีวิตไปทีละคนสองคน โดยที่ไม่มีอาการป่วยใดๆ เพียงแต่นอนๆอยู่ก็ไปทั้งอย่างนั้น หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ไหลตาย” มีตั้งทั้งหนุ่มทั้งแกา หลังจากนั้นก็มีเสียงซุบซิบกันว่าอาจจะเป็นเพราะผีแม่หม้ายออกอาละวาด จึงได้ไปปรึกษาหมอธรรม ซึ่งคือตำแหน่งของผู้ที่มีคาถาอาคมที่ใช้ในทางที่ดี หมอแกบอกว่า…ไม่ใช่ผีแม่หม้ายหรอก แต่หากอยากรู้ว่าเป็นอะไร ให้ลองนำไก่ไปหาแม่ชี แล้วเอากลับมาผ่าดูข้างใน

มีชาวบ้านอุ้มไก่ไปพบแม่ชี หลังพูดคุยกันพักหนึ่งจึงกลับออกมา ปรากฎว่าจู่ๆไก่ก็น็อคไปซะอย่างนั้น เมื่อกลับมาผ่าออกดู ปรากฎว่าเครื่องในละเอียดไปหมด ราวกับถูกสัตว์ขย้ำ หลังจากนั้นชาวบ้านก็พากันรวมตัวไปขับไล่ผีปอบแม่ชีให้ออกไปจากหมู่บ้าน แต่เมื่อไปถึงดงต้นยูคาฯ กลับไม่พบร่องรอยของใครอยู่เลย จนคิดไปเองว่าคงจะหนีไปแล้ว แต่จากปากคำของคนหาปลาหากบตอนกลางคืน ยังคงมีคนพบเห็นแม่ชีผีเดินจงกรมไปตามหมู่บ้านอยู่! โดยเมื่อพยายามจะเข้าไปใกล้ แม่ชีผีแกก็จะจางหายไปอย่างไร้ร่องรอย นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าลืออีกว่า เด็กๆที่ไปวิ่งเล่นแถวป่ายูคาฯก็พบเจอผีปอบแม่ชีป้วนเปี้ยนอยู่ในบางครั้ง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อชาวบ้านออกค้นหา ก็เป็นอันต้องคว้าน้ำเหลวทุกทีไป และนี่คือเรื่องเล่าผีที่ครั้งนึงคุณปางได้พบเจอมากับตัว….

ขอบคุณที่มาเรื่องเล่าผี : คุณปาง สมาชิกกลุ่มเฟสบุ๊ค “เรื่องผีๆ-สาระดีๆ”

อ่านเรื่องผีน่ากลัว เรื่องอื่นๆ >> กดที่นี่

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

08/11/2019

อ่านเรื่องผี | หุ่นลองเสื้อสยองจากภูเก็ต “แอนนาเบลเมืองไทย”

อย่างหลอน! อ่านเรื่องผี “นี่มันแอนนาเบลล์เมืองไทยแลนด์” ชัดๆ เมื่อสมาชิกกลุ่มเฟสบุ๊คแนวเล่าเรื่องผีกลุ่มนึงอย่าง “คุณแบงค์” ได้ออกมาเล่าถึงประสบการณ์ในวัยเด็ก ซึ่งทางบ้านไปได้ “หุ่นลองเสื้อ” มือสองมาจากร้านขายของเก่าที่ภูเก็ตครั้งที่ได้ไปเที่ยว หลังจากเอากลับมาตั้งโชว์ในบ้านก็มีเหตุการณ์สุดแปลกประหลาดเกิดขึ้นในทุกๆวัน ในแบบที่คุณจะคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

ขอเชิญ อ่านเรื่องผี สุดสยองของหุ่นลองเสื้อมือสอง…

เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้เป็น เรื่องเล่าผี ที่ผมประสบพบเจอมาด้วยตนเอง เมื่อ 14 ปีก่อน ขณะที่ครอบครัวผมได้เดินทางไปเที่ยวพักผ่อนที่เกาะภูเก็ต ในร้านขายของเก่าร้านหนึ่งเราได้เจอกับหุ่นลองเสื้อ เหมือนกับที่ตามร้านเสื้อผ้าใช้แสดงสินค้าอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งแม่ผมสนใจที่จะซื้อเพื่อนำไปจัดไว้ในห้องพระ ตอนนั้นเราซื้อมาด้วยราคาที่ถูกมาก จนกระทั่งพ่อเอากลับมาประกอบที่บ้าน หุ่นตัวนั้นถูกสวมใส่ด้วยเสื้อราชปะแตนแบบไทยประยุกต์ ซึ่งเป็นเสื้อสีขาวแขนยาวปิดคอ เพียงแต่ท่อนล่างจะเป็นกางเกงขายาวแทนที่จะเป็นโจงกระเบน ช่วงแรกๆผมก็กลัวทุกครั้งที่ผ่านห้องพระซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้นสองของบ้านตามประสาเด็กๆ แต่สุดท้ายก็คุ้นเคยและชินไปเอง เนื่องจากไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งอาทิตย์ที่สาม

ในวันหยุดผมชวนเพื่อนบ้านใกล้กันมาเล่นที่บ้าน เราเล่นซ่อนแอบกันโดยที่ผมนั้นไปซ่อนเอาบนชั้นที่สามของบ้าน ตอนที่ผมแอบเพื่อนอยู่นั้น ผมได้ยินเสียงฝีเท้าของมัน เดินขึ้นมาตามหาอย่างชัดเจน แต่จู่ๆฝีเท้าก็วิ่งกลับลงบันไดไป ผมจึงลุกขึ้นมาจากทางหน้าต่างห้อง เห็นเพื่อนวิ่งออกประตูไปข้างนอกบ้านแล้ว ผมจึงวิ่งตามลงไปจนถึงบ้านเพื่อนแล้วถาม มันบอกแต่เพียงว่า… ถ้าหากจะเล่นอีก จะไม่ไปเล่นที่บ้านผมแล้ว ถามไปถามมามันจึงยอมเล่าว่า… ตอนที่มันเดินขึ้นมาถึงชั้นสองกำลังจะขึ้นบันไดชั้นสามอยู่นั้น มันกลับเห็นเงาสะท้อนบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกระจกที่ประตูเลื่อนของห้องเก็บของ ซึ่งพอจ้องดูดีๆแล้วก็พบว่า มันคือหุ่นที่ตั้งในห้องพระซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับห้องเก็บของนี่เอง หุ่นลองเสื้อธรรมดาที่ไม่ควรมีกลไกเคลื่อนไหว…กำลังเดินย่ำๆออกมาจากในห้องพระ เพื่อนผมตกใจหันไปดู ก็เห็นหุ่นที่ว่ามายืนหยุดกึกอยู่ที่เกือบจะถึงหน้าประตูห้อง! นั่นเองเป็นเหตุผลที่ทำไมมันถึงรีบวิ่งกลับบ้าน

หลังจากนั้นก็ยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก โดยปกติตอนนั้นผมจะนอนห้องเดียวกันกับ พ่อ แม่ และน้องชาย ส่วนพี่ชายจะแยกไปนอนห้องส่วนตัวอีกห้อง คืนนั้นก็เช่นกันจนกระทั่งกลางดึก จู่ๆก็มีเสียงหมาที่เราเลี้ยงไว้ในบ้าน มาเห่าอยู่หน้าประตูห้องนอน อีกทั้งยังมีเสียงแกรกกรากคล้ายกับเสียงเล็บข่วนด้วย ทั้งที่ปกติแล้วมันไม่เคยเห่าในเวลาแบบนี้มาก่อน พ่อผมจึงร้องเรียกออกไปให้มันหยุดเห่า แต่มันก็ไม่ยอมหยุด จนพ่อต้องออกไปพามันเข้ากรงที่ชั้นสอง แล้วล็อคเอาไว้

หลังจากนั้นไม่นานเท่าไหร่ก็มีเสียงข่วนแกรกกรากดังขึ้นอีก สลับกันกับเสียงเคาะประตู ทั้งๆที่หมาก็อยู่ในกรงที่ล็อคกุญแจเรียบร้อยแท้ๆ พ่อร้องเรียกด้วยคิดว่าอาจเป็นลูกคนโตที่อยู่อีกห้อง แต่ไม่ปรากฏเสียงขานตอบ คราวนี้เราเริ่มคิดกันแล้วว่า อาจจะเป็นคนบุกรุกงัดแงะเข้าบ้านหรือเปล่า? พ่อลุกขึ้นไปล้วงปืนออกมาจากกระเป๋า เดินออกไปที่หน้าประตูแล้วค่อยๆแง้มประตู้ดังเอี๊ยดอ๊าด แต่ยังไม่ทันที่แสงจะรอดเข้ามาจนเห็นว่าเป็นใคร ประตูก็ปิดลงทันที โครม! แล้วล็อคลูกบิด “อย่าไปเปิดประตูเด็ดขาดนะ ห้ามเด็ดขาด! ไปๆๆ ไปนอนเร็วๆ” พ่อตะโกนสั่งทุกคน ผมกับน้องนอนตามที่พ่อสั่ง แต่ใจก็ไม่ได้หลับทันทีจนได้ยินบทสนทนาระหว่างพ่อกับแม่ที่ยังคุยกันเงียบๆ หากใคร อ่านรื่องผี บ่อยๆคงจะรู้นะครับ ว่าพ่อผมไปเจออะไรมา…

“หุ่นในห้องพระน่ะสิ..มายืนอยู่หน้าประตู! พ่อแง้มออกไปเห็นมันจ้องหน้ามาทางนี้ด้วย!”

เช้านั้นผมตื่นมาก็เห็นพระมากันเต็มบ้าน โดยพระท่านแนะนำว่าให้นำหุ่นไปไว้วัดเถอะ แต่เนื่องจากพ่อผมต้องไปทำงาน ยังไม่สะดวกที่จะขนไปไว้กระทันหัน และกะกันไว้ว่าว่าจะไปพรุ่งนี้…นั่นหมายความว่าเรายังต้องอยู่ร่วมกับเจ้า “หุ่นผี” ตัวนั้นอีก 1 วัน 1 คืน! หลังจากนั้นผมได้ไปดูที่ห้องพระ พบหุ่นตัวนั้นตั้งอยู่ที่เดิมโดยมีสายสิญจน์พันอยู่รอบมือรอบแขนและขา แม่สั่งกำชับอย่างเด็ดขาดว่า “ห้ามใครเข้าไปหรือเปิดประตูห้องนี้นะ” แล้วลงกลอนล็อคกุญแจปิดตาย

และคืนนั้นเองซึ่งเป็นคืนสุดท้ายของประสบการณ์ขนหัวลุกกับหุ่นผีตัวนี้ พวกเราเข้านอนกันเร็วกว่าปกติ โดยที่เราสัญญากันว่า หากเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เรานะไม่ออกจากห้องนอนเด็ดขาด เราจะอยู่ในนี้จนกระทั่งสว่าง ส่วนพี่ชายผมเนื่องจากอายุ 20 แล้ว เขาต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร จึงนอนที่ห้องของตนเหมือนเดิม คืนนั้นค่อยๆผ่านไปช้าๆ  ในห้องเงียบมากแทบไม่มีใครคุยกันเลย ผมไม่รู้ตัวว่าหลับไปตอนไหน แต่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงพี่ชายจากห้องข้างๆร้องลั่น เหมือนตกใจกลัวอะไรบางอย่าง ผมและน้องกลัวจนร้องไห้ พ่อผมรีบลุกแล้ววิ่งออกไปที่ห้องของพี่ชายทันที โดยที่แม่ผมกอดเราไว้แน่น จนสักพักก็ได้ยินเสียงพ่อร้องตะโกนตามมา… “เห้ยยยยยย!” แล้วพี่ชายกับพ่อก็กระโจนเผ่นเข้ามาในห้องและลงกลอนทันที คืนนั้นเรากอดกันกลมทั้งห้าคน!

เรื่องราวในคืนนั้นผมไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง พี่ผมร้องทำไม และพ่อหนีอะไร จนกระทั่งผ่านไป 14 ปี ผมนึกเรื่องนี้ขึ้นได้เลยถามแม่ถึงเหตุการณ์วันนั้น แม่เล่าให้ฟังว่า คืนนั้นพี่ชายนอนอยู่ที่ห้องแล้วได้ยินเสียงคนร้องเพลงดังขึ้นมาจากชั้นสองข่างล่าง พอมานึกดูดีๆภายหลังก็รู้สึกได้ว่าเสียงนั้นไม่เหมือนภาษาไทย แต่ตอนนั้นพี่ชายเข้าใจว่าเป็นผมที่ลงไปเล่นแล้วร้องเพลงอยู่ข้างล่างเนื่องจากเสียงค่อนข้างเล็ก จึงตะโกนว่าไป “เงียบๆหน่อย คนจะนอน” แต่ผ่านไปสักครู่ก็มีเสียงเปิดประตูแง้มเข้ามาในห้องพี่ชาย เนื่องจากภายในห้องมืดและแสงจากภายนอกที่ส่องย้อนเข้ามา ทำให้พี่ผมไม่สามารถเห็นได้ชัดว่าเป็นใคร ใครบางคนนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับร้องเพลงและ “ปรบมือ” ไปด้วย จนกระทั่งมาหยุดที่ข้างเตียง พี่ผมยังเข้าใจว่าเป็นผมจึงบอกไปว่า ถ้าจะเล่นก็ให้ไปเล่นกับแม่ที่ห้องไป ขาดคำนั้นจู่ๆหัวของใครคนนั้นก็หลุดตุ๊บ! หล่อนลงมากองกับพื้น แต่อนิจจา…หัวนั้นยังคงร้องเพลงของมันต่อไป พี่ผมถึงได้ร้องลั่นจนพ่อเข้ามา เห็นเป็นหุ่นผีจากห้องพระนั่นเองที่ยืนอยู่ตรงนั้น โดยที่หัวลงไปกองอยู่ด้านล่าง ส่วนมือหยุดกึกในท่าปรบมือ!

ตอนนั้นผมยังเด็กจำเรื่องราวไม่ค่อยได้นัก แม่เล่าให้ฟังต่อว่าเช้านั้นเราก็นำหุ่นไปไว้วัด แล้วสวดทำขวัญกันทั้งครอบครัว ส่วนตัวหุ่นนั้นทางวัดทำพิธีแล้วนำไปฝังไว้ในป่าช้า ประสบการณ์เรื่องเล่าผีของบ้านผมก็จบลงตรงนั้น…

บทสรุป เรื่องเล่าผี ของมือสองสยองขวัญ…

สำหรับคนที่กำลังอ่านเรื่องผีมาจนถึงจุดนี้ ก็คงอยากทราบความเป็นมาของหุ่นตัวนั้น… หลังจากนั้นผ่านไป เรามีโอกาสได้กลับไปเที่ยวภูเก็ตอีกครั้งและได้กลับไปที่ร้านขายของเก่า ได้เจอลุงคนขายเดิมและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ลุงแกเล่าว่าเดิมทีหุ่นนี้มีชาวมุสลิมมาขายให้ที่ร้านถูกๆ เนื่องจากเขาก็เจอเหตุการณ์แปลกๆเหมือนเรา คือหุ่นมันชอบย้ายที่เอง แต่ตอนอยู่ที่ร้านลุงไม่ได้สนใจหรือสังเกตอะไรเนื่องจากของในร้านก็ค่อนข้างเยอะ ส่วนวัดนั้นเราก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย เนื่องจากภายหลังพ่อผมได้ย้ายไปประจำการที่ภาคใต้ ผมและครอบครัววจึงย้ายตามไปอยู่ที่สุราษฎร์ธานี จนกระทั่งผ่านไปกว่าสิบปี พ่อผมต้องกลับไปทำเรื่องเกษียณอายุราชการที่กรุงเทพ เราถึงได้แวะไปที่วัดนั้นอีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้นินจากพระเจ้าอาวาสเป็นอะไรที่ชวนขนลุกสุดๆ ท่านเล่าว่า… ภายหลังฝังหุ่นตัวนั้นไว้ได้ราวสามสัปดาห์ จู่ๆหุ่นที่ควรถูกฝังอยู่กลับหายไป ทิ้งไว้เพียงหลุมเปล่าๆ ไม่มีใครรู้ว่าหุ่นตัวนั้นหายไปไหนหรือหายไปได้ยังไงจนทุกวันนี้ และยังมีเรื่องเล่าอีกว่า หลังจากที่หุ่นถูกฝังไว้ในป่าช้า ซึ่งปกติจะมีพวกวัยรุ่นเกเรมามั่วสุมกัน กลับไม่มีใครมาอีกเลย แม้กระทั่งเด็กแถววัดก็ไม่ไปวิ่งเล่นแถวนั้นกัน หลังจากได้ฟังเราก็รีบลากลับทันที ด้วยกลัวว่า “มัน” จะตามติดขึ้นรถมากับเราด้วย….

ขอขอบคุณที่มาเรื่องเล่าผี : คุณแบงค์ สมาชิกกลุ่ม the house online 

อ่านเล่าเรื่องผีน่ากลัว เรื่องอื่นๆ >> กดที่นี่

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

13/10/2019

เรื่องผี | หญิงชุดแดงปีนลงมาจากต้นยาง วัดกลางเมืองเชียงใหม่

บวชเรียนสยองขวัญ เหตุการณ์ลี้ลับที่เจอที่วัดดังจ.เชียงใหม่

ย้อนกลับไป 5 ปีก่อน เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวคุณสองในตอนที่ได้ไปอุปสมบทบวชเรียนที่วัดใหญ่วัดหนึ่ง ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองจ.เชียงใหม่ โดยตั้งใจจะบวชทั้งสิ้น 15 วัน ช่วงที่คุณสองบวชนั้นตรงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์พอดี ในวัดมีพระบวชใหม่และผู้ปฏิบัติธรรมอยู่เยอะราวๆ 200 ชีวิต ด้วยความที่มีคนเยอะจึงทำให้บรรยากาศภายในไม่เหงาหรือน่ากลัว จะมีผู้คนทำกิจกรรมและเดินกันทั้งวัน แม้ว่าจะเป็นกลางคืนก็ตาม ซึ่งธรรมดาแล้วคุณสองเป็นคนที่เรียกันว่า “ตาขาว” อย่างมาก มักจะวิตกหรือกลัวเรื่องลี้ลับ แต่ในคราวนี้ย่อมไม่เป็นปัญหา

สำหรับคนที่จะอุปสมบทที่วัดแห่งนี้ จะต้องมาเตรียมตัวด้วยการอยู่วัดก่อนเป็นเวลา 3 วัน โดยที่จะต้องใช้ชีวิตและปฏิบัติเช่นเดียวกับพระภิกษุเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสวดทำวัตร การฉัน หรือการนอนที่กุฏิ ซึ่งกุฏิจะมีลักษณะเป็นเรือนแฝด คือมีสองห้องติดกันในตัวเรือนกุฏิเดียว

ในคืนแรกที่สองได้พักนั้น ห้องที่ติดกันมีผู้มาปฏิบัติธรรมเป็นชายวัยสี่สิบกว่าๆพักอยู่ จึงได้พูดคุยทำความรู้จักกัน และได้ทราบว่าชายคนนั้นกำลังจะกลับไปแล้วในวันรุ่งขึ้น พอกระทั่งเช้ามาสองจึงสังเกตเห็นว่าห้องดังกล่าวได้ถูกล็อคด้วยกุญแจ และแม้แต่ตอนเย็นที่สองกลับมายังกุฏิ กุญแจก็ยังถูกล็อคเหมือนเมื่อเช้า แสดงว่าชายคนนั้นได้กลับไปแล้ว และคืนนี้คงยังไม่มีใครมาเข้าพักต่อ

แต่ในคืนนั้นเองเวลาราวๆเที่ยงคืน ขณะที่สองเข้านอน กลับได้ยินเสียงดังกุกกักจากห้องติดกันที่กล่าวมา คล้ายกับว่ามีใครบางคนกำลังรื้อค้นหาอะไรบางอย่างอยู่ จนสักพักก็ได้ยินเสียงคนกำลังล้างหน้าแปลงฟัน เหมือนกับว่ามีคนมาพักอยุ่ในห้องนั้น หากแต่ว่ามันแปลกตรงที่ ตอน 6 โมงเย็นยังเห็นห้องล็อคอยู่ หากจะมีผู้มาเข้าพักภายหลังนั้นไม่น่าจะได้ ทางวัดไม่น่าจะรับไว้ ทว่าความสงสัยของสองก็หยุดเพียงตรงนั้น จนกระทั่งเช้าวันต่อมาสองยังคงเห็นห้องถูกล็อคไว้ด้วยกุญแจเช่นเคย… หรือว่าบางทีแขกตื่นเช้ากว่าเขาและได้ออกไปก่อนแล้ว แต่แล้วจนกระทั่งตอนเย็นกลับมาห้องก็ยังมีกุญแจคล้องเหมือนเคย สองจึงตัดสินใจถามกับทางพระพี่เลี้ยงของตนว่า

“หลวงพี่ครับ ห้องที่ติดกันนี้มีใครมาเข้าพักหรือไม่ครับ”

“ไม่มีเลย และคงจะอีกนานกว่าจะมี เพราะกว่าที่พระบวชใหม่จะมา ก็ราวแปดถึงเก้าวันนู่นแหล่ะ”

คำกล่าวของหลวงพี่พระพี่เลี้ยงทำเอาสองอึ้งงัน คิดนึกกลับไป เสียงที่ได้ยินนั่นคงจะใช่แน่แล้ว ไม่ใช่คนแน่ๆ

กระทั่งคืนนั้นเองที่เหตุการณ์ชวนขนหัวลุกได้ประสบขึ้นกับสอง คืนนั้นสองได้ยินเสียงทุกอย่างดังชัดเจนราวกับมีใครใช้ชีวิตอยู่ในห้องนั้นตามปกติ เพียงแต่ไม่เห็นตัว ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่ มีเพียงเสียงที่ทำให้สองถึงกับสั่น ต้องนอนขดปิดหู ปิดตา อยู่ใต้ผ้าห่มจนฟ้าสาง แม้แต่ทำวัตรเช้าในตอนเช้ามืด สองก็ไม่กล้าที่จะออกไป

ต่อมาเมื่อสองได้เริ่มบวชเป็นพระแล้วสองวัน ขณะนั้นเองที่มีเพื่อนพระที่ร่วมบวชและปฏิบัติธรรมด้วยกัน นำพาเณรซึ่งเป็นน้องชายของพระเพื่อนคนดังกล่าว มานั่งปฏิบัติธรรมร่วมกันด้วย ซึ่งตามปกติแล้วที่วัดแห่งนี้จะมีการแบ่งโซนของเณรไว้อีกฝั่งหนึ่ง พระสองจึงได้สอบถามออกไปว่า ทำไมเณรน้องถึงได้มานั่งด้วยที่นี่ พระเพื่อนจึงเล่าให้ฟังว่า ที่ตึกพักรวมของเณรมีเรื่องผีเกิดขึ้น พระเพื่อนเล่าว่า มีเด็กตัวขาว หัวโล้น ไม่ใส่เสื้อนั่งคู้อยู่ที่มุมห้อง แล้วจ้องมองมาทางเณรน้อง ทำให้วันถัดมาเณรน้องกลัวจนต้องมาอยู่ด้วย และคิดว่าจะให้น้องสึกเร็วกว่ากำหนด ซึ่งเรื่องนี้โจษจันหันขนาดที่เจ้าอาวาสก็ยังพูดว่า “บางทีที่เขาออกมาให้เห็นเป็นเพราะว่าบุญเราเยอะ เขาแค่หยอกเฉยๆ”

กระทั่งวันท้ายๆของการบวช คืนนั้นราวๆสามทุ่ม ระหว่างที่พระใหม่กว่าสามสิบรูปนั่งปฏิบัติธรรม โดยที่มีพระพี่เลี้ยงรูปหนึ่งนั่งหันหน้าเข้าหาเหล่าพระใหม่ทางด้านหน้า ขณะที่นั่งสมาธิกันนั้น จู่ๆก็มีลมพัดแรงเข้ามาดื้อๆอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ชวนให้รู้สึกขนลุก พระใหม่ต่างสัมผัสได้ถึงสิ่งลี้ลับ ขณะนั้นเองที่พระสองแอบลืมราขึ้นมองไปด้านหน้าและเห็นพระพี่เลี้ยง เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาจ้องมองไปที่บางสิ่งสูงขึ้นไปทางด้านหลังของเหล่าพระใหม่ที่นั่งสมาธิกัน จู่ๆท่านก็บอกว่า

“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เขามาดี เพราะพวกท่านทำดี…เขาก็ชอบ”

หลังจากคืนนั้นมา ก็มีการซุบซิบพูดคุยถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นว่าหลวงพี่ “ท่านเห็นอะไร” กัน โดยมีการเล่ากันว่าสิ่งที่หลางพี่ท่านได้เห็นก็คือ… ผู้หญิงในชุดสีแดง ปีนลงมาจากต้นยางด้านหลัง ขณะที่กำลังนั่งสมาธิกันอยู่ โดยยังเล่ากันอีกว่า ผู้หญิงชุดแดงตนนั้นอาจนะเป็นนางไม้หรือเจ้าที่ เนื่องจากต้นยางเหล่านั้นมีอายุอานามกว่าห้าสิบ ปี อีกทั้งยังมีเรียงรายกว่าร้อยต้นซึ่งอยู่กับวัดมาช้านาน และนี่ก็เป็นเรื่องราวลี้ลับทั้งหมด เรื่องเล่าผีที่คุณสองได้เจอมาด้วยตนเอง

รวมเรื่องผี the shock น่ากลัวๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

08/10/2019

อ่านเรื่องผี | ทางผีบอก ประสบการณ์หลงทางบนเขาใหญ่ จ.สระบุรี

เรื่องเล่าผีเรื่องนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว 4-5 ปี สมัยนั้นผมทำงานเขียนบทความทำสกู๊ปให้กับนิตยสารแนวบันเทิงหัวหนึ่งอยู่ ซึ่งปัจจุบันได้ปิดตัวลงไปแล้ว โดยจะเป็นคอลัมน์เกี่ยวกับท่องเที่ยง กินดื่มตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศ และในครั้งหนึ่ง ผมและทีมงาน ตากล้อง และช่างตัดต่อรวมอีกสามคนได้นัดกันที่สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิตตั้งแต่เช้า เพื่อร่วมกันเดินทางไปเขาใหญ่ที่จ.สระบุรี โดยได้ประสานงานเรื่องที่พัก สถานที่ถ่ายทำไว้หมดแล้ว

อ่านเรื่องผี ถ่ายงานบนเขาใหญ่จนดึก แต่ขากลับหลงทางอยู่ในความมืด

เมื่อไปถึง เราพบว่าที่พักของเราเป็นรีสอร์ตที่สวยงาม มีคลาสทีเดียว แถมยังค่อนข้างเป็นส่วนตัวโดยมีห้องใหญ่ๆให้เช่าเพียง 5 ห้องเท่านั้น พอตอนเย็นเราได้ไปดูบ้านหลังหนึ่งที่ละครของช่องดังมักใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ  เป็นบ้านที่สวยงามไม่เพียงแค่ภายนอก แต่ภายในก็ตกแต่งได้หรูหรางดงามไม่แพ้กัน หากแต่พวกเราที่ได้เข้าไปรับรู้ได้ว่า….บ้านหลังนี้มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา

จากนั้นเจ้าของบ้านก็ได้แนะนำร้านอาหารร้านึงที่อยู่บนทางขึ้นเขา และได้อาสาพาไป เราได้ไปถ่ายทำกันต่ออย่างสนุกสนาน จนไม่ได้สนใจแม้แต่จะดูเวลาหรือมีคนบ่นว่าเมื่อไหร่จะเลิกกอง จนกระทั่งกว่าจะรู้สึกตัวกันก็ปาไปเที่ยงคืนแล้ว เจ้าของบ้านที่พามาจึงแนะนำว่าควรรีบกลับ เพราะอย่างไรก็ตาม แม้ทางบนเขาจะถูกพัฒนาให้ดีแล้ว ก็ไม่ควรประมาเวลากลางค่ำกลางคืน

ขากลับที่พักผมและทีมงานได้พูดคุยเรื่องต่างๆที่ผ่านมา แม้กระทั่งเรื่องของบ้านละคร ทุกคนรู้สึกตรงกันว่าเหมือนมีใครยางคนแอบมองอยู่ตลอดเวลาที่เดินดูบ้านหลังนั้น ทั้งๆที่บ้านที่ส่ามีเจ้าของอยู่แค่คนเดียว พี่ทีมงานอีกคนก็พูดขึ้นมาว่า จริงๆบรรยากาศเหมาะแก่การถ่ายหนังผีอยู่เหมือนกัน หลังจากนั้นเรายังคงวนเวียนกับการเล่าเรื่อง “ผีผี” กันอยู่อีกพักใหญ่ แม้ว่าจะรู้กันดีว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาพูดในป่าในเขา โดยเแพาะเวลากลางคืน

จนกระทั่งพี่คนนึงทักขึ้นมาว่า… “เห้ย มันแปลกๆรึเปล่า? เหมือนมาไกลแล้วนะ จำได้ว่าแยกทางเข้ารีสอร์ตจะมีป้ายปักหลายอัน แต่นี่ขับมาตั้งนานยังไม่เจอเลย”

“หลงทางเหรอ? เลี้ยวผิดทางรึเปล่า”

“จะบ้าเหรอ ตั้งแต่ขับมายังไม่เจอทางแยกสักแยกเลยนะ”

เรื่องนี้เราเห็นตรงกัน ตั้งแต่ตรงมาเรายังไม่เจอทางเลี้ยวเลย ไม่น่าจะหลงได้ จึงตัดสินใจมุ่งไปต่อตามทาง จนกระทั่งเกือบจะตี 2 แล้ว จากที่เคยเสียงดังโหวกเหวก ถึงตอนนี้เงียบกันทั้งคัน บรรยากาศตรึงเครียดเข้ามาแทนที่ ผมได้แต่อธิษฐานขอเจ้าป่าเจ้าเขา ให้ช่วยเมตตาคุ้มครองให้ได้กลับถึงที่พักได้โดยเร็วด้วยเถิด

สิ้นคำอธิษฐาน ผมสังเกตเห็นผู้หญิงในชุดสีฟ้า ผมยาวปรกหน้ายืนอยู่หน้าทางโค้งข้างหนา แล้วชี้นิ้วตรงมาที่รถ ผมได้แต่อึ้งงันกับสิ่งที่เห็น…นั่นมันไม่ใช่คนแน่ๆ และดูเหมือนไม่มีใครในรถเห็นเหมือนผมเลย ผมเองก็ไม่กล้าที่จะทักเรื่องนี้ขึ้นมาตอนนี้ จนกระทั่งผ่านไปอีกโค้ง สองโค้ง ก็ยังเจอผู้หญิงคนนั้นมายืนชี้เหมือนเดิม ผมได้แต่ซุกหน้าลงกับพื้น น้ำตาไหลนองเต็มหน้า จนในที่สุดผมก็เรียกบอกคนขับ

“เห้ย ผมว่าเรามากันผิดทางแล้ว กลับรถเถอะ!”

พอได้ลองเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู ปรากฏว่ารถได้เลยออกมาไกลกว่า 20 กิโลแล้ว! ทันใดนั้นมือถือก็ดีบลงพอดี คนขับกลับรถตามความเห็นของผม คราวนี้ก็ยังต้องมาเจอผู้หญิงชุดฟ้าในแต่ละโค้งอีก แต่คราวนี้ไม่ได้ขี้ตรงมาที่รถ หากแต่ชี้ไปทางซ้ายทีขวาที โดยผมก็ยอกให้คนขับขับไปทางนั้น จนกระทั่งพักใหญ่เราก็เจอกับทางแยกที่มีป้ายเยอะๆ บริเวณทางเข้ารีสอร์ตที่เราพักนั่นเอง ทั้งๆที่ในตอนแรกที่ผ่าน ไม่มีใครสังเกตเห็นเลย

ทีมงานต่างโล่งใจที่จะได้พักผ่อนเสียที เว้นแต่ผมที่เป็นความรู้สึกขอบคุณในความช่วยเหลือ ผมคิดว่าเธอคงมาช่วยบอกทางให้คนหลง อย่างที่เขาเรียกกันว่า “ทางผีบอก”

วันรุ่งขึ้นผมได้แอบไปถามกับพรักงานต้อนรับ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครรู้ จนกระทั่งตอนจะกลับได้พบกับเจ้าของรีสอร์ต หลังกล่าวร่ำลา ผมได้ทักไปว่าเมื่อคืน…พวกผมเจอด้วยครับ

เจ้าของถามกลับมาแค่ว่า “ผู้หญิงเสื้อฟ้ารึเปล่า?”

“แขกที่มาเข้าพักแล้วหลงทางบนเขา หากอธิษฐานขอและมีเซ้นส์มักจะได้เจอ คอยช่วยนำทางมาส่ง บางทีเขาคงอยากได้กุศลผลบุญ เนื่องจากเป็นผีตายโหง หากมีโอกาศก็อยากให้ทำบุญไปให้บ้าง”

ได้ฟังเรื่องนี้ผมก็ถึงกับอึ้ง ไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจอเรื่องแบบนี้ แม้กระทั่งกลับมาแล้วผมก็ไม่ได้เล่าให้เพื่อนร่วมทางฟังเลย

อ่านเรื่องผีน่ากลัว เรื่องอื่นๆ >> กดที่นี่

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

06/10/2019

อ่านเรื่องผี | รวมฮิต 10 เรื่องเล่าผีจากผู้เขียน “ธี่หยด”

สำหรับคอสยองขวัญที่ชอบตามอ่านเรื่องผีในกระทู้พันทิป ทุกคนต้องรู้จักกับกระทู้แห่งประวัติศาสตร์อย่าง “ธี่หยด” กระทู้ผีที่ฮิตที่สุดในพันทิป กว่า 2000 คอมเมนท์ แชร์กว่าแสนครั้ง เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ในขณะนั้นเลยทีเดียว หากแต่ผู้ที่นำประสบการณ์สมัยเด็กมาถ่ายทอด หรือที่รู้จักกันในชื่อ สมาชิกพันทิป Rhythm in the Air หรือคุณกฤตานนท์ Krittanont..นั้น ในภายหลังยังมีงานเขียนที่นำเรื่องเล่าจากที่ได้ฟังจากพี่ป้าน้าอามามหรือแม้กระทั่งที่เคยประสบกับตัวเองมาเล่าสู่กันฟังอีกจำนวนหนึ่ง และจึงเป็นที่มาของบทความนี้

ชวนอ่านเรื่องผี…10 เรื่องเล่าสยองขวัญ จาก “ธี่หยด ดรามาติก ยูนิเวอร์ส” !

1. สามทุ่มสิบห้า เวลาเธอตาย!

จากเรื่อง : อ่านเรื่องผี | เรียงร้อยเรื่องเล่า ตอน สามทุ่มสิบห้าเวลาเธอตาย
เรื่องเล่าจาก : กระทู้ผีพันทิป
เล่าโดย : สมาชิกพันทิป Rhythm in the Air FB : Krittanont

เรื่องเล่าผีเรื่องนี้มีอยู่ว่า “รุจ” มีเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่วัยเด็กอย่าง “เกรน” อยู่ หากแต่เมื่อเข้าสู่ช่วงอุดมศึกษาต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปเรียนตามที่ตนถนัด ไม่ได้ติดต่อหากันเลย แม้ว่าบ้านของทั้งคู่จะห่างกันเพียงไม่กี่ซอยกั้น แต่เวลาที่กลับมาบ้านก็มักจะคลาดกันตลอด

จนกระทั่งเรียนจบ ชีวิตเข้าสู่ช่วงวัยทำงาน รุจมีโอสได้กลับมาเยี่ยมบ้าน แต่ก็ต้องผิดหวังที่ไม่ได้เจอเกรน หลังากอบถามกับทางแม่ของเกรน แม่เกรนก็เล่าว่าลูกสาวย้ายไปอยู่คอนโดซึ่งไม่ไกลจากที่นี่ หากแต่หลังจากนั้นก็ดูแปลกๆไป มักจะลุกลี้ลุกลน และต้องขอลากลับอย่างเร็วเวลาที่มาบ้าน คล้ายกับมีความลับบางอย่างที่ไม่อยากให้ใครรู้เข้า ซุกซ่อนเอาไว้

รุจได้ทำตามคำเรียกร้องของแม่เกรนที่จะให้ไปดูเกรนหน่อย รุจติดต่อและนัดเจอกันที่หน้าคอนโดเธอ หลัจากที่ได้พบกันอีกครั้งก็ชวนให้แปลกใจอยู่ไม่น้อย เดิมเกรนเป็นสาวค่อนข้างสวย แม้ตอนนี้ก็ยังไม่ทิ้งเค้าโครงความสวย หากแต่ราวกับมีอะไรมาบดบังมันไว้ ผิวพรรณดูซูบซีด ดวงตาอิดโรยคล้ายคนอดนอนสะสมมาอย่างยาวนาน หลังจากได้ไถ่ถามพูดคุยกัน ดูเหมือนว่าเธอจะมีอะไรปิดบังและไม่อยากบอกอยู่จริง จนซักไซร้ไปมาเธอก็ร้องไห้ออกมา แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ปริปากถึงปัญหา ในที่สุดก็ร่ำลากันโดยไม่ได้ข้อมูลอะไร

แต่รุจก็ไม่ได้ยอมแพ้เพียงแค่นี้ เขาแอบตามเธอขึ้นไปดูบนห้อง แม้ว่าเกรนจะไม่ได้ยินดีที่จะให้เข้าไป แต่ก็บอกอย่างขอไปทีว่า “รีบดูแล้วรีบกลับไปล่ะ”

ภายในห้องดูหรูหราสมกับเป็นห้องของเภสัชกรคนสวย หากแต่ดีไซน์ในห้องดูพิลึกชอบกลอยู่ ประการแรกคือห้องนั้นเป็นสีขาวโพลน ไม่ว่าจะพื้น ผนัง เพดาน รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ ก็ล้วนเป็นสีขาวปลอดหมดจด อย่างที่ชวนให้สงสัยว่า…เธอเคยเป็นคนคลั่งไคล้สีขาวขนาดนี้มาก่อนหรือ? ประการที่สองคือในห้องนั้นมีแหล่งกำเนิดไฟอยู่มากเกินความจำเป็น มันเรียงรายไปด้วยโคมไฟน้อยใหญ่ตามมุมและหัวเตียง ยังไม่นัยรวมไฟเพดาน ไฟดาวน์ไลท์ ที่เปิดสว่างสไวพร้อมกันทุกดวง พอลองถามถึงเรื่องนี้ดู คำตอบของเธอที่ดูเผินๆเหมือนไม่สำคัญอะไร หากแต่เป็นเขาะแสบอกใบ้ถึงสาเหตุของอาการแปลกๆของเธอ

“เราไม่อยากให้มี ‘เงา’ ในห้องน่ะ…”

เป็นเพราะเธออยู่ในสภาวะซึมเศร้า จึงต้องการอยู่ในแสงสว่างตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ใจขุ่นมัวเหรอ? มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น

อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะไม่ได้ร่องรอยอะไรเพิ่มและจะกลับอยู่แล้ว จู่ๆก็ได้ยินเสียงคล้ายใครเลื่อนเปิดประตูกระจกด้านหลัง ซึ่งเป็นทางออกไปที่ระเบียง ชะรอยสงสัยเพื่อนสมัยเด็กจะแอบซ่อนแฟนหนุ่มใจปลาซิวไว้ในห้องซะแล้ว! แม้เกรนจะห้ามก็ตามแต่รุจก็ออกไปดูจนได้ แต่กลับไม่พบใครซักคน…แมวตัวเดียวก็ไม่มี! ขณะที่กำลังจะตัดใจออกจากห้องไปแล้ว จู่ๆก็มีเสียงอะไรบ้างอย่างเสียดสีกับกระจกหน้าต่างดังเอี๊ยด..อ๊าดด บาดหูดังขึ้นมา คล้ายใครเอามือเปียกชื้นรูดสีกับกระจก รุจหันกลับไปเพื่อที่จะรูดม่านออกดูโดยไม่ได้ถามไถ่ แต่เกรนก็ออกคำสั่งกำชับเสียงดัทันที “อย่าเปิดเด็ดขาดนะ!!”

ดูเหมือนเกรนจะกลัวอะไรบางอย่าง…แต่มีเหตุผลอะไรกันนะที่ไม่สามารถบอกได้ อีกทั้งลักษณะที่แปลกประหลาดของห้องนี้ กับท่าทีของเกรนได้ดึงดูดรุจมากกว่าที่คิดไว้ แม้เกรนจะไล่ให้เขากลับไป ตอนนี้รุจไม่มีความคิดที่จะลากลับแล้ว… เกรนกลัวความมืด? หรือกลัวอะไรที่ซ่อนอยู่ในความมืด?

อ่านต่อที่นี่ >>  สามทุ่มสิบห้า..เวลาเธอตาย

2. คุณครูสอนภาษาอังกฤษที่ตายไป ยังคงวนเวียนอยู่ในห้องเรียนเสมอ… “แอม ฟาย แซงกิ้ว”

จากเรื่อง : อ่านเรื่องผี |เรียงร้อยเรื่องเล่า ตอน ฉันสบายดี… ขอบคุณ
เรื่องเล่าจาก : เรื่องผี พันทิป
เล่าโดย : สมาชิกพันทิป Rhythm in the Air FB : Krittanont

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโรแร่งประถมแห่งหนึ่ง เรื่องเล่าผีนี้พูดถึง “ครูเอม” ครูสอนภาษาอังกฤษประจำโรงเรียน

ครูเอมถือได้ว่าเป็นครูที่ “เนี๊ยบ” ที่สุดคนนึง แกมักปรากฎกายด้วยชุดที่ดูเรียบร้อยอย่างสีขาว ครีมหรือเบจ สวมกระโปรงพีทยาวที่มีจีบรอบตัว มาพร้อมกับเสียง “ต๊อกแต๊ก” ของรองเท้าส้นสูงที่กระทบกับพื้นเวลาเดิน รวมทั้งกลิ่นน้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ ทำให้เด็กนักเรียนจำทราบทันทีว่า “ครูเอมมาแล้ว!” แล้วพากันนั่งเงียบเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนที่ตัวเธอจะมาถึงหน้าประตูห้องเรียนซะอีก

เนื่องจากรูปร่างผอมสูง แล่าทางน่าเกรงขามเจ้าระเบียบแบบญาติผู้ใหญ่ จึงเป็นที่เล่าขานกันในหมู่นักเรียนว่า…ครูเอมดุมาก! อีกทั้งยังมีเจ้าไม้เรียวที่เหลาจากไม้ไผ่ข้างกาย เอาไว้กำหราบเด็กแสบบางคนให้ลดความซนลง เรียกได้ว่าเป็นครูคนดังที่ถูกพูดถึงกันได้ทุกวัน

ต่อมาครูเอมแต่งงานกับสามีซึ่งเป็นครูที่สอนที่เดียวกัน จนต่อมาแกตั้งครรภ์ หลังจากนั้นก็ลาสอนอยู่บ่อยๆ ทำให้ช่วงหลับเด็กๆนักเรียนไม่ค่อยได้เจอแกแล้ว กระทั่งวันหนึ่งมีข่าวลือไม่ค่อยดีเกี่ยวกับแก… บ้างก็ว่าแกแท้ง บ้างก็ว่าตกลูก บ้างก็ว่าประสบอุบัติเหตุ แม้จะไม่มีการยืนยันใดๆเข้ามา แต่ข่าวลือก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียน กระทั่งเช้าวันถัดมามีประกาศยืนยันจากทางผอ.โรงเรียนว่า “ครูเอมได้ประสบอุบัติเหตุแล้วเสียชีวิตในบ้านพักครู” ในขณะที่ท้องอยู่ หรือที่ชาวบ้านเค้าเรียกกันว่า “ตายทั้งกลม” นั่นเอง

เรื่องนี้ทำให้เด็กๆนักเรียนรวมทั้งครูอาจารย์เศร้าโศกกันมาก หากแต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเขย่าขวัญ เมื่อมีคนพบเห็นใครบางคนคช้ายกับครูเอม…ยังคบวนเวียนอยู่ในโรงเรียนนี้อยู่ เป็นต้นว่า เสียงพูดภาษาอังกฤษที่ดังลอยออกมาจากห้องเรียนในยามค่ำคืน…

เนื่องจากเหตุการณ์เกี่ยวกับในโรงเรียน เชื่อว่าคนอ่านทุกคนมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องเล่าตำนานในโรงเรียนกันมาบ้าง นี่เป็นอีกเรื่องเล่าผีเรื่องนึงที่มีฉากหลังชวนให้คิดถึงวัยเรียน

อ่านเรื่องผี ต่อที่นี่ >>  กระทู้ผีพันทิป : คุณครูสอนภาษาอังกฤษที่ตายไป

3. “แพรสีชาด” แพรอาถรรพ์ที่ปลุกคนตายขึ้นมาอีกครั้ง

จากเรื่อง : อ่านเรื่องผี |เรียงร้อยเรื่องเล่า ตอน แพรสีชาด
เรื่องเล่าจาก : เรื่องผี Pantip
เล่าโดย : สมาชิกพันทิป Rhythm in the Air

เรื่องเล่าผีเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคู่สามีภรรยา “พี่ดินกับพี่เตย” ที่ครั้งหนึ่งก็เป็นอีกคนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติทางการเงินต้มยำกุ้งในอดีต จนกว่าจะกลับมาตั้งตัวได้ก็ใช้เวลาหลายปี ครั้นมีลูกเล็กคือน้องตั้งใจอายุได้ขวบกว่าๆ ก็วางแผนจะหาบ้านเป็องตัวเองซักหลัง หลังจากที่ต้องอยู่ในบ้านเช่าที่เริ่มจะคับแคบด้วยกันมากว่าสิบปี

บ้านสำหรับหลายคนที่ไม่ขัดสน มีปัญหาเรื่องเงินทอง ก็อาจครอบครองได้โดยไม่เดือดร้อนอะไร แต่กลับอีกหลายคนกว่าจะมีบ้านได้กับเค้าซักหลัง ก็อาจจะต้องพยายามกันอย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ ซ้ำถ้าหากว่าบ้าน..สถานที่ที่ควรมีความสุข กลับอยู่แล้วทุกข์ระทมเหมือนกับเรื่อนี้ ซึ่งความทุกข์ที่ว่าไม่ได้มาจากภาระเงินผ่อนหรือดอกเบี้ยแต่อย่างใด หากเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นหลายเท่านัก

ในที่สุดสองสามีภรรยาก็ไปเจอบ้านหลังหนึ่งราวกับพรหมลิขิต แม้จะตัวบ้านเก่าไปบ้างแต่มีที่ดินกว้างขวาง ซ้ำราคาก็ดีซะด้วย หากปรับปรุงซ่อมแซมอีกนิดหน่อยน่าจะสวยเลยทีเดียว หลังเที่ยวสอบถามเพื่อนบ้านใกล้เคียง ทราบว่าบ้านนี้ไม่มีประวัติ อีกทั้งแถวนี้ก็ไม่ได้มีขโมยชุกชุม จึงตัดสินใจกันสองคนว่าจะซื้อหลังนี้…กระทั่งลูกชายคนเดียวพูดขึ้นมาว่า “น้องตั้งใจไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้”

แม้มาลองคิดดูภายหลัง คำพูดนี้เป็นเหมือนคำเตือนและลางบอกเหตุการณ์น่าสะพรึงที่ครอบครัวนี้จะต้องพบเจอ แต่ในตอนนั้น คำพูดของเด็กเพียงขวบเศษๆ ย่อมไม่มีผลต่อการตัดสินใจ…

อ่านต่อที่นี่ >>  “แพรสีชาด”  เรื่องสยองล่าสุด…จากผู้เขียน “ธี่หยด”

5. “ธี่หยด…” เรื่องเล่าผี..ที่โด่งดังที่สุดบนพันทิป..กว่า 2000 คอมเม๊นต์ ติดกระทู้แนะนำข้ามปี!!

จากเรื่อง : อ่านเรื่องผี |กระทู้ผีฟีเวอร์…ลองมาฟังเรื่องลึกลับของผมบ้าง
เรื่องเล่าจาก : กระทู้ผีพันทิป
เล่าโดย : สมาชิก Rhythm in the …

Admin

22/04/2018

อ่านเรื่องผี | วิศวกรเจอผีตอนคุมงานใน “ห้างดัง..ใจกลางกทม.”

เคยอ่านเรื่องผีเรื่องนี้รึยัง? เรื่องเล่าผีจากรายการวิทยุชื่อดัง ประสบการณ์โดยตรงของ “คุณภาคิณ” วิศวกรหนุ่มที่มักจะต้องเดินทางไปที่ต่างๆเพื่อคุมงานสร้าง และต้องเจอกับเรื่องราวชวนขนลุก และเรื่องราวในครั้งนี้ผ่านมาเพียง 2 ปีเท่านั้น เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ภาคิณไปคุมงานสร้างอะไรบางอย่างให้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร ท๊ซึ่งเอ่ยชื่อไปจะต้องรู้จักทุกคน กับประสบการณ์สยองที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอในที่ๆมีผู้คนพลุกผล่าน โดยให้ชื่อเรื่องว่า “ครั้งเดียวไม่เคยพอ

อ่านเรื่องผี ประสบการณ์ทำงานที่เจอผีคืนแล้วคืนเล่า…ในห้างดังกลางกรุง

เรื่องเล่าผีเรื่องนี้มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อกุมภาพันธ์ปี 2559 ผมได้รับคำสั่งให้ไปเริ่มโครงการสร้างแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งย่านใจกลางกรุงเทพ พูดเลยว่าแลนด์มาร์คแห่งนี้..หากบอกโลเคชั่นไปนี่ รู้จักกันทุกคนแน่นอน โดยเจ้าของงานก็จะเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งชื่อดังมากๆ เนื่องจากว่าสิ่งที่กำลังจะสร้างเนี่ยอยู่กลางถนน เจ้านายผมต้องการให้มีออฟฟิศสำหรับสายงานก่อสร้าง ก็เลยได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้าของงานว่า เค้ามีอาคารจอดรถอยู่ในพื้นที่ห้างของเค้าเป็นตึก 10 ชั้น โดยผมก็เข้าไปติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ผมก็เอาแผนงานไปแจ้งเค้าว่า..จะทำงาน 4 วันไม่เกิน 5 วัน ต่อสัปดาห์

โดยอาคารนี้เป็นอาคารสาฐารณะ ซึ่งเค้าจะอนุญาตให้ใช้ทำออฟฟิศได้ตั้งแต่ชั้นที่ 8 เป็นต้นไป ซึ่งเดิมทีจะมีห้างนึงในเครือของเค้าอินโนเวท ก็จะมีบริษัทนึง มีชื่อและใหญ่ เค้าก็จะจองไว้ชั้น 9 ถึงชั้น 10 ทำเป็นพวกสโตร์ ของผมก็จะได้เป็นพื้นที่อีกโซนนึงซึ่งห่างเค้าพอสมควร ข้อที่ 2 เงื่อนไขเค้าคือต้องเริ่มทำงานหลังห้างปิดตั้งแต่ 23.00 และไม่เกิน 4.00น. และจากที่หัวหน้าผมบอกว่าทางผู้ใหญ่เค้าจะให้มีคนของเค้าเฝ้าระวังความปลอดภัยตลอดเวลาทำงาน โดยเวลาที่ผมจะทำงานก็จะโทรแจ้งเค้าล่วงหน้า ข้อสุดท้ายคือห้างเนี้ยนะครับจะมีทางยาวประมาณ 200 เมตร เป็นลิฟต์ 2 ฝั่ง ฝั่งละ 4 ตัว ตอนกลางคืนจะใช้ได้แค่ 2 ตัว ส่วนห้องน้ำเนี่ยไม่มีจะใช้ต้องลงไปข้างล่าง แล้วอย่างที่บอกผมวางแผนไว้ประมาณ 10 วัน วันแรกผมเข้าไปตอนสี่ทุ่มครึ่ง ผมต้องนัดทีมงานจะทำผนังออฟฟิศผมเนี่ยตอนห้าทุ่มครึ่ง ผมก็เข้าไปล่วงหน้า ก็กะว่าจะไปประสานงานล่วงหน้า

วันนั้นตอนผมไปชั้นหนึ่งก็ยังมีคนจอแจอยู่ เพราะ ห้างเพิ่งปิดก็ยังพอมีคนบ้าง จู่ๆก็ได้กินธูปจนมองไปก็เห็นเป็นโต๊ะบูชาอยู่อีกฝั่งหนึ่งของตึก เป็นเหมือนเครื่องเซ่น คือเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะว่าไปทำงานห้างก็จะเจอเรื่องไหว้เรื่องอะไรแบบนี้ ก็เป็นปกติ จริงๆใจก็คิดบ้างว่าเออจะเจอผีรึเปล่า เพราะขึ้นไป เพราะขึ้นไปชั้นบนก็ปรากฎว่าก็ไม่เห็นใครเลย ตรงนั้นบรรยากาศออกจะสลัวๆเพราะเค้าจะเปิดไฟแบบ 2 ดวงเว้น 1 ดวง ก็เลยกะว่าจะโทรติดต่อประสานงานเจ้าหน้าที่เขาว่ามาถึงแล้ว เค้าก็ถามว่า “ตอนเนี่ยน้องอยู่ไหน” ผมก็บอกไปว่า “ตอนนี้อยู่ชั้น 10 แล้ว” เค้าก็ถามต่อไปว่า “แล้วตอนนี้อยู่กับใคร” ก็บอกว่าอยู่คนเดียวเดี๋ยวทีมงานจะตามมาอีกประมาณ 10 นาที เขาพูดคำเดียวเลยว่า “หูยยยย” แบบตอนแรกก็งงว่าทำไมอะไรยังไง แล้วเค้าก็บอกว่า “เอองั้นเดี๋ยวผมจะรีบตามขึ้นไปแล้วกัน” ก็นั่งรอไปจนกระทั่ง 20 นาทีลูกน้องผมก็ตามมาบางคน ส่วนทีมงานเนี่ยตอนแรกมาก็ตกใจนะ เค้าจะมาด้วยรถกอล์ฟ รถกอล์ฟเนี่ยปกติก็จะนั่งได้ประมาณสองคน แต่นี่กลับมากันห้าคนนะครับ ทีแรกผมก็คุยเรื่องงานไปว่า อ่าอยากได้แบบนี้นะอะไรงี้ แล้วก็พูดแซวเขาว่า “โห เออพี่ไมมากันเยอะจังอ่ะ” เขาพูดมาคำเดียวที่ทำให้ผมจำขึ้นใจได้เลยคือ “มาเยอะๆอ่ะดีแล้ว อุ่นใจดี” จนกระทั่งเริ่มงานวันที่หนึ่งวันที่สองก็ดีนะครับ แต่ที่น่าสงสัยคือไม่มีเจ้าหน้าที่หรือใครอยู่เลย คือแบบห้าทุ่มจนตีสามก็ยังไม่มีใครมาดู ทั้งๆที่แบบทางผู้ใหญ่เค้าเน้นมาว่าจะต้องมีคนคอยอยู่ดูนะ เพราะว่างานก่อสร้างเนี่ยมันก็จะมีแบบมีงานเชื่อมบ้างอะไรบ้าง ซึ่งด้วยความที่มันเป็นอาคารสาธารณะเนี่ย ถ้ามันเกิดเพลิงไหม้ขึ้นอะไรเงี้ยมันก็จะสร้างความเสียหายมาก ตรงนี้เราก็จะเข้าใจกัน

พอเข้าวันที่ 3 แล้วคืองานมันใกล้จะเสร็จแล้ว คือคืนนั้นก็แบบล้า ซึ่งงานเนี่ยมันก็จะเหลือแค่ติดกระจกหน้าต่างอะไรเนี่ย ผมก็เลยกะว่าอ่ะ นอนซักหน่อยหน้าออฟฟิศที่ก่อสร้างนั่นแหละ จู่ๆมันก็รู้สึกตัวครับเหมือนมีคนมาเขย่าขา พอลืมตาขึ้นมาเนี่ยก็เห็นคนงานสามคน แต่มันแปลกอยู่อย่างนึงคือคนงานเนี่ย ใส่หมวกกระต๊อบ เป็นหมวกสานเหมือนคนหาบขายไข่ปิ้ง ซึ่งผมมั่นใจว่าคนงานของทางบริษัทเนี่ยเป็นไปไม่ได้ที่จะใส่แบบนี้ เพราะเป็นมาตรฐานใหม่ที่คนงานจะต้องใส่เสื้อมีแถบสะท้อนแสง หมวกเซฟตี้ คือเค้าแต่งตัวเหมือนเป็นคนงานยุคเก่ารู้สึกตัวตื่นมาก็มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นลูกน้องผมแปดคนที่ติดตั้งประตูหน้าต่างอยู่ ส่วนตัวผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับเค้านะ ก็โทรถามลูกน้องว่าเออ สร้างออฟิศเสร็จแล้วเหรอ แล้วทำไมไม่ปลุกผมเนี่ย ลูกน้องก็ว่าเห็นช่างหลับสบาย ก็เลยถามต่อไปว่า เออ…แล้วทำงานเสร็จแล้วเหรอ เท่าที่ผมดูเนี่ย เหมือนงานมันไม่ค่อยเรียบร้อยนะ เค้าก็บอกโอเคเดี๋ยวไปเก็บงานให้ แต่…เค้าขอร้องว่าขอไปเก็บให้ตอนกลางวันเท่านั้นนะ คือคนงานเนี่ยผมก็จะจ้างผู้รับเหมาภายนอกมาน่ะนะครับ ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร

พอวันที่ 4 ตอนกลางวันเนี่ย ก็จะเป็นผมกับลูกน้องบริษัทผมละ ที่จะขนโต๊ะสำนักงานอะไรขึ้นไป ผมก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เค้า แต่เค้าก็ไม่ยอมให้ขึ้นมากลางวัน ต้องไปใช้ลิฟต์ขนของซึ่งมันตั้งอยู่ที่ชั้น 9 ตอนที่ใช้ลิฟท์อยู่เนี่ย ก็มีลุงรปภ.คนนึงเข้ามาดู ผมก็คุยกับแกว่าเนี่ย มีคนงานเจอเหตุการณ์แบบนั่นนี่มา แกก็ว่า อ๋อ ปกติเจอกันบ่อย ก็เป็นคนงานที่เคยสร้างตึกนี้มาแหละ แล้วเสียชีวิต ลุงก็ถามาว่า เจอ 3 คนใช่มั้ย ชาย 2 หญิง 1 คือแกพูดมามันก็แบบเป๊ะๆๆเลย เราก็แบบคิดว่าเออ เห้ย โดนแล้วเหรอวะเนี่ย ทีนี้ก็คิดอีกว่าเออเดี๋ยวเราจะต้องมาทำงานที่นี่แหละใช่มั้ย ก็เลยถามลุงไปเลยว่า ลุงเอาตรงๆเลยนะ ที่เนี่ยมีอะไรอีกบ้าง ลุงแกก็บอก อ่ะหนึ่งเลย ตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นมาเนี่ย ไม่มีใครขึ้นมากันหรอก พนักงาน รปภ. จะมีก็แค่รถกอล์ฟมา แค่เวลาตี 1 และตี 4 เท่านั้น แล้วเวลามาก็คือมาสองคัน คันนึงก็อัดมากันหลายคน แล้วอย่างผมเนี่ย ถ้าไม่มีคำสั่งผมก็ไม่ขึ้นมาเหมือนกัน ผมกลัว อย่างชั้น 8 เนี่ย ก็มีเหตุการณ์เร็วๆมาเนี้ย เป็นผู้หญิงกระโดดตึกดับ เราฟังแล้วก็แบบ เออ ทำไมต้องมาอยู่ตรงนี้ด้วยวะ อย่างที่เคยบอกว่ามีอีกบริษัทนึง อันนั้นเค้าพอตกกลางคืนก็จะไม่มีใครอยู่กันเลย ผมก็เล่าให้ทางหัวหน้าฟัง แกก็บอกไว้ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวมีทีมงานมาเยอะ

แล้วก็เหมือนเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ผมถูกเลือกให้เป็นคนคุมโปรเจกต์ไซต์ ช่วงกลางคืน คนที่มาดูงานกับผมช่วงกลางคืนเนี่ย มีแค่ 6 คนเท่านั้น อันนี้หมายถึงสตาฟนะครับ ส่วนคนงานเค้าก็จะอยู่หน้างานของเขาอยู่ละ

(เจอผี)ครั้งเดียว…ไม่เคยพอ

จนมีอยู่วันนีง ผมน่ะเคลียร์งานกับโฟร์แมนเสร็จก็ตัดสินใจจะขึ้นออฟฟิศกัน ก็กะจะแวะร้านสะดวกซื้อซื้ออะไรไปกินกัน ปรากฎว่าผมเจอผู้หญิงอยู่คนนึง ลูกน้องก็สะกิด ช่างๆผู้หญิงหน้าตาดีมาก โทรศัพท์อยู่ร้องห่มร้องไห้ แล้วเดินไปทางลิฟต์ ด้วยความที่เป็นช่วงเวลาดึกแล้ว 5 ทุ่มเที่ยงคืน ลูกน้องมันก็บอกช่างไปปลอบๆ ประมาณว่าจะไปหยอกไปจีบทำนองนั้น คือผมไปยืนอยู่หน้าลิฟต์ ซึ่งมันขึ้นไปแล้วตัวนึงมันก็ไปหยุดอยู่ที่ชั้น 8 ลูกน้องผมมันก็กดลิฟต์จะตามขึ้นไปเลยชั้น 8 พอออกลิฟต์มาปุ๊บเนี่ย โอ้โห…มืดตึ้บเลยครับ มืดแบบมันไม่น่ามีอะไรเลย ส่วนตัวผมก็กลัวแหละที่มืดๆ ก็รีบเดินออกไปดู เป็นลานจอดรถกว้างๆ ซึ่งถ้าผู้หญิงคนนั้นขึ้นรถ มันก็ต้องได้ยินเสียงบ้าง แต่คือมันห่างกันแค่ไม่เท่าไหร่ ไม่น่าจะหายไปแบบไร้ร่องรอยอะไรขนาดนั้น ผมนึกขึ้นได้ก็รีบดึงลูกน้องกลับมา แล้วก็เล่าให้ฟัง มันก็ว่าเออดีๆ เกือบไปแล้ว ดีที่เล่าให้ฟังก่อน

และแล้วก็มีอยู่อีกวันนึง วันนั้นผมก็โทรคุยกับเจ้านาย ผมก็เดินคุยเพลินไปที่ลิฟต์ ปกติเวลาเราคุยโทรศัพท์ในลิฟต์เนี่ย พอเดินเข้าไปสัญญาณมันก็จะตัดเองทันทีเลย ซึ่งผมจะอยู่ชั้น 10 แต่ลิฟท์ที่นี่แปลกมากเลย เพราะจะมีชั้น 1, 3, 5, 6, 8, 9 ชั้น 10ไม่มี ก็พอถึงชั้น 9 ก็ต้องเดินขึ้นบันไดไป พอสัญญาณตัดปุ๊บ ผมก็เงยหน้ามอง ลิฟท์ก็ขึ้นไปชั้น 5 …

Admin

31/01/2018

อ่านเรื่องผี | ผับนี้มีอดีต! ผับใจกลางกรุงที่พนักงานยังกลัว

ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ชื่นชอบการอ่านเรื่องผี หรือเป็นแฟนคลับตัวยงรายการวิทยุผีชื่อดัง ย่อมต้องคุ้นกับชื่อคนดังอย่าง “คุณคิง” เจ้าของเรื่องเล่าผีที่มีเอกลักษณ์ตรงที่ความระทึกและรายละเอียดของเหตุการณ์ และเรื่องเล่าผี “ผับนี้มีอดีต” เรื่องนี้ เป็นเหตุการณ์ที่คุณคิงได้รับการบอกเล่ามาจากรุ่นน้องคนหนึ่ง ซึ่งมีประสบการณ์เคยเป็นน้องใหม่ในที่ทำงานของผับบาร์ใจกลางกรุง และโดยที่ไม่ได้รู้ความหลังของห้องห้องหนึ่ง…ที่ซึ่งแม้แต่พนักงานคนอื่นๆยังไม่กล้าเข้าไป ทำให้มีเหตุให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์อันแสนสะพรึงจนไม่อาจลืมได้

อ่านเรื่องผี : ประสบการณ์เจอดีเพราะแอบนอนหลับในผับ

เรื่องเล่าผีนี้เป็นเรื่องที่คุณคิง ผู้ถ่ายทอดรับฟังมาอีกต่อนึงจากคุณจ๊อบ เรื่องของผับดังกลางกรุงเทพ ใครที่เคยไปคงนึกออก แต่ปัจจุบันจ๊อบบอกว่าได้ปิดไปแล้ว ในเบื้องต้นขออธิบายก่อนว่าทางเข้าผับ ลักษณะจะเป็นบันไดชั้น 2 ทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ และร้านขายของ พอเปิดประตูเข้าไปก็จะเป็นผับ เข้าไปถึงก็จะเป็นบูธดีเจ พอเลยบูธดีเจไปทางด้านหลังร้านก็จะเป็นห้องน้ำของผู้ชาย แล้วฝั่งตรงข้ามของห้องน้ำผู้ชายก็จะมีประตูเล็กๆอยู่ประตูนึง ซึ่งถ้ามองไม่สังเกต หรือไม่มองดีๆจะมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำว่ามีประตูอยู่ตรงนั้น เป็นเหมือนประตูลับ

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 15 ปีก่อนได้ 15 ปีก่อนในตอนนั้นในคุณจ๊อบอายุยังไม่ถึง แต่ว่าก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องของเส้นสาย คนเก่าที่เคยทำมาเป็นญาติกับจ๊อบ ก็เลยฝากให้จ๊อบเข้าทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่

ลักษณะการเข้าไปทำงานคือ เข้างานตั้งแต่ 2 ทุ่ม แล้วร้านเขาเนี่ย ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าวิธีไหนยังไง แต่จะปิด 7-8 โมงเช้าเลย ซึ่งก็จะเลิกเช้าๆอย่างนี้ทุกวัน แต่กว่าจะเลิกก็จะมีการแอบดื่มกัน อะไรกันเป็นปกติ พอเลิกงานก็จะไหลไปที่อื่นต่อ เวลาพักผ่อนจะน้อยมาก พอเวลาพักผ่อนน้อยมาก คุณจ๊อบเค้าก็บอกว่า… ก็เที่ยวอยู่อย่างนี้ คบเพื่อนทุกคนในร้านจนสนิทกัน แต่ยังไม่สนิทใจกับใครมาก

จนมีอยู่วันนึง จ๊อบก็รู้สึกว่าสนิทกับพี่คนนี้มากที่สุด ชื่อว่า พี่นพ เขาก็เริ่มปรึกษากันกับพี่ เพราะเขาบอกเลยว่าผับเขาเนี่ยคนจะไหลมาจากที่อื่น ที่อื่นเขาจะปิดตี 2 ตี 3 แล้วก็จะมาต่อกันที่นี่ จนกระทั่งเลิก 7-8 โมงเช้า เขาบอกว่าตั้งแต่ร้านเปิด 2 ทุ่มไปเนี่ย ไม่มีคนเลย จนตี 1-2 จะเริ่มมีคนทยอยมา เค้าก็อาศัยเวลาตรงนี้มาปรึกษากัน…

“เออพี่ ผับเรานี่นะ คือกว่าแขกจะมาก็ตี 1 ตี 2 บางทีตี 3 ไปแล้ว”

“พี่นพ.. ผมว่าเรามาพักผ่อนกันดีกว่ามั้ยมั๊ย”

“คือผมเองก็เป็นเด็กใหม่น่ะพี่ แต่พี่อยู่ที่นี่มานาน ถ้าผมจะเสนออะไรซักอย่างนึงแล้วพี่จะเห็นด้วยมั๊ย”

พี่นพก็ถามว่าอะไร… จ๊อบก็บอกว่า..

“เรามาพักผ่อนกันในช่วง 2 ทุ่มเนี่ย เราไปนอนห้องนั้นกันมั๊ย”

ซึ่งก็คือห้องที่เกริ่นไปก่อนหน้าแล้ว ห้องที่เป็นเหมือนห้องลับประตูเล็กๆ

พี่นพ ก็บอกว่า… “ฮึ้ยย.. จะดีหรอ”

การที่พี่นพพูดว่าจะดีหรอ? ก็เพราะว่า… ห้องนี้เป็นห้องที่คุณจ๊อบสังเกตมานานแล้ว จากที่อยู่มาหลายเดือน แต่ไม่เคยถามอะไร ซึ่งห้องนี้…คือไม่ว่าจะเป็นเด็กคนไหนที่ได้รับหน้าที่เอาขวดที่หมดแล้ว ใส่ลังเอาไปเก็บ ซึ่งต้องไปเก็บที่ห้องนี้ แล้วลักษณะการเก็บของแต่ละคนก็คือ พอเปิดประตูปุ๊ปก็เอาเท้าถีบส่งเข้าไปเลย ไม่หันกลับไปมองด้วย บางทีก็รีบเปิดประตูโยนปุ๊ปก็รีบวิ่งออกมาเลย คุณจ๊อบก็สงสัยว่า เออ..ทำไมทำอย่างนั้นกันวะ อะไรแบบนี้ บางทีก็ได้ยินเสียงขวดแตกแต่ก็ไม่มีใครหันไปมองเลย จ๊อบก็เลยบอกพี่นพว่า…

“พี่ห้องนี้น่ะ ไม่น่ามีใครสนใจหรอก เราเข้าไปนอนกันได้มั๊ย”

พี่นพก็บอกว่า…

“พี่ก็ว่าน่าจะได้นะ เพราะมันก็ไม่มีใครหนิ ก็นั่งเล่นกันไปจนตี 1 ตี 2 แหละถึงจะมีแขกมา”

แต่พี่นพก็บอกจ๊อบอีกว่า…

“ถ้าพี่บอกอะไรกับจ๊อบไปเนี่ย จ๊อบจะต้องทำตามพี่นะ”

จ๊อบก็ถามว่าอะไรอ่ะ พี่นพก็บอกว่า…

“คือเราต้องสัญญากันก่อนว่า ถ้าเราเข้าไปนอนในห้องเนี้ย … ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งที่ตื่นแล้วจะออกจากห้อง จะต้องเรียกอีกคนนึงก่อน เราจะไม่ทิ้งกัน”

จ๊อบก็บอกว่า…

“เฮ้ย พี่มันขนาดนั้นเลยหรอ”

พี่นพก็บอกว่า…

“เอางี้เลยดีกว่าจ๊อบ พี่พูดตรงๆเลยนะ ร้านเรามีผีนะ”

“บ้าาา ผมอยู่มาตั้งนานแล้วเนี่ย ไม่เห็นอะไรพวกนี้เลย หลายเดือนแล้วนะ แล้วไมอยู่ๆพี่พูดแบบนี้เนี่ย”

“เอ็งสังเกตดิ ห้องนั้นเวลาใครไปเปิด มันต้องโยนของ โยนอะไร … ทำไมไม่วางเรียงดีๆล่ะ”

“แล้วเอ็งเชื่อมั๊ย พี่ท้าเลย ขวดมันอยู่สภาพไหนก็อยู่สภาพนั้น ไม่มีใครกล้าเข้าไปจัดของแม้แต่เจ้าของร้าน”

“เจ้าของร้านก็ไม่กล้าบังคับให้เด็กเข้าไป เพราะเด็กก็ไม่กล้าเข้า ประวัติมันดังมากห้องนั้นน่ะ”

จ๊อบก็เลยถามว่า…

“อืมม แล้วเราจะไปนอนได้หรอห้องนั้นน่ะ”

“ได้สิ ถ้าเราไปนอนกัน 2 คน แล้วเราก็ออกมาพร้อมๆกัน เราต้องไม่ทิ้งกัน ไม่ว่าจ๊อบหรือพี่จะเข้าห้องน้ำ สัญญากันเลยว่าต้องปลุกอีกคนนึงไปด้วย”

“เราอยู่ส่วนเรา เขาอยู่ส่วนเขาเว้ย แล้วอีกอย่างเรา 2 คนก็เมาก่อนที่จะไปนอนอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”

“ได้พี่”

จากนั้นเค้าก็ตัดสินใจเข้าไปนอน ประตูห้องเนี่ยจะเป็นประตูสปริงที่พอเปิดแล้วมันจะเด้งปิดเอง เค้าก็เอาลังมากันประตูไว้เพื่อให้แสงจากห้องน้ำลอดเข้ามาในประตู คือเดิมทีมันก้พอมีแสงเข้ามาบ้าง แต่การจัดห้องใหม่เขาต้องการให้มีแสงสว่างมากกว่าเดิม

ลักษณะการจัดห้องเค้าก็คือว่า จะกวาดเศษแก้วที่มันแตกออกไปไว้ข้างนึง แล้วก็เอาลังมาต่อๆกันให้เป็นรูปเตียง มีหัวเตียงด้วย เอาลังมากันมาบังไว้ ซึ่งด้านในจะมีประตูอีกชั้นนึงซึ่งมีกุญแจคล้องอยู่เฉยๆ แต่ไม่ได้ล็อค แล้วห้องนี้พี่นพบอกกำชับว่า…

“อย่าแตะต้องห้องนี้เด็ดขาด เราสัญญากันแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับห้องนี้”

“ได้พี่ พี่บอกไม่ให้ยุ่ง ผมก็ไม่ยุ่ง ชอยู่แล้ว ลำพังเข้ามานอนนี่ ผมยังต้องปรึกษาพี่เลย”

“โอเค เราอยู่ส่วนเรา เขาก็อยู่ส่วนเขา”

เค้าก็เอาลังมาตั้ง ตั้ง 7-8 ชั้น เป็นกำแพงเลย ตั้งข้างๆที่นอนของตัวเอง เพื่อไม่ให้เห็นอีกฝั่งนึงที่เป็นประตูห้องที่ว่า ห้องที่มันดำๆมืดๆแล้วเป็นทางลงลงไป ซึ่งก็ไม่เคยมีใครลงไปหรอก แต่รู้ว่ามีบันได เค้าพูดกันมาปากต่อปาก แล้วก็เอากุญแจคล้องไว้

วันที่คุณจ๊อบกับพี่นพเข้าไปนอนกันเนี่ย จะได้ยินเสียงๆนึง เป็นเสียงปริศนา แต่ก็ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาดู เพราะคุยกันไว้แล้วว่า.. จะไม่ลุก จะไม่ดู ถ้าจะลุกก็จะลุกพร้อมกัน จะไม่ทัก จะไม่พูดอะไรทั้งนั้น เสียงปริศนาที่ว่าก็คือ จะมีเสียงคนเดินมาจากบันไดชั้นล่างไปที่ห้องประตูนั้น แล้วประตูก็ดัง แอ๊ดดดดดดด… แล้วก็เดินเตะ เหมือนคนเอาเท้าเหยียบเศษขวดแก้ว เพล้ง แกร๊บบบ แกร๊กกก… แล้วก็เดินออกไป แล้วก็เปิดประตูห้อง เพื่อไปเข้าห้องน้ำ ประมาณว่าแบบนั้น ซึ่งเวลาเปิดประตูมันก็ไม่ได้มีแต่เสียง เวลาเปิดแสงมันก็จะรอดเข้ามา พวกเค้าทั้งคู่รับรู้มาทุกวันเป็นเวลากว่า 2 เดือน โดยที่ไม่เคยลุกไปชะโงกดู เพราะถือว่าเมาแล้ว จะนอน คิดแค่นี้กัน

เสียงก็เป็นแบบนี้มาตลอด ทั้งๆที่จ๊อบก็สงสัยว่า ถ้ามันเป็นคนจริงๆ จะเดินขึ้นมาได้ยังไง เพราะว่ากุญแจมันคล้องมาจากข้างนอกจากฝั่งนี้ เขาไม่สามารถจะเปิดเข้ามาได้ แต่ในเมื่อมีคนบอกว่าห้องนี้มีผี เค้าก็สรุปก็คิดกันว่าเป็นผี รู้แล้วก็จบ แล้วไม่ใส่ใจ

ที่นี้…วันที่มันพีคก็คือ เค้านอนกันมาร่วม 2 เดือนก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น วันนั้นเค้าก็นอน อยู่ดีๆ เนี่ยคือคนเราพอนอนบนลังเบียร์นานๆมันก็เมื่อยก็อะไร  เพราะนอนบนลังเบียร์ที่มีขวดเปล่าอยู่ข้างในมันก็จะบุ๋มๆ เค้าก็เลยตะแคงมาอีกข้างนึงเพื่อจะหันมาหาพี่ที่ชื่อนพ แล้วเวลาที่หันตะแคงมาก็จะเอาเท้าไปแตะหน่อยเช็คว่าแบบ..เออ พี่มันยังอยู่นะ แต่คราวนี้จ๊อบจะเอาเท้าไปแตะ แต่ว่าไม่เจออะไรเลย ว่าง.. เค้าก็ลืมตามอง ก็ไม่เห็นพี่นพ

“เฮ้ย พี่นพทิ้งนี่หว่า อ้าวไหนตกลงกันไว้แล้วไง”

แต่ตอนนั้นเค้าก็อยู่มาเป็นเดือนๆแล้ว ก็ไม่ได้คิดใส่ใจอะไร ส่วนเรื่องผีเค้าก็ได้ยินอยู่ทุกวันจนชิน และเสียงที่เดินเนี่ย มันเดินอยู่อีกฝั่งนึงที่เอาลังเบียร์ ที่ตั้งไว้ 7  ชั้น ที่ตั้งเอาไว้เป็นแผงเหมือนกำแพง จะไม่เห็นอะไรเลย

ทีนี้จ๊อบก็ทำท่ากำลังจะลุกเหมือนกัน เสียงก็มาละ กึกๆ กึกๆๆ

Admin

16/01/2018
1 5 6