เล่าเรื่องผี

เรื่องผี | หญิงชุดแดงปีนลงมาจากต้นยาง วัดกลางเมืองเชียงใหม่

บวชเรียนสยองขวัญ เหตุการณ์ลี้ลับที่เจอที่วัดดังจ.เชียงใหม่

ย้อนกลับไป 5 ปีก่อน เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวคุณสองในตอนที่ได้ไปอุปสมบทบวชเรียนที่วัดใหญ่วัดหนึ่ง ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองจ.เชียงใหม่ โดยตั้งใจจะบวชทั้งสิ้น 15 วัน ช่วงที่คุณสองบวชนั้นตรงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์พอดี ในวัดมีพระบวชใหม่และผู้ปฏิบัติธรรมอยู่เยอะราวๆ 200 ชีวิต ด้วยความที่มีคนเยอะจึงทำให้บรรยากาศภายในไม่เหงาหรือน่ากลัว จะมีผู้คนทำกิจกรรมและเดินกันทั้งวัน แม้ว่าจะเป็นกลางคืนก็ตาม ซึ่งธรรมดาแล้วคุณสองเป็นคนที่เรียกันว่า “ตาขาว” อย่างมาก มักจะวิตกหรือกลัวเรื่องลี้ลับ แต่ในคราวนี้ย่อมไม่เป็นปัญหา

สำหรับคนที่จะอุปสมบทที่วัดแห่งนี้ จะต้องมาเตรียมตัวด้วยการอยู่วัดก่อนเป็นเวลา 3 วัน โดยที่จะต้องใช้ชีวิตและปฏิบัติเช่นเดียวกับพระภิกษุเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสวดทำวัตร การฉัน หรือการนอนที่กุฏิ ซึ่งกุฏิจะมีลักษณะเป็นเรือนแฝด คือมีสองห้องติดกันในตัวเรือนกุฏิเดียว

ในคืนแรกที่สองได้พักนั้น ห้องที่ติดกันมีผู้มาปฏิบัติธรรมเป็นชายวัยสี่สิบกว่าๆพักอยู่ จึงได้พูดคุยทำความรู้จักกัน และได้ทราบว่าชายคนนั้นกำลังจะกลับไปแล้วในวันรุ่งขึ้น พอกระทั่งเช้ามาสองจึงสังเกตเห็นว่าห้องดังกล่าวได้ถูกล็อคด้วยกุญแจ และแม้แต่ตอนเย็นที่สองกลับมายังกุฏิ กุญแจก็ยังถูกล็อคเหมือนเมื่อเช้า แสดงว่าชายคนนั้นได้กลับไปแล้ว และคืนนี้คงยังไม่มีใครมาเข้าพักต่อ

แต่ในคืนนั้นเองเวลาราวๆเที่ยงคืน ขณะที่สองเข้านอน กลับได้ยินเสียงดังกุกกักจากห้องติดกันที่กล่าวมา คล้ายกับว่ามีใครบางคนกำลังรื้อค้นหาอะไรบางอย่างอยู่ จนสักพักก็ได้ยินเสียงคนกำลังล้างหน้าแปลงฟัน เหมือนกับว่ามีคนมาพักอยุ่ในห้องนั้น หากแต่ว่ามันแปลกตรงที่ ตอน 6 โมงเย็นยังเห็นห้องล็อคอยู่ หากจะมีผู้มาเข้าพักภายหลังนั้นไม่น่าจะได้ ทางวัดไม่น่าจะรับไว้ ทว่าความสงสัยของสองก็หยุดเพียงตรงนั้น จนกระทั่งเช้าวันต่อมาสองยังคงเห็นห้องถูกล็อคไว้ด้วยกุญแจเช่นเคย… หรือว่าบางทีแขกตื่นเช้ากว่าเขาและได้ออกไปก่อนแล้ว แต่แล้วจนกระทั่งตอนเย็นกลับมาห้องก็ยังมีกุญแจคล้องเหมือนเคย สองจึงตัดสินใจถามกับทางพระพี่เลี้ยงของตนว่า

“หลวงพี่ครับ ห้องที่ติดกันนี้มีใครมาเข้าพักหรือไม่ครับ”

“ไม่มีเลย และคงจะอีกนานกว่าจะมี เพราะกว่าที่พระบวชใหม่จะมา ก็ราวแปดถึงเก้าวันนู่นแหล่ะ”

คำกล่าวของหลวงพี่พระพี่เลี้ยงทำเอาสองอึ้งงัน คิดนึกกลับไป เสียงที่ได้ยินนั่นคงจะใช่แน่แล้ว ไม่ใช่คนแน่ๆ

กระทั่งคืนนั้นเองที่เหตุการณ์ชวนขนหัวลุกได้ประสบขึ้นกับสอง คืนนั้นสองได้ยินเสียงทุกอย่างดังชัดเจนราวกับมีใครใช้ชีวิตอยู่ในห้องนั้นตามปกติ เพียงแต่ไม่เห็นตัว ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่ มีเพียงเสียงที่ทำให้สองถึงกับสั่น ต้องนอนขดปิดหู ปิดตา อยู่ใต้ผ้าห่มจนฟ้าสาง แม้แต่ทำวัตรเช้าในตอนเช้ามืด สองก็ไม่กล้าที่จะออกไป

ต่อมาเมื่อสองได้เริ่มบวชเป็นพระแล้วสองวัน ขณะนั้นเองที่มีเพื่อนพระที่ร่วมบวชและปฏิบัติธรรมด้วยกัน นำพาเณรซึ่งเป็นน้องชายของพระเพื่อนคนดังกล่าว มานั่งปฏิบัติธรรมร่วมกันด้วย ซึ่งตามปกติแล้วที่วัดแห่งนี้จะมีการแบ่งโซนของเณรไว้อีกฝั่งหนึ่ง พระสองจึงได้สอบถามออกไปว่า ทำไมเณรน้องถึงได้มานั่งด้วยที่นี่ พระเพื่อนจึงเล่าให้ฟังว่า ที่ตึกพักรวมของเณรมีเรื่องผีเกิดขึ้น พระเพื่อนเล่าว่า มีเด็กตัวขาว หัวโล้น ไม่ใส่เสื้อนั่งคู้อยู่ที่มุมห้อง แล้วจ้องมองมาทางเณรน้อง ทำให้วันถัดมาเณรน้องกลัวจนต้องมาอยู่ด้วย และคิดว่าจะให้น้องสึกเร็วกว่ากำหนด ซึ่งเรื่องนี้โจษจันหันขนาดที่เจ้าอาวาสก็ยังพูดว่า “บางทีที่เขาออกมาให้เห็นเป็นเพราะว่าบุญเราเยอะ เขาแค่หยอกเฉยๆ”

กระทั่งวันท้ายๆของการบวช คืนนั้นราวๆสามทุ่ม ระหว่างที่พระใหม่กว่าสามสิบรูปนั่งปฏิบัติธรรม โดยที่มีพระพี่เลี้ยงรูปหนึ่งนั่งหันหน้าเข้าหาเหล่าพระใหม่ทางด้านหน้า ขณะที่นั่งสมาธิกันนั้น จู่ๆก็มีลมพัดแรงเข้ามาดื้อๆอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ชวนให้รู้สึกขนลุก พระใหม่ต่างสัมผัสได้ถึงสิ่งลี้ลับ ขณะนั้นเองที่พระสองแอบลืมราขึ้นมองไปด้านหน้าและเห็นพระพี่เลี้ยง เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาจ้องมองไปที่บางสิ่งสูงขึ้นไปทางด้านหลังของเหล่าพระใหม่ที่นั่งสมาธิกัน จู่ๆท่านก็บอกว่า

“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เขามาดี เพราะพวกท่านทำดี…เขาก็ชอบ”

หลังจากคืนนั้นมา ก็มีการซุบซิบพูดคุยถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นว่าหลวงพี่ “ท่านเห็นอะไร” กัน โดยมีการเล่ากันว่าสิ่งที่หลางพี่ท่านได้เห็นก็คือ… ผู้หญิงในชุดสีแดง ปีนลงมาจากต้นยางด้านหลัง ขณะที่กำลังนั่งสมาธิกันอยู่ โดยยังเล่ากันอีกว่า ผู้หญิงชุดแดงตนนั้นอาจนะเป็นนางไม้หรือเจ้าที่ เนื่องจากต้นยางเหล่านั้นมีอายุอานามกว่าห้าสิบ ปี อีกทั้งยังมีเรียงรายกว่าร้อยต้นซึ่งอยู่กับวัดมาช้านาน และนี่ก็เป็นเรื่องราวลี้ลับทั้งหมด เรื่องเล่าผีที่คุณสองได้เจอมาด้วยตนเอง

รวมเรื่องผี the shock น่ากลัวๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

08/10/2019

อ่านเรื่องผี | ทางผีบอก ประสบการณ์หลงทางบนเขาใหญ่ จ.สระบุรี

เรื่องเล่าผีเรื่องนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว 4-5 ปี สมัยนั้นผมทำงานเขียนบทความทำสกู๊ปให้กับนิตยสารแนวบันเทิงหัวหนึ่งอยู่ ซึ่งปัจจุบันได้ปิดตัวลงไปแล้ว โดยจะเป็นคอลัมน์เกี่ยวกับท่องเที่ยง กินดื่มตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศ และในครั้งหนึ่ง ผมและทีมงาน ตากล้อง และช่างตัดต่อรวมอีกสามคนได้นัดกันที่สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิตตั้งแต่เช้า เพื่อร่วมกันเดินทางไปเขาใหญ่ที่จ.สระบุรี โดยได้ประสานงานเรื่องที่พัก สถานที่ถ่ายทำไว้หมดแล้ว

อ่านเรื่องผี ถ่ายงานบนเขาใหญ่จนดึก แต่ขากลับหลงทางอยู่ในความมืด

เมื่อไปถึง เราพบว่าที่พักของเราเป็นรีสอร์ตที่สวยงาม มีคลาสทีเดียว แถมยังค่อนข้างเป็นส่วนตัวโดยมีห้องใหญ่ๆให้เช่าเพียง 5 ห้องเท่านั้น พอตอนเย็นเราได้ไปดูบ้านหลังหนึ่งที่ละครของช่องดังมักใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ  เป็นบ้านที่สวยงามไม่เพียงแค่ภายนอก แต่ภายในก็ตกแต่งได้หรูหรางดงามไม่แพ้กัน หากแต่พวกเราที่ได้เข้าไปรับรู้ได้ว่า….บ้านหลังนี้มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา

จากนั้นเจ้าของบ้านก็ได้แนะนำร้านอาหารร้านึงที่อยู่บนทางขึ้นเขา และได้อาสาพาไป เราได้ไปถ่ายทำกันต่ออย่างสนุกสนาน จนไม่ได้สนใจแม้แต่จะดูเวลาหรือมีคนบ่นว่าเมื่อไหร่จะเลิกกอง จนกระทั่งกว่าจะรู้สึกตัวกันก็ปาไปเที่ยงคืนแล้ว เจ้าของบ้านที่พามาจึงแนะนำว่าควรรีบกลับ เพราะอย่างไรก็ตาม แม้ทางบนเขาจะถูกพัฒนาให้ดีแล้ว ก็ไม่ควรประมาเวลากลางค่ำกลางคืน

ขากลับที่พักผมและทีมงานได้พูดคุยเรื่องต่างๆที่ผ่านมา แม้กระทั่งเรื่องของบ้านละคร ทุกคนรู้สึกตรงกันว่าเหมือนมีใครยางคนแอบมองอยู่ตลอดเวลาที่เดินดูบ้านหลังนั้น ทั้งๆที่บ้านที่ส่ามีเจ้าของอยู่แค่คนเดียว พี่ทีมงานอีกคนก็พูดขึ้นมาว่า จริงๆบรรยากาศเหมาะแก่การถ่ายหนังผีอยู่เหมือนกัน หลังจากนั้นเรายังคงวนเวียนกับการเล่าเรื่อง “ผีผี” กันอยู่อีกพักใหญ่ แม้ว่าจะรู้กันดีว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาพูดในป่าในเขา โดยเแพาะเวลากลางคืน

จนกระทั่งพี่คนนึงทักขึ้นมาว่า… “เห้ย มันแปลกๆรึเปล่า? เหมือนมาไกลแล้วนะ จำได้ว่าแยกทางเข้ารีสอร์ตจะมีป้ายปักหลายอัน แต่นี่ขับมาตั้งนานยังไม่เจอเลย”

“หลงทางเหรอ? เลี้ยวผิดทางรึเปล่า”

“จะบ้าเหรอ ตั้งแต่ขับมายังไม่เจอทางแยกสักแยกเลยนะ”

เรื่องนี้เราเห็นตรงกัน ตั้งแต่ตรงมาเรายังไม่เจอทางเลี้ยวเลย ไม่น่าจะหลงได้ จึงตัดสินใจมุ่งไปต่อตามทาง จนกระทั่งเกือบจะตี 2 แล้ว จากที่เคยเสียงดังโหวกเหวก ถึงตอนนี้เงียบกันทั้งคัน บรรยากาศตรึงเครียดเข้ามาแทนที่ ผมได้แต่อธิษฐานขอเจ้าป่าเจ้าเขา ให้ช่วยเมตตาคุ้มครองให้ได้กลับถึงที่พักได้โดยเร็วด้วยเถิด

สิ้นคำอธิษฐาน ผมสังเกตเห็นผู้หญิงในชุดสีฟ้า ผมยาวปรกหน้ายืนอยู่หน้าทางโค้งข้างหนา แล้วชี้นิ้วตรงมาที่รถ ผมได้แต่อึ้งงันกับสิ่งที่เห็น…นั่นมันไม่ใช่คนแน่ๆ และดูเหมือนไม่มีใครในรถเห็นเหมือนผมเลย ผมเองก็ไม่กล้าที่จะทักเรื่องนี้ขึ้นมาตอนนี้ จนกระทั่งผ่านไปอีกโค้ง สองโค้ง ก็ยังเจอผู้หญิงคนนั้นมายืนชี้เหมือนเดิม ผมได้แต่ซุกหน้าลงกับพื้น น้ำตาไหลนองเต็มหน้า จนในที่สุดผมก็เรียกบอกคนขับ

“เห้ย ผมว่าเรามากันผิดทางแล้ว กลับรถเถอะ!”

พอได้ลองเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู ปรากฏว่ารถได้เลยออกมาไกลกว่า 20 กิโลแล้ว! ทันใดนั้นมือถือก็ดีบลงพอดี คนขับกลับรถตามความเห็นของผม คราวนี้ก็ยังต้องมาเจอผู้หญิงชุดฟ้าในแต่ละโค้งอีก แต่คราวนี้ไม่ได้ขี้ตรงมาที่รถ หากแต่ชี้ไปทางซ้ายทีขวาที โดยผมก็ยอกให้คนขับขับไปทางนั้น จนกระทั่งพักใหญ่เราก็เจอกับทางแยกที่มีป้ายเยอะๆ บริเวณทางเข้ารีสอร์ตที่เราพักนั่นเอง ทั้งๆที่ในตอนแรกที่ผ่าน ไม่มีใครสังเกตเห็นเลย

ทีมงานต่างโล่งใจที่จะได้พักผ่อนเสียที เว้นแต่ผมที่เป็นความรู้สึกขอบคุณในความช่วยเหลือ ผมคิดว่าเธอคงมาช่วยบอกทางให้คนหลง อย่างที่เขาเรียกกันว่า “ทางผีบอก”

วันรุ่งขึ้นผมได้แอบไปถามกับพรักงานต้อนรับ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครรู้ จนกระทั่งตอนจะกลับได้พบกับเจ้าของรีสอร์ต หลังกล่าวร่ำลา ผมได้ทักไปว่าเมื่อคืน…พวกผมเจอด้วยครับ

เจ้าของถามกลับมาแค่ว่า “ผู้หญิงเสื้อฟ้ารึเปล่า?”

“แขกที่มาเข้าพักแล้วหลงทางบนเขา หากอธิษฐานขอและมีเซ้นส์มักจะได้เจอ คอยช่วยนำทางมาส่ง บางทีเขาคงอยากได้กุศลผลบุญ เนื่องจากเป็นผีตายโหง หากมีโอกาศก็อยากให้ทำบุญไปให้บ้าง”

ได้ฟังเรื่องนี้ผมก็ถึงกับอึ้ง ไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจอเรื่องแบบนี้ แม้กระทั่งกลับมาแล้วผมก็ไม่ได้เล่าให้เพื่อนร่วมทางฟังเลย

อ่านเรื่องผีน่ากลัว เรื่องอื่นๆ >> กดที่นี่

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

06/10/2019

เรื่องผี เดอะช็อค | “โลงศพกลางคลอง” ที่ลอยบนแม่น้ำท่าจีน

เรื่องผี เดอะช็อคเรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว สมัยนั้นคุณเพชรอาศัยอยู่ที่นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยบ้านของคุณเพชรจะอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน โดยที่มีวัด 2 วัดตั้งขนาบบ้านอยู่ และในวันหนึ่ง ขณะที่น้าและคุณเพชรได้ลงเรือไปหาปลากันตอนดึกๆในบริเวณบ้าน แต่หาปลาไม่ได้ จึงพายเรือไกลออกวัดออกไป

ตอนนั้นเองที่คุณเพชรสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียน นั่งหันหลังอยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนริมตลิ่งคนเดียว ในช่วงเวลาราว 5 ทุ่ม คุณเพชรรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล สงสัยจะโดนเข้าแล้ว จึงเรียกให้น้ารู้ น้าเข้าใจในสิ่งที่คุณเพชรจะสื่อ จึงพยักเพยิดให้ออกเรือไปทางอื่นแทน

เรื่องผี เดอะช็อค “คลอง 3 ผี” โดยคุณเพชร

เรือของคุณเพชรมุ่งหน้าไปทางวัดอีกวัดหนึ่งแทนที่อยู่ไกลออกไปอีก ขณะที่เอาเรือเทียบฝั่งและนั่งตกปลากันบนเรือริมตลิ่ง จู่ๆก็มีชายชราโผล่พ้นขึ้นมาจากน้ำ ไม่ไกลจากเรือที่ได้จอดเทียบไว้นัก

แต่ชานชราคนนั้น เป็นคนที่ชาวบ้านรู้จักกันดี น้าของคุณเพชรจึงได้ทักออกไปว่า

“ลุงมาทำอะไรแถวนี้”

“มางมหาหอยน่ะหลานเอ้ย”

สิ้นเสียงของลุง น้าของคุณเพชรรีบกลับทันที “ไป ไม่ต้องหาปลาแล้ว”

เรือของคุณเพชรมุ่งกลับไปทางบ้าน โดยที่ไปได้ราวครึ่งทางแล้ว จู่ๆก็ได้ยินเสียงแหวกของน้ำ ราวกับมีใครพายเรือไล่ตามมา แต่คุณเพชรกลับมองไม่เห็นอะไรด้านหลัง ขณะที่น้าก็รีบเร่งฝีพายขึ้นเหมือนกับต้องการสลัดหนีเจ้าสิ่งที่ว่า

แต่ยิ่งเร่ง ยิ่งหนี ดูเหมือนเสียงแหวกน้ำก็ยิ่งดังแรงไล่ตามมามากขึ้น จนรู้สึกได้ว่าบางอย่างนั้นมาจี้อยู่ท้ายเรือแล้ว น้าของคุณเพชรจึงหันหลังกลับไปดู แสงไฟฉายส่องกบบนหัวของน้าสาดเข้ากับวัตถุบางอย่างท้ายเรือ

โลงศพ! มีโลงศพลอยน้ำจี้ไล่เรือของคุณเพชร น้าจึงรีบพายออกไปทันที จนกระทั่งได้ยินเสียงกระแทกท้ายเรือดัง ปัง ปัง ปัง! น้าจ้วงพายอย่างไม่คิดหันกลับไปมองอย่างสุดกำลัง จนกระทั่งทิ้งห่างมาพอสมควร จู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนใครกระโดดลงน้ำดัง ตู้ม! คุณเพชรหันไปมองและพบเข้ากลับบางอย่าทรงกลมสีดำ ดูเหมือนจะเป็นศีรษะคน ลอยคออยู่บนน้ำเข้ามาหา

น้าคุณเพชรไม่สนอะไรนอกจากจ้ำพายต่อไปแบบไม่หยุดหย่อน ในขณะที่คุณเพชรเอาแต่สวดมนต์ที่ไม่รู้ว่าท่องผิดหรือถูก วนไปวนมาจนกระทั่งถึงบ้าน ภายหลังคุณเพชรจึงได้ถามถึงเรื่องราวทั้งหมด โดยน้าเล่าให้ฟังว่า ทุกสิ่งที่เห็นตั้งแต่นักเรียนหญิงที่ม้านั่ง ล้วนเป็นวิญญาณทั้งสิ้น

“ไม่กี่เดือนก่อนมีนักเรียนถูกฆ่าแล้วนำศพมาทิ้งไว้แถวนั้น ลุงคนที่เห็นที่ริมตลิ่งก็เมาแล้วตกน้ำตาย ส่วนโลงศพ..จะเป็นของใครก็ไม่รู้ ยังไงซะแถวนี้มันก็ติดวัดอยู่แล้ว” และนี่คือเรื่องราวที่มาทั้งหมดของเรื่องผี เดอะช็อคเรื่อง “คลองสามผี”

ขอขอบคุณที่มาเรื่องเล่าผี : เรื่องคลอง 3 ผี โดย คุณเพชร the shock 13 fm

อ่านเรื่องผี the shock เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

03/10/2019

เรื่องเล่าผี | “ห้องน้ำห้องสุดท้าย” ในโรงเรียนเก่าแก่ย่านบางนา

เรื่องเล่าผีเรื่องนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นในโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางนา เป็นโรงเรียนเก่าแก่เปิดมานานโรงเรียนนึงเลย โดยผู้ที่เล่าเรื่องเหตุการณ์ในวันนั้นให้ผมฟังคือน้องเล็ก น้องเล่าว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6

เรื่องเล่าผี..เหตุเกิดที่ห้องด้านในสุด ของสุขาหลังโรงเรียนชื่อดัง

ในช่วงที่เริ่มมาเข้าเรียนที่นี่ตอนม.4 ขณะพักกลางวัน น้องเล็กไปเล่นกับเพื่อนๆตามประสา แต่แล้วจู่ๆก็มีภารโรงเดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า…

“หลังตึกเรียนด้านหลังสุด มันจะมีห้องน้ำเก่าอยู่ อย่าเข้าไปใช้นะ”

“หากไม่จำเป็น…อย่าเจ้าไปใกล้เลยจะดีกว่า ขนาดกลางวันแสกๆยังไม่มีคนกล้าไปใช้”

กลุ่มน้องเล็กและเพื่อนได้ฟังดังนั้นก็นึกสงสัย และคะยั้นคะยอให้ลุงภารโรงเล่าถึงเหตุผลที่ห้ามไว้ให้ฟัง

“พูดแล้วขนลุก! ตอนนั้นน้าพึงเข้ามาทำงานที่โรงเรียนนี้ใหม่…”

ลุงภารโรงพูดถึงเรื่องเล่าผีอย่างได้ใจความว่าดังนี้… ตอนนั้นภารโรงได้รับหน้าที่ให้เข้าไปทำความสะอาดห้องน้ำดังกล่าวนี้ ตอนนั้นประมาณ 3 โมงเย็น ขณะที่ลุงล้างห้องน้ำห้องที่สอง ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเดินผ่านเข้าไปห้องน้ำด้านในสุด แล้วปิดประตูไล่หลัง ลุงไม่ได้ใส่ใจมากนักและราดน้ำลงพื้นที่ขัดไว้ แต่จู่ๆก็มีเสียงราดน้ำตามมาติดๆจากห้องน้ำด้านใน เมื่อออกมาดู ลุงยังคงเห็นห้องที่ว่าปิดประตูอยู่ อย่างไรเสียก็มีคนใช้อยู่เพียงห้องเดียว จึงบอกออกไปว่า ให้ราดน้ำให้สะอาดหลังใช้ด้วยนะ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตอบรับเป็นเสียงเคาะขันสองที ลุงก็ไม่ได้เอะใจแต่อย่างใด

วันถัดมาลุงภารโรงยังคงต้องไปทำความสะอาดห้องน้ำนั้นเช่นเคย และเห็นห้องน้ำห้องสุดท้ายด้านในปิดอยู่ห้องเดียวเหมือนเมื่อวาน ขณะที่ลุงยื่นมือจะไปเปิดประตูนั้น ก็มีเสียงไอค่อกแค่กดังรอดออกมาจากด้านหลังบานประตู

“อ้าว ยังมีคนเข้าอยู่เหรอ”

แต่ไม่มีเสียงขานรับตอบแต่อย่างใด มีเพียงเสียงไอดังเป็นระยะ จนกระทั่งลุงทำความสะอาดเสร็จแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววจะมีคนออกมา จู่ๆก็มีเสียงราดน้ำ และน้ำไหลจากก๊อก ลุงยามจึงเอ่ยไปเหมือนเมื่อวานว่า ให้ช่วยราดน้ำให้สะอาดและปิดน้ำด้วย

หลังจากนั้นผ่านไปสองวัน ลุงภารโรงต้องมาทำความสะอาดโรงเรียนตั้งแต่ตี 5 เนื่องจากวันนั้นทางโรงเรียนจะมีการจัดประชุมผู้ปกครองขึ้น ลุงยามกวาดตามห้อวเรียนบนอาคาร และสุดท้ายก็ไปจบที่ห้องน้ำเดิมตอนราวๆ 7 โมงเช้า แต่ครั้งนี้ประตูห้องน้ำสุดท้ายแง้มเปิดอยู่ ลุงคิดว่าคราวนี้คงได้เข้าไปทำความสะอาดเสียที แต่แล้วเมื่อลุงทำความสะอาดห้องที่ 1…ห้องที่ 2 ก็ได้ยินเสียงประตู้ห้องน้ำสุดท้ายปิดดังโครม!

บางที…นักเรียนอาจเริ่มมากันแล้ว ลุงจึงตะโกนออกไปว่า

“ปิดประตูเบาๆหน่อยสิไอหนู เดี๋ยวก็ได้พังหรอก”

สิ้นเสียงลุงก็มีเสียงไอแคกๆดังออกมา ราวกับจะขานรับ

ขณะที่ทำความสะอาดห้องสองเสร็จแล้ว กำลังจะเดินไปดูที่ห้องสุดท้าย จู่ๆก็มีเสียงดังโครม! ขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเสียงเหมือนใครทำขันหล่น ลุงหันไปมองตามเสียงแต่ไม่พบอะไร จึงหันกลับมาหวังจะทำความสะอาดกระจกอ่างล้างหน้าหน้าห้องน้ำ ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นภาพสะท้อนบางอย่างในกระจก

มันเป็นภาพของห้องน้ำห้องสุดท้ายด้านหลัง แต่กลับมีหน้าของผู้หญิงก้มลงมามองลอดผ่านทางช่องว่างประตูห้องน้ำ แม้จะเพียงครึ่งใบหน้า แต่ลุงเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ปกติ ใบหน้านั้นเขียวคล้ำจนทำให้ลุงยืนแข็งทื่อ ลุงพยายามก้าวขาหวังจะออกไปข้างนอก ใบหน้านั้นก็เงยขึ้นจากช่องที่ว่า แต่ยังไม่ทันจะพ้นประตูห้องน้ำห้องแรก ก็มีเสียงประตูเปิดออกกระแทกดัง ปัง! ไล่หลังมา

ลุงหันกลับและเดินไปที่ห้องสุดท้าย แล้วใช้มือผลักประตูห้องเข้าไป แต่ภาพที่ลุงเห็น ห้องนั้นไม่ใช่ห้องน้ำที่ควรจะมีคนเข้าไปใช้ได้ หากแต่เป็นห้องที่มีโถส้วมเก่าๆ ละไม้กวาดพิงเอาไว้ใช้เป็นห้องเก็บอุปกรณ์! ทันใดนั้นก็มีเสียงดัง โครม! ขึ้นมาอีกจากบนหลังคา ทำให้ลุงถึงกับต้องรีบเตลิดออกมา และหลังจากวันนั้นมา ลุงจะเข้าไปทำความสะอาดถึงแค่ห้องที่สอง โดยไม่คิดจะไปแตะต้องห้องสุดท้ายอีกเลย

หลังจากน้องเล็กและเพื่อนได้ฟังเรื่องเล่าผีในครั้งนั้น ก็ผ่านไปหลายเดือนจนลืมเรื่องนี้ไปหมดแล้ว จังหวะนั้นทางมีกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือที่โรงเรียน โดยที่นักเรียนหญิงจะได้นอนบนอาคารเรียน ส่วนนักเรียนชายจะได้กางเต้นท์นอน บังเอิญว่าอาคารและห้องที่น้องได้ใช้เป็นที่พัก คืออาคารสุดท้ายติดกลับห้องน้ำดังกล่าว แถมห้องนี้ยังอยู่ตรงกับห้องน้ำที่ว่าพอดี จนกระทั่งเสร็จจากกิจกรรมราว 4 ทุ่มและถึงเวลาแยกย้ายเข้านอนพอดี โดยน้องและเพื่อนๆจะนอนหันปลายเท้าไปทางห้องน้ำนั่น

ขณะที่น้องเล็กครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงบางอย่างดัง ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง! มาจากทางหน้าต่างด้านปลายเท้า พอตื่นขึ้นมาดูแม้ว่าภายในห้องจะมืดแต่ด้านนอกหน้าต่างนั้นมีไฟส่องให้เห็นอยู่ และภาพที่ทำให้น้องเล็กตกใจแทยสิ้นสติ คือหัวของผู้หญิงที่ลอยขึ้นๆลงๆเหมือนคนกำลังกระโดดไปมา แล้วเอาหน้าผากโขกกับคานหลังคา ใบหน้านั้นดำคล้ำมีนัยน์ตาแดงก่ำ น้องสะดุ้งเรียกเพื่อนขึ้นมาแต่พอดูอีกทีก็ไม่เห็นอะไร และฝืนนอนลงไปโดยไม่ได้เล่าให้ใครฟัง จนกระทั่งตีห้าที่เสียงนกหวีดปลุกให้ทุกคนตื่น  เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับกิจกรรมในวันใหม่ และในคืนนั้นเองที่มีการจัดกิจกรรมรอบกองไฟกลางสนามด้านข้างอาคาร ซึ่งสามารถห้องเห็นห้องน้ำนั้นได้อย่างชัดเจน และเป็นคืนที่เหตุการณ์สยองเกิดขึ้นกับตัวน้องเล็กอีกครั้ง

คืนนั้นขณะที่แต่ละหมู่ออกมาทำกิจกรรมแสดงละครตามที่ได้ซ้อมกันไว้ น้องเล็กก็เหลือบไปมองทางห้องน้ำที่ว่า แม้จะเห็นไม่ชัดแต่พอรู้ได้ว่า..ที่ข้างห้องน้ำมีผู้หญิงในชุดนักเรียนผมยาว ที่ปล่อยให้ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกมานอกชายกระโปรง น้องเล็กชี้ให้เพื่อนดู หากแต่ก็ได้ข้อสรุปประมาณว่า “คงเป็นนักเรียนในค่ายสักคนที่ไปเข้าห้องน้ำนั่นแหละ”  จนกระทั่งกิจกรรมรอบกองไฟจบลง แต่ละหมู่ต่างแยกย้ายกันไปที่พัก น้องเล็กเกิดปวดท้องต้องการเข้าห้องน้ำใกล้ๆที่สุด และด้วยความที่ปวดมากจึงทำให้ลืมเรื่องทั้งหมดไปสิ้น

น้องเล็กเข้าไปใช้ห้องน้ำห้องแรก โดยมีเพื่อนไปด้วย ยืนอยู่หน้าห้องที่เข้าอยู่ แต่จู่ๆก็มีเสียงหวีดกรีดร้องแหวกผ่านกำแพงกั้นห้องน้ำเข้ามา น้องเล็กตกใจอย่างมาก ตะโกนร้องเรียกเพื่อน ทันทีกับที่มองเห็นเงาดำกระพริบวิ่งไปมาทางด้านช่องใต้ห้องน้ำ พร้อมเสียงฝีเท้ากรูกันออกไป น้องเล็กรีบออกจากห้องน้ำเร็วเท่าที่จะอำนวยและไม่เห็นใครยืนรอหน้าห้องน้ำ และหันไปมองทางต้นเสียงซึ่งมาจากห้องน้ำห้องสุดท้ายก็เห็นขาข้างหนึ่งยื่นออกมาจากประตูห้องที่ว่า แล้วจู่ๆก็ถูกดึงกลับเข้าไป ทำเอาน้องเล็กถึงกับลืมหายใจ ประจวบเหมาะกับสายตาหันขี้นไปมองด้านบน ก็เห็นเข้ากับหัวผู้หญิงผมยาวหน้าดำคล้ำ ดวงตาสีแดงลอยพ้นคางขึ้นมาเหนือประตูมองมาทางน้องเล็ก!

เพียงเท่านั้น โดยที่ไม่ต้องสั่งการจากสมอง น้องเล็กวิ่งจ้ำอ้าวอย่างไม่คิดชีวิตออกมาจากห้องน้ำอย่างเร็วที่สุด จนเห็นกลุ่มเพื่อนยืนแอบอยู่ข้างอาคารโบกมือหยอยๆให้มาทางนี้ น้องเล็กต้องการคำอธิบายต่อเหตุการณ์ที่ตนไม่เข้าใจจึงถามเพื่อนไปว่า หนีออกมาทำไม

“มึงจะไม่ให้กูวิ่งได้ไง กูเจอผู้หญิงตาแดงก่ำ หน้านี่ดำปี๋ จ้องมองเขม็งลงมาจากด้านบนประตูห้องสุดท้ายนั่นน่ะ!”

เหมือนกันเลย น้องเล็กก็เจอบางสิ่งที่ว่า

“ตอนมึงวิ่งออกมา กูเห็นมันวิ่งตามไล่หลังมึงออกมาด้วย มันเกือบจะจับได้อยู่แล้ว จนกระทั่งมึงวิ่งเข้ามาใกล้พวกกู รู้ตัวอีกทีมันก็หายไป…”

จนกระทั่งมีครูเดินเข้ามาสอบถาม แต่ไม่ได้ความอะไรพอบอกออกไปว่าเจอผี วันถัดมาน้องเล็กและเพื่อนจึงไปถามครูเก่าครูแก่ของโรงเรียน และได้ฟังมาความว่า…

“ก่อนช่วงปิดเทอมหน้าร้อนเมื่อสามปีที่แล้ว มีเหตุการณ์ที่นักเรียนหญิงคนนึง แอบเข้าไปทำแท้งในห้องน้ำห้องสุดท้ายแล้วเสียในนั้น กว่าภารโรงจะมาเจอก็ผ่านไปสองวันแล้ว ด้วยว่าอากาศร้อนใบหน้าจึงดำคล้ำ ตัวนี่บวมไปแล้ว”

“หลังจากนั้นภารโรงคนเก่าก็ลาออกไป เพราะเคยเข้าไปใช้ห้องน้ำห้องติดกัน แล้วเจอผู้หญิงโผล่หัวขึ้นมามองจากทางช่องว่างเหนือประตู แกเลยถีบประตูห้องน้ำแล้ววิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ภายหลังผอ.ได้จัดพิธีและทำบุญให้แล้ว ส่วนห้องนั้นก็ใช้เป็นที่เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดแทน… ว่าแต่ อย่าบอกนะ ว่าพวกเธอไปเจอกันมา !”

ขอบคุณที่มา : ผู้ใช้เฟสบุ๊ค คุณแทน

อ่านเรื่องเล่าเรื่องผี เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

01/10/2019

เรื่องผี พันทิป | “บนชั้นที่ 12” หอพักม.ดัง หน้าโลตัสหาดใหญ่

เรื่องผี พันทิปเรื่องนี้มีอยู่ว่า…สมาชิกพันทิปหญิงท่านหนึ่งได้มาเล่าประสบการณ์สยองครั้งเป็นเฟรชชี่ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในหาดใหญ่ ใบ้มาว่า..สถานศึกษาแห่งนี้ตั้งอยู่หน้าห้าง Tesco Lotus และด้วยความจำเป็นจึงต้องย้ายมาอยู่หอพักภายในมหาวิทยาลัยลัย โดยได้อยู่หอหลังหนึ่งบนชั้นที่ 12

เรื่องผี พันทิป : ชั้น 12 สยองขวัญ! หอพักของนักศึกษาม.ดังภาคใต้

เธอมีรูมเมทเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลาย โดยครั้งแรกที่ย้ายเข้ามาก็ได้สังเกตเห็นว่า..ห้องดังกล่าวมีแผ่นยันต์ติดไว้ที่หน้าประตูห้อง หากแต่ไม่ได้คิดอะไรไปกว่า นั่นคงเป็นของที่ทิ้งไว้จากเจ้าของห้องคนก่อน…

จนกระทั่งวันหนึ่ง หลังจากที่เรียนมาตลอดทั้งวัน และยังมีกิจกรรมเฟรชชี่ต้องไปทำต่อ ในช่วงเย็นวันนั้น…เธอจึงได้นอนพักผ่อนเอาแรง รอเพื่อนๆรูมเมทกลับมาแล้วจะได้ออกไปทำกิจกรรมด้วยกัน

ในช่วงที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้น…ได้เหลือบมองไปทางระเบียงก็พบว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจ หากแต่เป็นร่างของผู้หญิงผมสั้นคน(ตน)หนึ่ง ที่เดินทอดมาจากระเบียงมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียงของเธอ ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆหันหน้ามามอง…จนทำให้เธอเห็นว่า หน้าของผู้หญิงคนนั้นที่ซึ่งควรจะมีตา ปาก จมูกจัดรูปวางเรียงอยู่ กลับหายไป…มีเพียงแต่ใบหน้าโล้นๆ ดำๆ อยู่ภายใต้เงามืด!

เธอพยายามจะขยับตัวตอบสนอง หากแต่ร่างกายไม่ขยับดังใจนึก ทันใดนั้นเพื่อนร่วมห้องก็เข้ามาพอดี จู่ๆผู้หญิงปริศนาคนนั้นก็หายตัวไป

เธอไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้รูมเมทฟัง จนกระทั่งกลับมาจากทำกิจกรรม เธอยังคงรู้สึกกลัวมากจนต้องอาบน้ำด้วยการเปิดประตูไว้ และในคืนนั้นเอง ขณะที่เพื่อนในห้องอีกสองคนหลับไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็มาปรากฏตัวอีก

ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่จ้องเธอเขม็ง เธอทำได้แต่เพียงร้องไห้อย่างที่ทำอะไรไม่ถูกอยู่ใต้ผ้าห่ม จนกระทั่งตีสาม รูมเมทคนนึงตื่นมาพอดี เธอจึงเล่าเรื่องที่พบเจอให้ฟังแบ้วอยู่คุยเป็นเพื่อนกันยันเช้า

เย็นวันนั้นเพื่อนๆรูมเมทหนีกลับบ้านกันหมด เธอได้ไปเล่าให้ยามประจำหอฟัง ยามก็ยิ้มแบ้วบอกอย่างมีเลศนัยว่า “โดนเข้าแล้วไงลูก” เธอตัดสินใจเอาหมอนผ้าห่มมานอนใต้หอพักจนเช้า และจะขึ้นไปก็เฉพาะตอนอาบน้ำเท่านั้น

จนกระทั่งวันต่อมาเพื่อนรูมเมทได้กลับมา โดยบอกว่าได้ไปเล่าให้ที่บ้านฟังและนำน้ำมนต์จากวัดดังมาด้วย เธอกับเพื่อนจึงนำน้ำไปรดพรมทั่วห้องบนชั้น 12 หากแต่ว่าไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลย เธอยังคงรู้สึกว่ามีคนจ้องมองอยู่ในเวลากลางคืน

ต่อมามีเหตุการณ์รุ่นพี่รหัสที่อยู่หอใกล้กัน ขอมาใช้ห้องน้ำในห้องพักของเธออาบน้ำ เนื่องจากน้ำที่หอไม่ไหล หลังรุ่นพี่อาบเสร็จก็เล่าให้หังว่ารู้สึกแปลกๆกับห้องนี้ เธอจึงได้ตัดสินใจเล่าเรื่องที่พยเจอมาให้รุ่นพี่ฟัง

หลังจากที่ได้ฟัง รุ่นพี่มีอาการทันที หน้าถอดสีและนึกขึ้นได้ว่า…เมื่อก่อน มีเหตุการณ์ที่นักศึกษาสาวคนหนึ่งอาศัยอยู่บนหอชั้นสูงๆ แต่ไม่ทราบว่าชั้นไหน ได้นั่งมอเตอร์ไซค์ไปกัยแฟนหนุ่มแล้วประสบอุบัติเหตุรถล้ม คนผู้ชายไม่เป็นอะไร หากแต่ผู้หญิงกลับถูกรถที่ขับตามมาทับ เหยียบใบหน้าเต็มๆ

ในช่วงแรกที่นศ.หญิงคนนั้นเสีย ของใช้ต่างๆยังคงอยู่ในห้องนั้น เนื่องจากทางญาติๆยุ่งอยู่กับงานฌาปนกิจ แต่แล้วในเวลากลางคืน..เพื่อนร่วมห้องกลับไม่สามารถนอนหลับได้ เนื่องจากนศ.คนนั้นหวงที่หวงของมาก เธอยังคงกลับมาเดินวนในห้องบ้าง มาเข้าฝันบ้าง จนเพื่อนร่วมห้องต้องนำผ้ายันต์มาติดไว้ที่ประตูทางเข้าและระเบียง แม้ว่าจะไม่มาเดินในห้องแล้ว แต่ยังคงมาเข้าฝันแล้วบอกเพื่อนว่า..เธอต้องการมาเอาของของเธอ ทำไมต้องติดยันต์กันเธอด้วย!

ได้ฟังเช่นนั้นเฟรชชี่ผู้เล่าได้หันไปดูที่ประตูและพยกับยันต์ที่ว่าจริงๆ แต่เมื่อหันกลับไปดูที่ประตูระเบียง มันเหลือเพียงคราบกาว 2หน้าเก่าๆเท่านั้น ผ้ายันต์หายไป! แย่แล้วไงล่ะ!

หลังจากนั้น เพื่อนร่วมห้องก็ไม่กลับมาอยู่ห้องนี้อีกแล้วกลับไปอยู่บ้าน ส่วนตัวคนเล่าก็มักจะไปอยู่ห้องเพื่อนข้างเคียง จะเข้ามาก็เฉพาะเวลาอาบน้ำหรือหยิบของ โดยทุกครั้งก็จะให้เพื่อนมาด้วย และยังคงรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองดูอยู่ตลอดทุกครั้งที่เข้ามา…

หลังจากนั้นภายในกระทู้เรื่องผี พันทิปที่เธอได้เล่าไว้ในเว็บไซต์ Pantip ก็มีผู้ที่มาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย โดยในจำนวนนั้นก็มีคนที่เคยเรียนที่เดียวกันออกมาเล่าประสบการณ์ที่ตนเองได้พบเจอ….

ขอขอบคุณที่มา กระทู้ผีพันทิป : สมาชิกพันทิปหมายเลข 2421884 https://pantip.com/topic/35711236

อ่านเรื่องผี เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

30/09/2019

โรงแรมนิรนาม…เรื่องเล่าผียอดวิวสูงสุดบน YouTube

นี่คือหนึ่งใน “เรื่องเล่าผี” ที่น่ากลัวและพิศวงที่สุดเรื่องนึงของรายการผียอดฮิต จากปากคำบอกเล่าของคุณโบนัส ชายหนุ่มที่มีอาชีพเป็นนักดนตรีและตระเวนเพื่อไปทำงานในหลายๆจังหวัด เจ้าของประสบการณ์สยองในหลากหลายพื้นที่ แต่ต้องยอมรับว่า “โรงแรมนิรนาม” เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนรู้จักกับเขาเลยทีเดียว ด้วยการันตีจากยอดวิวมหาศาลจากเรื่องเล่านี้

เรื่องเล่าผีในโรงแรมนิรนามแห่งหนึ่งในภาคใต้…ที่ไร้แขกเข้าพักจนน่าสงสัย

เรื่องราวในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา ที่โรงแรมที่นึงในภาคใต้ เรื่องก็มีอยู่ว่า ก่อนที่จะคุณโบนัสจะพบเจ้าของโรงแรมนี้ คุณโบนัสทำงานเป็น DJ อยู่ในผับๆนึงของโรงแรมในกรุงเทพ คุณโบนัสก็ปฏิบัติงานปกติในแต่ละวัน จนกระทั่งวันนึงมีเพื่อนของเจ้าของโรงแรม เขามาจากทางภาคใต้ จากจังหวัดๆนี้ เขามาท่องเที่ยว แล้วเขาพูดว่า อยากได้คณะทำงานที่เกี่ยวกับวงดนตรี เล่นแบบโฟล์คซอง รวมทั้งขอบุคลากรเฝ้าล็อบบี้เวลากลางคืน กับพนักงานหิ้วกระเป๋า รวมถึงบริกร แล้วเจ้าของโรงแรมก็เรียกคุณโบนัสให้ไปคุยกับเพื่อนเจ้าของโรงแรมคนที่มาเที่ยว

เจ้าของโรงแรมคนนั้นก็ถามคุณโบนัสว่า พอจะมีทีมงานมั๊ย พอจะลงไปดำเนินงานให้พี่หน่อย เรื่องค่าจ้างรายเดือนไม่เกี่ยง สวัสดิการดี คุณโบนัสก็ฟังๆดูแล้วก็โอเค แล้วเขาก็เอารูปภาพของโรงแรมของเขาให้ชม แล้วบอกอยากทำโซนๆเนี้ยให้เป็นลานเบียร์สด คุณโบนัสก็พอที่จะรู้เรื่องคอนเซ็ปของเจ้าของโรงแรมละ คุณโบนัสก็เลยพูดว่า ยังไงเดี๋ยวจะลองๆหาดูนะพี่ แม้กระนั้นเขาบอกอีกว่า ให้หาเร็วๆหน่อยนะ ไม่เกิน 15 วัน คุณโบนัสก็พูดว่า คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าภายใน 15 วัน ก็จะต้องลาออกจากที่เก่าก่อน แล้วพอดิบพอดีที่เจ้าของโรงแรมที่คุณโบนัสทำงานอยู่ นั้นกับเจ้าของโรงแรมที่ภาคใต้ก็สนิทกัน เจ้าของโรงแรมที่กรุงเทพก็พูดว่า ช่างเถอะ ถ้าเกิดเอ็งหาได้ เดี๋ยวจะอนุมัติให้ คุณโบนัสก็งงมากว่าเพราะอะไรเจ้าของโรงแรมดูเหมือนให้ไปง่ายจัง

จากนั้นคุณโบนัสก็ไปหาคนอื่นเพิ่ม แล้วก็พอดิบพอดีว่าแฟนของคุณโบนัสเป็นนักร้องอยู่อีกผับนึง คุณโบนัสก็เลยถามว่า สนใจลงไปมั๊ย แฟนก็พูดว่า พอดีวงจะหมดสัญญาอยู่แล้ว ก็เลยลงไปด้วย แล้วคุณโบนัสก็ถามบุคลากรในโรงแรมบางคน แล้วทุกคนที่ไปถามก็พร้อมใจกันลงไป รวมทั้งได้ผู้จัดการมา 1 คน คุณโบนัสก็เป็นผู้ช่วยของผู้จัดการ แล้วหลังจากนั้นก็ลงไปทำงานที่โรงแรมในภาคใต้กันทั้งสิ้น 14 คน มีวงดนตรี 4 คน คนที่เหลือก็จะเป็นพวกแม่บ้าน เด็กหิ้วกระเป๋า เฝ้าล็อบบี้ ครบทุกตำแหน่ง

แต่ว่าอยากให้ทั้ง 14 คนนี้เข้ากะช่วงกลางคืน เหมือนกับว่าอยากที่จะไม่ให้โรงแรมเงียบ เจ้าของโรงแรมเคยบอกไว้ว่า โรงแรมเปิดมาได้ปีกว่า อยู่ลึก คุณโบนัสก็บอกช่างเถอะ เจ้าของโรงแรมก็ถามคำถามว่า อยากได้เงินเดือนเท่าไร คุณโบนัสก็บอกเงินเดือนของแต่ละคนที่เรียกมาให้เจ้าของฟัง แล้วเจ้าของโรงแรมไม่ต่อค่าจ้างซักบาท และจ่ายเงินเดือนล่วงหน้าอีกคนละ 1 เดือน รวมทั้งจองตั๋วเครื่องบินให้ทั้งสิ้น 14 คน

วันเดินทางสู่โรงแรมสยองขวัญ

พอถึงวันเดินทางก็นัดพบกันที่ท่าอากาศยาน ได้ไฟล์ทบินตอน 3 ทุ่ม แล้วก็ถึงที่จังหวัดๆนี้ตอน 4 ทุ่มกว่าๆพอมาถึงก็มีรถมินิบัสจากโรงแรมมารับไปที่โรงแรม โดยที่เจ้าของโรงแรมซื้อรถเก๋งป้ายแดงไว้ให้ใช้ และก็รถยนต์มอเตอร์ไซด์ใหม่ไว้ให้อีก 2 คัน ระหว่างทางคุณโบนัสก็ถามคนขับถามว่า จากท่าอากาศยานไปโรงแรมมันไกลมั๊ย คนขับก็พูดว่า ราวๆ 40 กิโล

จากทางเข้าถนนใหญ่ เลี้ยวเข้าไปในซอกซอยราวๆ 2 กิโล มืดตลอดทาง ไปถึงก็จะมีตรอกเล็กๆแยกไปอีก และจากนั้นก็มีรถยนต์ของพนักงานของผู้หญิงที่น่าจะเป็นของบุคลากรสำนักงานที่โรงแรม แต่เขาไม่ได้หยุดคอยในโรงแรม แต่กลับหยุดรถยนต์รออยู่ข้างถนน เพื่อจะเอากุญแจรถเก๋ง แล้วก็กุญแจมอเตอร์ไซด์ที่เจ้าของโรงแรมซื้อไว้ให้ รวมทั้งกุญแจประตูโรงแรม แล้วก็กุญแจห้องพักบุคลากรทั้งหมด แล้วก็บอกว่า ห้องพักบุคลากรอยากอยู่ตรงไหนเลือกเอาเลย แล้วหลังจากนั้นก็แยกจากกัน แต่ก็ต้องนั่งรอต่อเข้าไปอีกราวๆเกือบจะๆกิโลนึงกว่าจะถึงโรงแรม

พอเข้าไปถึงโรงแรม ประตูโรงแรมจะอย่างกับประตูสวนสนุกเลย เป็นเหมือนเสาโรมัน ที่จอดรถใหญ่มาก ในโรงแรมก็เปิดไฟไว้อย่างละนิดอย่างละหน่อย เวลาขณะนั้นก็ราว 5 ทุ่ม ก็มียามที่อยู่หน้าโรงแรมพูดว่า ห้องพักบุคลากรเดินไปด้านหลังนะพวกคุณโบนัสก็ไปกัน 14 คน นอนห้องละ 2 คน 7 ห้อง คุณโบนัสก็เปิดเข้าไปในห้องพักของตนเอง เปิดเข้าไปห้องคือดีงาม ห้องพักบุคลากรมีห้องรับแขกด้วย มีTVตรงห้องรับแขกเครื่องนึง ในห้องนอนอีกเครื่องนึง ในตอนนั้นทั้งหมด 14 คนรู้สึกดีใจกันมาก งานอะไรมันจะแฮปปี้ขนาดนี้ ผู้จัดการก็พูดว่า นอนพักกันก่อน ไว้พรุ่งนี้ตอนเช้าตื่นมาค่อยมาคุยงานกัน

ตื่นมารุ่งเช้า เปิดประตูห้องมาจะพบสระว่ายน้ำเลย ที่สระว่ายน้ำจะมีสไลด์เดอร์สูงราวๆซักอาคาร 5 ชั้นได้ สระว่ายน้ำจะมีทั้งหมด 4 สระ สระเด็กสระนึง สระคล้ายจากุชชี่สระนึง สระคนโตสระนึง และก็สระที่เอาไว้เล่นสไลด์เดอร์อีกสระนึง คุณโบนัสเดินออกมาคุยงานกับคนอื่นแบ่งภาระหน้าที่กันว่าคนไหนอยู่ที่ไหน ทำอะไรบ้าง โดยที่กลุ่มของคุณโบนัสจะรับกะต่อตอน 4 โมงเย็น จนกระทั่งตอนเช้า แต่วงดนตรีจะอยู่ถึงตี 2 พอแบ่งตำแหน่งกันพร้อมสรรพ คุณโบนัสก็จะมีน้องอยู่ 2 สนิทๆคนนึงชื่อ เจ อีกคนชื่อ น้อย ที่เป็นเด็กเสริฟและก็เป็นบาร์น้ำ คุณโบนัสก็นั่งคุยกับ 2 คนนี้ว่า เพราะอะไรโรงแรมมันเงียบจัง ขนาดช่วงกลางวันนะเนี่ย จังหวัดก็เป็นจังหวัดท่องเที่ยว

ในกะตอนกลางวันพนักงานก็จะเป็นคนจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคนทำสวน หรือพนักงานคนอื่นๆไม่มีคนไทย คุณโบนัสก็ลองเดินสำรวจรอบบริเวณกับเจ วันแรกก็ยังเดินไม่ทั่ว พอเข้ากะค่ำ ทุกคนก็ต่างไปปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง โรงแรมนี้นั้นจะมีห้องอาหารมีโต๊ะอยู่ราว 100-200 โต๊ะ คุณโบนัสก็เดินเข้าไป ก็จะมีแม่ครัวทำกับข้าวไว้เลี้ยงพวกคุณโบนัส แล้วก็เลี้ยงพนักงานกะตอนกลางวัน

คุณโบนัสก็เลยถามแม่ครัวว่า ป้า ทีนี่เขาเงียบอย่างงี้อยู่แล้วหรอ ป้าพูดว่า ป้าก็อยู่ตั้งแต่เปิด ก็เป็นอย่างนี้ล่ะ แล้วเราตั้งใจจะมาอยู่กันกี่วันล่ะ โดยที่ป้านั้นถามเป็นวันด้วย ไม่ใช่ถามเป็นเดือน คุณโบนัสก็สงสัยๆและตอบไปว่า พวกเราก็คงจะทำไปเรื่อยๆล่ะนะครับ ด้วยเหตุว่าเจ้าของโรงแรมค่อนข้างจะนิสัยดี ป้าก็พูดว่า ใช่ แต่เขาคงจะไม่เข้ามาหรอก เพราะเขาคงจะไม่ว่างเข้ามา

ช่วงดึก แม่บ้านที่เป็นคนทำอาหาร 4 โมงเย็น เขาก็กลับกันหมด หลังจาก 4 นาฬิกาเย็น ก็จะมีเพียงแค่พวกคุณโบนัส 14 คน ทั้งโรงแรม บุคลากรที่อยู่กะช่วงกลางวันทั้งหมดกลับกันหมดเลย และที่สำคัญ ไม่มีลูกค้ามาเข้าพักเลยแม้กระทั้งคนเดียว ถ้าหากมองในแง่ดี โรงแรมบางทีก็อาจจะอยู่ลึกไป คนเลยไม่เข้ามา กลางคืน

ประสบการณ์นอนโรงแรมผี คืนแรก…

คืนแรกก็ไม่มีอะไร แต่ที่ผิดสังเกตอยู่อย่างนึงก็คือ เวลาที่ถามแม่บ้านหรือบุคลากรอยู่กะตอนกลางวัน ถามว่า ทำไมโซนตรงนี้ถึงปิด ทำไมถึงให้เดินเพียงแค่โซนนี้โซนเดียว ก็มีคนบอกว่า โซนที่ปิดไว้ก็ไม่ต้องเข้าไปเดินหรอก เนื่องจากตรงนั้นยังทำไม่เสร็จ คุณโบนัสก็ไม่สงสัยอะไร แล้วก็อีกจุดนึงที่น่าสงสัยก็คือ สไลด์เดอร์ไม่เปิดให้ใช้ ปิดบันไดทางขึ้นหมดเลย คุณโบนัสก็รู้สึกว่า คงเพราะไม่มีลูกค้ามั๊ง ก็เลยปิดไว้

วันที่ 2 คุณโบนัสก็ขับรถออกไปข้างนอก ไปเซอร์เวย์กัน ขับออกไป รอบๆโดยรอบของโรงแรม ไม่มีชุมชน ไม่มีบ้านคนอยู่เลย ในระยะทาง 2 กิโลที่เข้ามา มีบ้านคนอยู่เพียงแค่ กิโลแรกแค่นั้น รอบๆจะเป็นป่าหมดเลย ทีนี้มันเริ่มแปลกก็ตอนเมื่อเข้าวันที่ 3 น้องคุณโบนัสที่ชื่อน้อยนั้น หายไปจากโรงแรม พอไปถามน้องที่อยู่ห้องเดียวกับ น้อย น้องเขาก็เล่าว่า ไม่รู้เรื่องนะพี่ พี่น้อยแกเดินออกไปด้านนอกตั้งแต่ตี 4 หนูก็คิดว่าแกคงไปเดินเล่นหรือไปวิ่ง

จนกระทั่งเวลาที่ต้องทำงานแล้ว ก็ยังคงหาน้อยไม่พบ ออกไปดูที่รถ รถยนต์ก็ยังอยู่ครบหมด คุณโบนัสก็นึกในใจว่า หรือมันจะเดินหลงเข้าไปข้างหลังที่เขาห้ามเดิน …

Admin

18/05/2018

อ่านเรื่องผี | รวมฮิต 10 เรื่องเล่าผีจากผู้เขียน “ธี่หยด”

สำหรับคอสยองขวัญที่ชอบตามอ่านเรื่องผีในกระทู้พันทิป ทุกคนต้องรู้จักกับกระทู้แห่งประวัติศาสตร์อย่าง “ธี่หยด” กระทู้ผีที่ฮิตที่สุดในพันทิป กว่า 2000 คอมเมนท์ แชร์กว่าแสนครั้ง เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ในขณะนั้นเลยทีเดียว หากแต่ผู้ที่นำประสบการณ์สมัยเด็กมาถ่ายทอด หรือที่รู้จักกันในชื่อ สมาชิกพันทิป Rhythm in the Air หรือคุณกฤตานนท์ Krittanont..นั้น ในภายหลังยังมีงานเขียนที่นำเรื่องเล่าจากที่ได้ฟังจากพี่ป้าน้าอามามหรือแม้กระทั่งที่เคยประสบกับตัวเองมาเล่าสู่กันฟังอีกจำนวนหนึ่ง และจึงเป็นที่มาของบทความนี้

ชวนอ่านเรื่องผี…10 เรื่องเล่าสยองขวัญ จาก “ธี่หยด ดรามาติก ยูนิเวอร์ส” !

1. สามทุ่มสิบห้า เวลาเธอตาย!

จากเรื่อง : อ่านเรื่องผี | เรียงร้อยเรื่องเล่า ตอน สามทุ่มสิบห้าเวลาเธอตาย
เรื่องเล่าจาก : กระทู้ผีพันทิป
เล่าโดย : สมาชิกพันทิป Rhythm in the Air FB : Krittanont

เรื่องเล่าผีเรื่องนี้มีอยู่ว่า “รุจ” มีเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่วัยเด็กอย่าง “เกรน” อยู่ หากแต่เมื่อเข้าสู่ช่วงอุดมศึกษาต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปเรียนตามที่ตนถนัด ไม่ได้ติดต่อหากันเลย แม้ว่าบ้านของทั้งคู่จะห่างกันเพียงไม่กี่ซอยกั้น แต่เวลาที่กลับมาบ้านก็มักจะคลาดกันตลอด

จนกระทั่งเรียนจบ ชีวิตเข้าสู่ช่วงวัยทำงาน รุจมีโอสได้กลับมาเยี่ยมบ้าน แต่ก็ต้องผิดหวังที่ไม่ได้เจอเกรน หลังากอบถามกับทางแม่ของเกรน แม่เกรนก็เล่าว่าลูกสาวย้ายไปอยู่คอนโดซึ่งไม่ไกลจากที่นี่ หากแต่หลังจากนั้นก็ดูแปลกๆไป มักจะลุกลี้ลุกลน และต้องขอลากลับอย่างเร็วเวลาที่มาบ้าน คล้ายกับมีความลับบางอย่างที่ไม่อยากให้ใครรู้เข้า ซุกซ่อนเอาไว้

รุจได้ทำตามคำเรียกร้องของแม่เกรนที่จะให้ไปดูเกรนหน่อย รุจติดต่อและนัดเจอกันที่หน้าคอนโดเธอ หลัจากที่ได้พบกันอีกครั้งก็ชวนให้แปลกใจอยู่ไม่น้อย เดิมเกรนเป็นสาวค่อนข้างสวย แม้ตอนนี้ก็ยังไม่ทิ้งเค้าโครงความสวย หากแต่ราวกับมีอะไรมาบดบังมันไว้ ผิวพรรณดูซูบซีด ดวงตาอิดโรยคล้ายคนอดนอนสะสมมาอย่างยาวนาน หลังจากได้ไถ่ถามพูดคุยกัน ดูเหมือนว่าเธอจะมีอะไรปิดบังและไม่อยากบอกอยู่จริง จนซักไซร้ไปมาเธอก็ร้องไห้ออกมา แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ปริปากถึงปัญหา ในที่สุดก็ร่ำลากันโดยไม่ได้ข้อมูลอะไร

แต่รุจก็ไม่ได้ยอมแพ้เพียงแค่นี้ เขาแอบตามเธอขึ้นไปดูบนห้อง แม้ว่าเกรนจะไม่ได้ยินดีที่จะให้เข้าไป แต่ก็บอกอย่างขอไปทีว่า “รีบดูแล้วรีบกลับไปล่ะ”

ภายในห้องดูหรูหราสมกับเป็นห้องของเภสัชกรคนสวย หากแต่ดีไซน์ในห้องดูพิลึกชอบกลอยู่ ประการแรกคือห้องนั้นเป็นสีขาวโพลน ไม่ว่าจะพื้น ผนัง เพดาน รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ ก็ล้วนเป็นสีขาวปลอดหมดจด อย่างที่ชวนให้สงสัยว่า…เธอเคยเป็นคนคลั่งไคล้สีขาวขนาดนี้มาก่อนหรือ? ประการที่สองคือในห้องนั้นมีแหล่งกำเนิดไฟอยู่มากเกินความจำเป็น มันเรียงรายไปด้วยโคมไฟน้อยใหญ่ตามมุมและหัวเตียง ยังไม่นัยรวมไฟเพดาน ไฟดาวน์ไลท์ ที่เปิดสว่างสไวพร้อมกันทุกดวง พอลองถามถึงเรื่องนี้ดู คำตอบของเธอที่ดูเผินๆเหมือนไม่สำคัญอะไร หากแต่เป็นเขาะแสบอกใบ้ถึงสาเหตุของอาการแปลกๆของเธอ

“เราไม่อยากให้มี ‘เงา’ ในห้องน่ะ…”

เป็นเพราะเธออยู่ในสภาวะซึมเศร้า จึงต้องการอยู่ในแสงสว่างตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ใจขุ่นมัวเหรอ? มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น

อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะไม่ได้ร่องรอยอะไรเพิ่มและจะกลับอยู่แล้ว จู่ๆก็ได้ยินเสียงคล้ายใครเลื่อนเปิดประตูกระจกด้านหลัง ซึ่งเป็นทางออกไปที่ระเบียง ชะรอยสงสัยเพื่อนสมัยเด็กจะแอบซ่อนแฟนหนุ่มใจปลาซิวไว้ในห้องซะแล้ว! แม้เกรนจะห้ามก็ตามแต่รุจก็ออกไปดูจนได้ แต่กลับไม่พบใครซักคน…แมวตัวเดียวก็ไม่มี! ขณะที่กำลังจะตัดใจออกจากห้องไปแล้ว จู่ๆก็มีเสียงอะไรบ้างอย่างเสียดสีกับกระจกหน้าต่างดังเอี๊ยด..อ๊าดด บาดหูดังขึ้นมา คล้ายใครเอามือเปียกชื้นรูดสีกับกระจก รุจหันกลับไปเพื่อที่จะรูดม่านออกดูโดยไม่ได้ถามไถ่ แต่เกรนก็ออกคำสั่งกำชับเสียงดัทันที “อย่าเปิดเด็ดขาดนะ!!”

ดูเหมือนเกรนจะกลัวอะไรบางอย่าง…แต่มีเหตุผลอะไรกันนะที่ไม่สามารถบอกได้ อีกทั้งลักษณะที่แปลกประหลาดของห้องนี้ กับท่าทีของเกรนได้ดึงดูดรุจมากกว่าที่คิดไว้ แม้เกรนจะไล่ให้เขากลับไป ตอนนี้รุจไม่มีความคิดที่จะลากลับแล้ว… เกรนกลัวความมืด? หรือกลัวอะไรที่ซ่อนอยู่ในความมืด?

อ่านต่อที่นี่ >>  สามทุ่มสิบห้า..เวลาเธอตาย

2. คุณครูสอนภาษาอังกฤษที่ตายไป ยังคงวนเวียนอยู่ในห้องเรียนเสมอ… “แอม ฟาย แซงกิ้ว”

จากเรื่อง : อ่านเรื่องผี |เรียงร้อยเรื่องเล่า ตอน ฉันสบายดี… ขอบคุณ
เรื่องเล่าจาก : เรื่องผี พันทิป
เล่าโดย : สมาชิกพันทิป Rhythm in the Air FB : Krittanont

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโรแร่งประถมแห่งหนึ่ง เรื่องเล่าผีนี้พูดถึง “ครูเอม” ครูสอนภาษาอังกฤษประจำโรงเรียน

ครูเอมถือได้ว่าเป็นครูที่ “เนี๊ยบ” ที่สุดคนนึง แกมักปรากฎกายด้วยชุดที่ดูเรียบร้อยอย่างสีขาว ครีมหรือเบจ สวมกระโปรงพีทยาวที่มีจีบรอบตัว มาพร้อมกับเสียง “ต๊อกแต๊ก” ของรองเท้าส้นสูงที่กระทบกับพื้นเวลาเดิน รวมทั้งกลิ่นน้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ ทำให้เด็กนักเรียนจำทราบทันทีว่า “ครูเอมมาแล้ว!” แล้วพากันนั่งเงียบเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนที่ตัวเธอจะมาถึงหน้าประตูห้องเรียนซะอีก

เนื่องจากรูปร่างผอมสูง แล่าทางน่าเกรงขามเจ้าระเบียบแบบญาติผู้ใหญ่ จึงเป็นที่เล่าขานกันในหมู่นักเรียนว่า…ครูเอมดุมาก! อีกทั้งยังมีเจ้าไม้เรียวที่เหลาจากไม้ไผ่ข้างกาย เอาไว้กำหราบเด็กแสบบางคนให้ลดความซนลง เรียกได้ว่าเป็นครูคนดังที่ถูกพูดถึงกันได้ทุกวัน

ต่อมาครูเอมแต่งงานกับสามีซึ่งเป็นครูที่สอนที่เดียวกัน จนต่อมาแกตั้งครรภ์ หลังจากนั้นก็ลาสอนอยู่บ่อยๆ ทำให้ช่วงหลับเด็กๆนักเรียนไม่ค่อยได้เจอแกแล้ว กระทั่งวันหนึ่งมีข่าวลือไม่ค่อยดีเกี่ยวกับแก… บ้างก็ว่าแกแท้ง บ้างก็ว่าตกลูก บ้างก็ว่าประสบอุบัติเหตุ แม้จะไม่มีการยืนยันใดๆเข้ามา แต่ข่าวลือก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียน กระทั่งเช้าวันถัดมามีประกาศยืนยันจากทางผอ.โรงเรียนว่า “ครูเอมได้ประสบอุบัติเหตุแล้วเสียชีวิตในบ้านพักครู” ในขณะที่ท้องอยู่ หรือที่ชาวบ้านเค้าเรียกกันว่า “ตายทั้งกลม” นั่นเอง

เรื่องนี้ทำให้เด็กๆนักเรียนรวมทั้งครูอาจารย์เศร้าโศกกันมาก หากแต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเขย่าขวัญ เมื่อมีคนพบเห็นใครบางคนคช้ายกับครูเอม…ยังคบวนเวียนอยู่ในโรงเรียนนี้อยู่ เป็นต้นว่า เสียงพูดภาษาอังกฤษที่ดังลอยออกมาจากห้องเรียนในยามค่ำคืน…

เนื่องจากเหตุการณ์เกี่ยวกับในโรงเรียน เชื่อว่าคนอ่านทุกคนมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องเล่าตำนานในโรงเรียนกันมาบ้าง นี่เป็นอีกเรื่องเล่าผีเรื่องนึงที่มีฉากหลังชวนให้คิดถึงวัยเรียน

อ่านเรื่องผี ต่อที่นี่ >>  กระทู้ผีพันทิป : คุณครูสอนภาษาอังกฤษที่ตายไป

3. “แพรสีชาด” แพรอาถรรพ์ที่ปลุกคนตายขึ้นมาอีกครั้ง

จากเรื่อง : อ่านเรื่องผี |เรียงร้อยเรื่องเล่า ตอน แพรสีชาด
เรื่องเล่าจาก : เรื่องผี Pantip
เล่าโดย : สมาชิกพันทิป Rhythm in the Air

เรื่องเล่าผีเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคู่สามีภรรยา “พี่ดินกับพี่เตย” ที่ครั้งหนึ่งก็เป็นอีกคนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติทางการเงินต้มยำกุ้งในอดีต จนกว่าจะกลับมาตั้งตัวได้ก็ใช้เวลาหลายปี ครั้นมีลูกเล็กคือน้องตั้งใจอายุได้ขวบกว่าๆ ก็วางแผนจะหาบ้านเป็องตัวเองซักหลัง หลังจากที่ต้องอยู่ในบ้านเช่าที่เริ่มจะคับแคบด้วยกันมากว่าสิบปี

บ้านสำหรับหลายคนที่ไม่ขัดสน มีปัญหาเรื่องเงินทอง ก็อาจครอบครองได้โดยไม่เดือดร้อนอะไร แต่กลับอีกหลายคนกว่าจะมีบ้านได้กับเค้าซักหลัง ก็อาจจะต้องพยายามกันอย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ ซ้ำถ้าหากว่าบ้าน..สถานที่ที่ควรมีความสุข กลับอยู่แล้วทุกข์ระทมเหมือนกับเรื่อนี้ ซึ่งความทุกข์ที่ว่าไม่ได้มาจากภาระเงินผ่อนหรือดอกเบี้ยแต่อย่างใด หากเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นหลายเท่านัก

ในที่สุดสองสามีภรรยาก็ไปเจอบ้านหลังหนึ่งราวกับพรหมลิขิต แม้จะตัวบ้านเก่าไปบ้างแต่มีที่ดินกว้างขวาง ซ้ำราคาก็ดีซะด้วย หากปรับปรุงซ่อมแซมอีกนิดหน่อยน่าจะสวยเลยทีเดียว หลังเที่ยวสอบถามเพื่อนบ้านใกล้เคียง ทราบว่าบ้านนี้ไม่มีประวัติ อีกทั้งแถวนี้ก็ไม่ได้มีขโมยชุกชุม จึงตัดสินใจกันสองคนว่าจะซื้อหลังนี้…กระทั่งลูกชายคนเดียวพูดขึ้นมาว่า “น้องตั้งใจไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้”

แม้มาลองคิดดูภายหลัง คำพูดนี้เป็นเหมือนคำเตือนและลางบอกเหตุการณ์น่าสะพรึงที่ครอบครัวนี้จะต้องพบเจอ แต่ในตอนนั้น คำพูดของเด็กเพียงขวบเศษๆ ย่อมไม่มีผลต่อการตัดสินใจ…

อ่านต่อที่นี่ >>  “แพรสีชาด”  เรื่องสยองล่าสุด…จากผู้เขียน “ธี่หยด”

5. “ธี่หยด…” เรื่องเล่าผี..ที่โด่งดังที่สุดบนพันทิป..กว่า 2000 คอมเม๊นต์ ติดกระทู้แนะนำข้ามปี!!

จากเรื่อง : อ่านเรื่องผี |กระทู้ผีฟีเวอร์…ลองมาฟังเรื่องลึกลับของผมบ้าง
เรื่องเล่าจาก : กระทู้ผีพันทิป
เล่าโดย : สมาชิก Rhythm in the …

Admin

22/04/2018

กระทู้ผีพันทิป | บ้านพักผีสิงที่หัวหิน หลอนกันยกครัว!

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับสมาชิกพันทิปท่านหนึ่ง ที่มีโอกาสได้มาแชร์ประสบการณ์สุดสะพรึง กระทู้ผีพันทิปของการไปเที่ยวหัวหินในช่วงปีใหม่ โดยเธอและครอบครัวได้ไปพักที่พักแห่งหนึ่งแล้วต้องพบกับเหตุการณ์ประหลาดที่ไม่คาดฝัน กระทั่งบทสรุปที่เฉลยเรื่องราวอย่างไม่คาดคิด จนเป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่ได้รับความสนใจในตอนนั้น หากแต่ “จู่ๆ” กระทู้ผีพันทิปดังกล่าวก็ถูกลบออกไปจากระบบ จนเป็นที่กล่าวขานและถามถึงเรื่องราวในกระทู้นั้นกัน ว่ามันเป็นมาอย่างไร กระทั่งเรื่องราวได้มาปรากฎขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตอีกครั้งจากปากคำบอกเล่าของผู้ที่คงจะทันได้อ่านกระทู้นั้นเมื่อหลายปีก่อน โดยเรื่องราวมีรายละเอียดดังนี้

กระทู้ผีพันทิป ประสบการณ์สยองตอนไปเที่ยวช่วงปีใหม่

ทางสมาชิกพันทิปเจ้าของเรื่องเล่าไว้ว่าในช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ เธอและครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวจังหวัดราชบุรีและหัวหิน ในช่วงสองวันแรกเหตุการณ์เต็มไปด้วยความสุขสนุกสนาน กระทั่งเข้าวันที่ 3 ซึ่งเธอได้เข้าพักที่พักแห่งหนึ่งผ่านการจองจากทางอินเตอร์เน็ต เะอบอกเล่าถึงลักษณะของที่พักแห่งนี้ค่อนข้างละเอียด เป็นต้นว่า เป็นบ้านพักในหัวหินที่เป็นบ้านเดี่ยว ซึ่งมีสระว่ายน้ำในตัว มีห้องหับให้เลือกใช้มากถึง 4 ห้องนอนและ 3 ห้องน้ำ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งรวมถึงข้าวของเครื่องใช้ก็มีอย่างไม่ขาดตก อีกทั้งยังมีที่จอดรถขนาดใหญ่ซึ่งสามารถจอดได้ถึงสามคัน เรียกได้ว่ามองยังไงนี่ก็เหมือนเป็นบ้านคนอยู่ มากกว่าที่จะตกแต่งเพื่อไว้ให้เช่าพักเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทีแรกเป็นที่พึงพอใจของเธอและครอบครัวมาก เพราะเธอขนญาติๆกันมาถึงสี่ครอบครัว ในราคาคืนละ 12,000 บาทก็ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก ซึ่งในวันแรกที่เข้าพักก็ได้เจอกับ “เจ้าของบ้าน” เป็นหญิงร่างเล็กผิวคล้ำ อายุราวสี่สิบกว่าๆ ซึ่งเล่าให้เธอฟังว่าเดิมทีที่นี้เป็นบ้านที่เธอกับสามีชาวต่างชาติอาศัยร่วมกัน กระทั่งมีเหตุให้สามีต้องกลับไปต่างประเทศ ทำให้บ้านหลังนี้ว่างลงจึงปล่อยให้เช่าเป็นที่พัก เพราะปัจจุบันเธอเองก็ไปอาศัยกับลูกสาวในตัวเมือง

สมาชิกพันทิปท่านนี้เล่าอีกว่าตอนที่เธอเข้ามายังบ้านหลังนี้ในทีแรกก็รู้สึกได้ถึง “อะไรแปลกๆ” ทันที รู้สึกหวั่นวิตกกับบรรยากาศแปลกๆ ซึ่งเธออธิบายเพิ่มเติมว่าปกติเธอจะมีสัมผัสกับเรื่องผีๆอยู่แล้ว เมื่อเข้ามาเจอศาลพระภูมิเธอก็ได้ไหว้บอกกล่าวขอเจ้าที่เจ้าทางไปหนึ่งทีเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ พร้อมคิดในแง่ดีว่าอาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าต่างหากที่ทำให้รู้สึกไม่ดี คืนนั้นพวกเธอก็สร้างสรรค์ปาร์ตี้กันอย่างอรรถรถ เนื่องจากมีสระน้ำในตัวบ้าน เหมาะแก่การดื่มฉลอง กระทั่งเริ่มดึก 4 ทุ่มกว่าก็พาเด็กๆไปเข้านอน เหลือเพียงหนุ่มสาวที่ตอนนี้ย้ายเข้ามาตั้งวงกันในบ้าน จู่ๆพี่สาวของเธอก็เอ่ยถามเปิดประเด็นขึ้นมา

“คิดว่า…บ้านหลังนี้เป็นยังไง?”

อาจจะดูเป็นคำถามที่ไม่ได้เจาะจงอะไรเป็นพิเศษ แต่เธอรู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที จึงพยายามกลบเกลื่อนพูดไปว่า “ก็สวยดี…” แต่พี่สาวก็ยังวกกลับมาจนได้

“พี่รู้สึก…แปลกๆอ่ะ”

หลังจากนั้นเหมือนแฟนของน้องชายจะรู้ทันว่าต้องการสื่ออะไร จึงพยายามเซ้าซี้ให้เราและพี่สาวพูดออกมา อย่างไรก็ตามบทสนทนาจบลงที่แฟนพี่สาวพูดปัดขึ้นมาว่า “ไม่เห็นมีอะไรแปลกนี่ คิดมากกันเปล่า” เป็นกันตัดบทเข้าสู่วงสนทนาเรื่องเล่าผีแค่ตรงนั้น หลังจากนั้นต่างคนต่างก็ย้ายกันไปนอนกันตอนตี 1 มีเพียงเพื่อนชายของน้องชายที่มาด้วย นอนอยู่ที่โซฟาที่โถงกลาง กระทั่งเวลาตี 2 ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

ตอนนั้นเธอลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำด้วยความงัวเงีย ซึ่งต้องผ่านโถงกลางที่มีเพื่อนน้องชายสองคนนอนอยู่ไป แต่แล้วสิ่งที่สะดุดตาเธอท่ามกลางความมืดคือ ร่างของเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่ริมสระน้ำด้านนอก เธอตกใจสะดุ้งเนื่องจากไม่คิดว่าจะมีใครไปทำอะไรในเวลาแบบนั้น แต่เมื่อเขยิบเข้าไปดูใกล้ๆก็ต้องตกใจสุดขีด เพราะนั่นเป็นหนึ่งในหลานสาวของเธอ น้องแบมอายุ 8 ขวบ กำลังนั่งห้อยขาอยู่ในสระน้ำด้านนอกอยู่ตามลำพังคนเดียว ในตอนตี 2 เธอเรียกหลานเธอเสียงดัง

“น้องแบม…มาทำอะไรตรงนี้ลูก”

ไม่มีเสียงตอบกลับ แต่จู่ๆร่างนั้นก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ในขณะที่มือก็ตีน้ำในสระเล่นอย่างพึงพอใจ เธอเห็นว่าไม่ได้การแล้ว จึงรีบเปิดประตูแล้ววิ่งไปจับหลานทันที แต่ต้องสะดุ้งแทบหยุดหายใจอีกครั้ง เมื่อพบว่าเธอไม่ได้ลืมตา เธอหลับอยู่!? เธอพยายามจะปลุกด้วยการเขย่าตัวเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น กระทั่งเพื่อน้องชายที่นอนอยู่รู้สึกตัวเลยตามออกมาแล้วอุ้มร่างน้องแบมเข้าบ้าน

เธอไปปลุกน้าสาวซึ่งเป็นแม่ของน้องแบม ปรากฎว่าตกใจมากเมื่อรู้เรื่อง อย่างไรก็ตามน้องแบมยังคงหลับตาอยู่ น้าจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้องเนื่องจากเปียกปอนทั้งๆอย่างนั้น คนอื่นๆถูกปลุกขึ้นมาตามๆกันด้วยเสียงดังโหวกเหวกกลางดึก ตอนนั้นเธอรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ “ไม่มาดีแล้ว” จึงเดินออกไปยกมือกล่าวกับศาลพระภูมิที่หน้าบ้านว่า…ตนและครอบครัวมาเพื่อเที่ยวพักผ่อนเท่านั้น ได้โปรดอย่าแกล้งหรือรับแกกันเลย ปรากฎว่าหลังจากเข้ามาในบ้านก็พบว่าน้องแบมตื่นขึ้นแล้ว! คุณพ่อของน้องก็ซักถามเธอว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น โดยจับใจความได้ว่า น้องถูกใครบางคนชวนมาเล่นน้ำ คนในที่นั้นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ใครที่ว่าน้องเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน สุดท้ายพ่อของน้องก็ตัดบทด้วยการบอกว่า น้องแค่ละเมอเอาไปฝันจากตอนที่ได้เล่นน้ำตอนเย็นเท่านั้น ขอให้ทุกคนกลับเข้านอน ซึ่งเวลาก็ล่วงเลยเข้าตีสาม อย่างไรก็ตามน้องแบมะคยมีอาการละเมอมาก่อน แต่การที่จะเดินออกไปนอกบ้านเพื่อไปเล่น้ำในที่แปลกที่แปลกทาง แถมยังบอกว่ามีคนชวนนั้น นับว่าไม่ปกติ

คืนนั้นเรานอนไม่หลับ กระทั่งได้กินยาคลายเครียดไปจึงนอนได้จนมาตื่นตอนเช้า เราก็พากันออกไปเที่ยวกันในช่วงกลางวัน อย่างไรก็ตาม…ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเมื่อคืนเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะเคลียร์ใจกันแล้วว่าเป็นเพียงอาการละเมอ หรือเพราะว่ากลัวที่จะหยิบยกขึ้นมาพูดอีกครั้ง แต่เธอก็แอบบอกกับแฟนว่า “ที่นี่มันมีอะไรแปลกๆจริงๆนะ เรารู้สึกแบบนั้น” แต่แฟนก็ตัดบทและปลอบว่าเธอคงเครียดแล้วคิดมากเกินไป เอาเรื่องนํ้นะรื่องนี้มาผสมกัน เธอก็ทำได้แค่คิดเงียบๆภายในใจ กระทั่งแฟนน้องชายเปิดบทสนทนาขึ้นมาว่า…เมื่อคืนตัวเองฝันเห็นชายชาวต่างชาติมานั่งกินดื่มสังสรรค์กันในวงด้วย ก่อนจะตบมุกติดตลกว่า สงสัยอยากได้แฟนฝรั่งเลยเก็บเอาไปฝัน เรียกเสียงฮาให้กับโต๊ะอาหาร แต่ไม่ใช่กับเธอแน่นอน มันยิ่งทำให้เธอยิ่งประติดประต่อไปไกลมากขึ้น

และแล้วในคืนนั้นเอง แม้ว่าใจจริงเธอไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว แต่ก็จำใจอยู่ต่ออีกคืน คืนนั้นเธออาสาไปนอนกับหลาน โดยที่ปล่อยให้น้าๆและหนุ่มสาวอยู่สังสรรค์กันให้เต็มที่ ในขณะที่อยู่ในห้องเธอก็ชวนพาเด็กๆเล่นกันอย่างสนุกสนาน กระทั่งน้องแบมเอ่ยปากเล่าขึ้นมาว่า

“เมื่อคืนน้องแบมไม่ได้ละเมือนะคะ แต่มีลุงฝรั่งมาอุ้มน้องแบมไปเล่นน้ำที่สระ เค้ายังร้องเพลงภาษาอังกฤษให้ฟังด้วยค่ะ”

แม้จะเป็นบทสนทนาสั้นจากปากเด็ก แต่ไม่น่าเชื่อว่าเวลานี้มันจะทำให้เธอขนลุกยิ่งกว่าดูหนังผีน่ากลัวๆเรื่องไหนๆ เธอพยายามซักหลานต่อไป

“แล้วน้องแยมรู้จักเค้าเหรอ? ถึงได้ไปเล่นกับเค้าน่ะ”

“น้องแบมไม่รู้จักแต่จำได้ค่ะ เมื่อวานตอนเรามาถึง…ลุงคนนี้มากับป้าเจ้าของบ้าน เค้ายืนอยู่ตรงระเบียงตรงนั้น น้าไม่เห็นหรอคะ?”

ตอนนั้นเธอเริ่มรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็เก็บเงียบไว้โดยตัดสินใจที่จะยังไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะกลัวจะขวัญเสียกันเปล่าๆ ก่อนบอกให้หลานๆรีบเข้านอน แล้วเธอก็แยกกลับห้อง กระทั่งเที่ยงคืนแล้วแต่ตัวเธอเองกลับนอนไม่หลับ ในขณะที่ข้างนอกยังคงนั่งดื่มกันอยู่ เธอจึงลุกขึ้นมาจัดแจงเก็บข้าวของคร่าเวลา ถ้าเพียงแค่ย่นเวลาที่จะยืนอยู่ในบ้านหลังนี้ได้เพียงสัก 15 นาทีก็ยังดี หลังจากเสร็จแล้วเธอก็พยายามคร่าเวลาต่อด้วยการมองหาไปทางชั้นและหัวเตียง เผื่อว่าจะเจอหนังสือหรือนิตยสารให้อ่านบ้าง กระทั่งเธอไปหยิบได้หนังสือเล่มหนึ่งเข้า…

“รู้มั้ยคะ? ว่าเราไปเจออะไรเข้า…!!”

สิ่งที่เธอเจอเข้าโดยบังเอิญ เป็นอัลบั้มภาพถ่ายเล่มใหญ่สองเล่ม โดยที่เล่มแรกเป็นรูปงานแต่งงานองเจ้าของบ้านที่เธอได้พบไปแล้วตอนเข้าพักวันแรก กับสามีชาวต่างชาติที่ได้เห็นเป็นครั้งแรก…อย่างไรก็ตามปัญหาอยู่ที่เล่มถัดมา เพราะเป็นรูปจากงานฌาปนกิจศพ โดยที่เจ้าของงานคือตัวสามี! ทันทีที่เห็นก็ทำให้เธอช็อคไปในทันที…กว่าที่จะเรียกสติกลับมาได้ในอีกพักใหญ่ แต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพียงแต่ออกไปชักชวนให้คนอื่นๆเลิกดื่มแล้วเข้านอน เพื่อจะได้รีบออกจากที่นี่กันแต่เช้า โดยที่แฟนเธอก็แย้งขึ้นมาอย่าบไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยว่า จะรีบไปไหน พรุ่งนี้เรามีแพลนพาเด็กๆไปเที่ยวสวนน้ำกัน กว่าจะออกก็บ่ายๆ แต่เธอก็โน้มน้าวว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย เหมือนจะเป็นไข้ ก็ตกลงกันว่าจะออกไปหาหมอตั้งแต่เช้า ในใจตอนนั้นก็อยากเล่าเรื่องให้ทุกคนฟังแต่เหมือนในใจยังไม่ค่อยมั่นใจ อยากยืนยันรูปกับน้องแบมก่อน ว่าชายชาวต่างชาติที่เจอนั้นใช่คนเดียวกันกับในรูปหรือไม่ 

กระทั่งตอนเช้า แฟนของน้องชายจากห้องข้างๆเข้ามาปลุกเธอ

 “เจ๊ๆ เมื่อคืนหนูฝันอีกแล้ว…ฝันเห็นฝรั่งคนนั้น คราวนี้มานอนบนเตียงด้วยเลย!”

เธอได้ยินดังนั้นก็ตัดสินใจเด็ดขาด หยิบอัลบั้มรูปถ่ายเล่มแรกออกมาให้ดู ปรากฎว่าแฟนของน้องยืนยันได้แทบจะในทันทีว่า “เป็นคนเดียวกันค่ะเจ๊!!” สุดท้ายเธอให้แฟนน้องไปตามตัวน้องแบมมา ปรากฎว่าหลานก็ยืนยันชัดเจนว่า

 “ใช่ลุงคนนี้แหละค่ะ เมื่อคืนก็มาชวนน้องแบมอีกแล้ว แต่น้องแบมไม่ได้ไปด้วย เพราะกลัวคุณแม่ดุอีก”

ถึงตอนนี้เรียกได้ว่ามีหลักฐานและพยานชัดเจน แต่เธอก็ไม่ได้นำรูปเล่มที่สองให้ทั้งสองคนดู เนื่องจากกลัวจะตื่นตกใจกันเปล่าๆ ทางแฟนน้องชายก็พยายามเร่งรัดเอาคำตอบว่าเรื่องมันยังไงอะไรกัน ซึ่งเธอก็กล้ำกลืนฝืนทนจริงๆ กระทั่งสิบดโมงเช้า ทุกคนเตรียมของขึ้นรถเสร็จและจะออกจากที่นี่กัน เธอจึงโทรขอกกับเจ้าของบ้านว่าจะกลับแล้ว แต่เจ้าของบ้านขอกว่าสามารถกลับได้เลย โดยที่กุญแจบ้านนั้นให้นำไปวางไว้บนชั้นวางหน้าบ้าน แล้วเดี๋ยวจะไปเก็บในภายหลัง 

ก่อนออกจากบ้านเธอบอกให้แฟนน้องนำกุญแจไปเก็บที่ชั้นหน้าบ้าน ตัวชั้นนั้นอยู่ค่อนข้างสูงขึ้นไปด้านบนจึงจำเป็นต้องนำเก้าอี้มาวางแล้วปีนขึ้นไป แล้วจู่ๆแฟนน้องที่ปีนขึ้นไปวางก็ทำหน้าราวกับเจอผี! 

 “เจ๊ๆ ขึ้นมาดูสิ!”

เธอปีนขึ้นไปดูบ้างก็เข้าใจทันที ว่าชั้นวางลอยด้านบนนั้นไม่ใช่ชั้นวางธรรมดา หากแต่เป็นหิ้งบูชาที่ซึ่งมีรูปของสามีชาวต่างชาติเจ้าของบ้าน รูปเล็กๆตั้งอยู่! ใช่แล้วมันคือหิ้งบูชาสามีที่ตายจากไป ตอนที่เรามาครั้งแรกเรามองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านบน เลยเข้าใจไปว่าเป็นหิ้งพระ 

กระทั่งรถได้เดินทางออกมา โดยที่เธอนั่งเงียบๆมาตลอดทางจนแฟนผิดสังเกต และตอนพักทานข้าวกัน  ดูเหมือนว่าจะเป็นฝ่ายแฟนของน้องชายที่อึดอัดจนต้องถามออกมากลางวงว่า “ถามจริงๆเถอะ มีใครเจออะไรแปลกๆในนั้นมั้ย?” จนทีนี้แหละที่มีคนยอมเล่ากัน โดยเริ่มตั้งแต่ครอบครัวน้องแบม น้าหญิงเล่าว่าตอนกลาคืนหลานมีอาการละเมอหัวเราะ ราวกับกำลังเล่นกับใครอยู่ ส่วนน้าชายเล่าว่าเมื่อคืนตอนที่นั่งดื่มกัน เค้าเห็นชายต่างชาตินั่งอยู่ริมสระมองมาทางนี้แล้วยกแก้วขึ้น คล้ายกับจะขอชนแก้ว แต่น้าทำเป็นไม่ใส่ใจเพราะรู้แน่แล้วว่านั่นไม่ใช่คน ในณะที่เพื่อนน้องชายอีก 2 คนที่นอนโซฟาด้านนอกเล่าว่าในคืนแรกกลางดึกได้ยินเสียงคนพูดเป็นภาษาอังกฤษ แต่ไม่ได้เอะใจเพราะเข้าใจว่ามาจากทีวีของห้องใดห้องหนึ่ง ส่วนคืนถัดมาก็เจอเงาคนเดินไปมาอยู่แถวสระด้านนอก แต่ไม่มีใครกล้าทัก เพียงแค่สะกิดเรียกันดูเท่านั้น

ส่วนสาเหตุที่เธอนิ่งเงียบมาระหว่างนั้งรถนั้น เพราะตอนที่ออกมาเธอได้ยินเสียงเพลงภาษาอังกฤษ เป็นเพลงที่คล้ายกันกับที่น้องแบมเล่าให้ฟังตอนเหตุการณ์สระน้ำ บางทีอาจเป็นเพลงส่งลา หลังจากทริปนี้จบลงเธอก็ได้ไปทำบุญใส่บาตรและอุทิศส่วนกุศลให้ฝรั่งคนนั้น ส่วนน้าชายพาน้องแบมไปอาบน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ที่วัด อีกทั้งนึกย้อนไปว่าหากวันนั้นไม่ได้ไปพบน้องก่อน น้องอาจถูกพาตัวไปอยู่ด้วยแล้วก็ยิ่งขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เพราะสระที่ว่านั้นลึกระดับอกของผู้ใหญ่ และน้องก็ว่ายน้ำไม่เป็น แต่ในความเห็นของเธอคิดว่าเขาคงจะเหงาเพียงเท่านั้น จึงออกมาปรากฏตัวให้เห็น คงไม่ได้มีเจตนามิดีมิร้าย

อย่างไรก็ตาม ทริปนั้นก็ทำเอาคนเจ้าสำราญอย่างพวกเพื่อนน้องชายสงบเสงี่ยมไปเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจากประสบการณ์จริง ซึ่งถ้าหากไม่เจอกับตนเองก็คงจะไม่เข้าใจ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มันน่ากลัวยิ่งกว่าเรื่องเล่าผีที่เคยอ่านมาทั้งหมด…และนี่คือเรื่องราวของหนึ่งในกระทู้ผีพันทิประดับตำนาน

ขอขอบคุณที่มา กระทู้ผีพันทิป : https://pantip.com/topic/35113856

อ่านเรื่องผี เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

12/04/2018

ท้าดู! รวม 31 หนังผีน่ากลัวขึ้นหิ้ง + เหตุผลที่ทำไมควรดู?

ผู้ใช้สมาชิก sixthsense ได้มาแชร์ลิสต์รวบรวมหนังผีน่ากลัวและสยองขวัญที่ตนเองชื่นชอบ 31 เรื่อง มาแนะนำให้ได้เป็นแนวทางหาหนังมาดูกัน โดยความตั้งใจของลิสต์นี้คือ เลือกเอาหนังผีที่ยังพอหาดูได้ไม่ยากนัก เพราะหากอยากดูแต่ไม่สามารถหาหรือชมได้ยาก มันก็ไม่มีประโยชน์ | เรื่องอันดับ เป็นเพียงความชอบของแต่ละบุคคล | หลายๆเรื่องในลิสต์ ด้วยความรู้สึกได้ถึงความยอดเยี่ยมหรือบางเรื่องก็สนุก เสียจนน่าเสียดาย ที่หากความสนุกของหนัง จะมาบดบังความสยองแบบหนังผีไปบ้าง แต่ก็บันเทิงพอที่จะหามาดู | หลาย ๆ เรื่องอาจจะไม่ปรากฏอยู่ในลิสต์นี้ นั่นไม่ได้หมายความว่ามันไม่ดี

31 หนังผีน่ากลัว ที่ไม่ควรพลาด …. หลอนกันให้เข็ด

อันดับหนังผีสยองขวัญ

31.    The Pact (2012) บ้านหลอนซ่อนตาย

: หนังผีฟอร์มเล็กที่มันส์เกินคาด! เรื่องราวว่าด้วยแอนนี่ได้กลับไปยังบ้านที่เธอเคยอาศัยอยู่เมื่อสมัยเป็นเด็ก เพื่อจัดงานศพให้แม่ของเธอ แต่จู่ๆ ‘นิโคล’ พี่สาวของเธอกลับหายตัวไปไร้ร่องรอย เธอเชื่อว่ามีบางสิ่งบางอย่างซ่อนเร้นในบ้านหลังนี้ และลงมือสืบหามัน

เป็นเรื่องที่ลุ้นใช้ได้ มีหักมุม แม้จะไม่ได้น่ากลัวหรือชวนตกใจนัก แต่กลับสร้างบรรยากาศที่ชวนไม่น่าไว้ใจได้ดี แม้กระทั่งตอนจบก็ยังเหลือ clue ไว้ให้ไปจินตนาการต่อ!

30.    Insidious (2011) วิญยาณตามติด

: หนึ่งในแฟรนไชส์หนังผีชื่อดังของผู้กำกับสายแมสแห่งยุคอย่าง ‘เจมส์ วานน์’ ผู้มีโปรเจคมากมายที่หยิบจับอะไรก็ล้วนทำเงิน นี่เป็นหนังผีเรื่องแรกๆที่สร้างชื่อให้กับเขาในวงกว้าง จนมีภาคต่อตามมาอีกเป็นพรวน! หนังพูดถึงครอบครัวหนึ่งที่ย้ายไปอยู่ในบ้านที่คนพ่อซื้อมาราคาถูกๆ แต่แล้วลูกชายก็มีอาการแปลกๆ คือชอบละเมอ และฝันเห็นอะไรแปลกๆ จนกระทั่งเรื่องราวดำเนินไปในทิศทางว่า เรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นในบ้าน อาจไม่ได้เป็นเพราะอาถรรพ์ของบ้าน แต่บางอย่างที่ว่ามันตามเด็กมา! เรื่องนี้มีเซ็ตติ้งโลกในหนังเป็นของตัวเอง ซึ่งจะเชื่อมโยงกับภาคอื่นๆที่ออกตามมา เป็นหนังผีที่ค่อนข้างจะแฟนตาซี มีเรื่องของภพ มิติ และปีศาจ รวมอยู่ในเรื่องเดียว!

29.    คน ผี ปีศาจ (2004)

: ผลงานเรื่องแรกของผู้กำกับ ‘มะเดี่ยว ชูเกียรติ’ อีกหนึ่งหนังทริลเลอร์/สยองขวัญของไทยที่ถือว่ามีดีอยู่ในตัว เรื่องราวพูดถึงเด็กสาวที่ต้องไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กในโรงพิมพ์แห่งหนึ่งที่มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์เก่าสนิมเขรอที่ดูลึกลับพิกล มิหนำซ้ำป้าที่เป็นเจ้าของก็ดูน่ากลัวแบบที่ว่าคาดเดาไม่ออกเลยว่าคิดอะไรอยู่ เป็นหนังระทึกขวัญแนวๆกักขังในพื้นที่จำกัด ที่มีดีตรงการสร้างบรรยากาศกดดันและแฝงการวิพากษ์สังคมไว้ แม้ว่าจะน้อยคนที่รู้จัก เนื่องจากในปี 2004 ถูกกลบด้วยหนังผีระดับตำนานไทยอย่างชัตเตอร์ซะมิด

อันดับหนังผีสยองขวัญ

28.    ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ (2004)

: หากพูดถึงหนังสยองขวัญในหมวดหนังผีของไทย ‘ชัตเตอร์’ คงเป็นเรื่องแรกๆที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคุย เนื่องจากเป็นกระแสอย่างแรงในสมัยที่ออกฉาย หนังหยิบยกเรื่องราวของภาพถ่ายติดวิญญาณทั้งหลายมาผูกกับประเด็นดราม่าที่พบเจอได้ทั่วไปอย่าง ‘ความรู้สึกผิด’ ต่อการกระทำในอดีต แม้หนังจะไม่ได้เน้นความน่ากลัวเต็มสูบ แถมยังได้กลิ่นอายของผีเอเชียอย่างญี่ปุ่น เกาหลี แต่เรื่องนี้ก็นับว่าเป็นต้นแบบของหนังผีไทยหลายๆเรื่องต่อมา โดยเฉพาะฉากขึ้นหิ้งอย่าง “ผีขี่คอ” อันลือลั่น!

27.    The Conjuring (2013) คนเรียกผี

: อีกหนึ่งแฟรนไชส์ทำเงินของผู้กำกับมือดีอย่าง ‘เจมส์ วานน์’ ซึ่งนอกจากจะมีภาคต่อเป็นพรวน ยังมีภาคแยกย่อยอีกมากมาย จนเรียกว่าเป็นหนังจักรวาลหนังผีเหมือนหนังซุปเปอร์ฮีโร่เค้าทำกันแล้ว โดยเรื่องนี้คือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จอย่างดงาม หนังหยิบเอาประเด็นเรื่องจริงของ ‘มือปราบสิ่งลี้ลับ’ คู่หูสามีภรรยาที่มีประสบการณ์ช่วยเหลือเคสอาถรรพ์คำสาปต่างๆ เหมือนเป็นศูนย์บรรเทาทุกข์ผี อันที่จริงเรื่องนี้ได้รับการชื่นชมในแง่การสร้างบรรยากาศที่น่ากลัวกดดัน โดยไม่ต้องพึ่งฉากตุ้งแช่ แต่กับคนที่จิตแข็งมากหน่อย อาจจะเฉยๆไปเลย

26.    Below (2002) ดิ่งลึกหลอนสยอง

: หนังลึกลับสยองขวัญที่มีคอนเซปต์คือ “ความกลัวของมนุษย์” หนังพูดถึงลูกเรือดำน้ำทางการทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีภารกิจต้องดำดิ่งลึกลงไปในโลกที่ไร้แสงสว่าง ความมืด ความไม่รู้ เป็นจุดเริ่มต้นของความกลัว นอกจากข้าศึกในสงคราม ภัยอันตรายใต้ทะเล ยังมีเรื่องราวตำนานลึกลับที่ถูกกล่าวขาน ซึ่งทั้งหมดนั้นทำให้จิตใจของผู้คนในที่แคบๆเริ่มสั่นคลอน

แม้ตัวหนังจะเล่าช้าๆ แต่ด้วยบรรยากาศในที่แคบ ทำให้เรารู้สึกกดดันและมีส่วนร่วมตามไปด้วยไม่ยากเย็น

อันดับหนังผีสยองขวัญ

25.    Three อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต (2002)

หนังผีสยองขวัญร่วมทุนสร้างของ 3 ชาติ คือไทย เกาหลี และฮ่องกง โดยได้ 3 ผู้กำกับจากแต่ละชาติมารังสรรค์ไอเดียของตัวเองลงในหนังซึ่งแบ่งย่อยเป็นสามตอนที่เป็นเอกเทศกัน ถือว่าเป็นอีกหนังผีไทยในยุครุ่งเรื่องของหนังผี

ตอนที่ 1 : The Wheel โดย นนทรีย์ นิมิตรบุตร (#ประเทศไทย)

เรื่องราวของคณะละครหุ่นกระบอกที่ในอดีตบรรพบุรุษได้รับสืบทอดมาโดยไม่ชอบ จนนำคำสาปตกทอดมายังรุ่นลูกหลาน มีอันต้องเป็นไป เป็นตอนที่เน้นแสดงออกถึงความเป็นผีไทย มีผีนางรำ  ผีชฎา เนื้อหาตามสูตรที่จะเริ่มจากความแค้นที่นำมาสู่คำสาป

ตอนที่ 2 : Memories โดย คิมจีวุน (เกาหลีใต้)

เป็นตอนที่เริ่มต้นด้วยบรรยากาศคล้ายหนังระทึกขวัญ ซึ่งพูดถึงหญิงสาวผู้สูญเสียความทรงจำ และพยายามจะสืบความเป็นมาขอบตนเองจากร่องรอยที่มี แม้ว่าสิ่งที่รอคอยอยู่ปลายทางจะเป็นอะไรที่ชวนขนลุกก็ตาม ฉากผีเอานิ้วจกเข้าไปในหัวตอนท้ายเรื่อง ถือเป็นอีกหนึ่งฉากไอคอนนิคของหนังผีระดับคลาสสิค!

ตอนที่ 3 : Going Home โดย ปีเตอร์ ชาน (ฮ่องกง)

หนังตอนนี้เล่าถึงชายคนหนึ่งที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับร่างไร้วิญญาณของภรรยาในห้องเช่าเก่าๆ รายกับเธอยังคงมีชีวิตอยู่ หนังพาเราไปดูว่าทำไมชายคนหนึ่งถึงยังควรักภรรยาได้ขนาดนี้ จนดูเหมือนกับเป็นหนังรักที่เศร้ามากกว่า จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่หนังเปิดเผยถึงความลับหักมุมที่สมกับเป็นหนังสยองขวัญ กับตอนจบที่ชวนสะเทือนใจคนดูเป็นอย่างมาก

อันดับหนังผีสยองขวัญ

24.    Session 9 (2001) โรงพยาบาลซ่อนหลอน

เรื่องราวของคณะเก็บกวาดที่ถูกส่งมาโรงพยาบาลจิตเวชเก่าร้าง เพื่อเตรียมปรับปรุงพื้นที่ แต่ที่นี่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยประวัติดำมืด พร้อมกันนั้นก็เริ่มมีภัยบางอย่างค่อยๆคืบคลานเข้ามา ลูกทีมเริ่มเป็นบ้า กระทั่งไปพบวิดีโอเทปลับม้วนหนึ่งซึ่งเป็นของคนไข้จิตเวชที่เคยก่อเหตุชวนเหลือเชื่อ

หนังมีเทคนิคที่แพรวพราว บรรยากาศของโรงพยาบาลร้างชวนให้หลอนอยู่ในใจ ในการทำให้คนดูรู้สึกระแวดระวัง ไม่มีใครที่สามารถเชื่อใจได้ ปริศนาต่างๆที่ซ่อนอยู่ซึ่งถูกเฉลยในช่วงท้ายก็หักมุมแบบที่เดาได้ไม่ง่าย

อันดับหนังผีสยองขวัญ

23.    The Exorcist (1973) หมอผี เอ็กซอร์ซิสท์

หนังสยองขวัญขึ้นหิ้งระดับคลาสสิค ที่ต่อมามีการนำมารีเมคหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้รับการยอมรับเท่าภาคแรกในปี’73 อีกเลย

หนังว่าด้วยเรื่องราวของลูกสาวดาราชื่อดังที่มีอาการคล้ายจิตเภท เด็กสาวที่เคยเรียบร้อยกลับสบถด้วคำหยาบคาย รูปร่างหน้าตาที่นับวันก็ยิ่งดูเหมือนคนป่วยหนัก  จนสุดท้ายต้องเดือดร้อนหลวงพ่อมาทำพิธีปราบผี หากแต่สิ่งที่มันสิงสู่อยู่ในกายเธอ กับเป็นสิ่งที่ร้ายกาจยิ่งกว่าผีสางนางไม้ใดๆ ขนาดที่หลวงพ่อจากโบสถ์ดังก็เอาไม่อยู่!

นี่คือหนัง Horror ที่เคยเข้าชิงออสการ์กว่าสิบสาขา! นี่คือหนังผีที่มีฉากปราบผีซึ่งเป็นต้นแบบของวงการ..อันลือลั่น! นี่คือหนังสยองขวัญที่เบื้องหลังมีอาถรรพ์ชวนสยองไม่แพ้หน้าหนัง! แต่สำหรับคนยุคใหม่ที่กลับไปดูเรื่องนี้ อาจรู้สึกว่าไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถึงยังไงเรื่องนี้ก็ควรแค่แก่การหามาดูสักครั้ง

อันดับหนังผีสยองขวัญ

22.    Trick ‘r Treat (2007) กระตุกขวัญวันปล่อยผี

“อย่าลบหลู่วันฮาโลวีน”

วันฮาโลวีนซึ่งเด็กๆต่างเฝ้ารอคอยที่จะได้แต่งตัวแฟนซี จัดปาร์ตี้แสนสนุก และเที่ยวเคาะประตูรับขนม ภายใต้บรรยากาศที่ดูสนุกสนาน เฮาฮา กลับมีเรื่องชวนขนลุกคลืบคลานอยู่อย่างเงียบๆภายใต้เสียงหัวเราะ เนื่องจากมีบางคนละเมิดกฎของวันฮาโลวีน

นี่เป็นหนังสยองขวัญที่รวมเรื่องสั้น 4 เรื่องที่มีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติต่างกันทั้งผี ปีศาจ อาถรรพ์ภายใต้บรรยากาศวันฮาโลวีน ซึ่งแต่ละเรื่องก็จะมีจุดที่เชื่อมโยงกัน  เป็นหนังผีที่มีหลายอรรถรสเลยทีเดียว

อันดับหนังผีสยองขวัญ

21.    The Ring (2002), Ringu (1998) เดอะริง คำสาปมรณะ

“ผีทะลุจอ”

หนังซึ่งสร้างมาจากงานเขียนของนักเขียนนิยายสยองขวัญชื่อดังชาวญี่ปุ่น ที่ถูกสร้างขึ้นมาหลากหลายเวอร์ชัน แม้กระทั่งฮอลลีวูดก็เคยนำไปรีเมค ที่ถึงแม้แต่ละเวอร์ชันจะถูกดัดแปลงแตกต่างไปจากนิยายต้นฉบับ แต่มันก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป

เรื่องราวจะพูดถึงวิดีโอเทปต้องคำสาป ที่หากใครได้รับและเปิดดูจะมีอันเป็นไปภายใน 7 วัน ไม่มีทางหนี ไม่มีทางแก้ ไม่มีข้อยกเว้น เป็นหนังผีแนวคำสาปทวงแค้น ขณะที่ภายหลังมีหนังสือภาคต่อออกมาจากเดอะริง ที่ขยายปมแลถเบื้องหลังของคำสาปนี้ชนิดที่หน้ามือกลายเป็นหลังมือเลยทีเดียว ส่วนซาดาโกะผีในเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในต้นแบบของผีเอเชียระดับคลาสสิคเลยทีเดียว ด้วยท่าคลานออกมาจากจอทีวีอันตราตรึง!

อันดับหนังผีสยองขวัญ

20.    Drag Me to Hell (2009) กระชากลงหลุม

“อย่าลองดีกับมนุษย์ป้า”

เรื่องราวของพนักงานธนาคารสาวที่มีหน้าที่ไปทวงหนี้ลูกค้าเบี้ยว ในครั้งนั้นเป็นคราวของป้าแก่ประหลาดนางหนึ่งที่ร้องห่มร้องไห้เพราะไม่อยากถูกยึดบ้าน …

Admin

09/04/2018

สปอย 13 หนังสยองขวัญหักมุมชวนเงิบ รับประกันความเหวอโดย “ป้าอีที”

หากใครที่ชื่นชอบในภาพยนตร์แนว horror น่าจะคุ้นเคยกับเพจเฟสบุ๊คอย่าง “แฟนพันธุ์แท้ : หนังสยองขวัญ” กันดี ซึ่งเป็นเพจที่รวบรวมรายชื่อและเรื่องย่อของหนังสยองขวัญจากทั่วทุกมุมโลกให้คุณได้ตามดูกัน โดยเฉพาะทีเด็ดอย่างการ “สปอยหนัง” โดย..สปอยเลอร์จิตอาสาลูกเพจขาประจำอย่าง คุณป้า Chuchat Chotikachattham (aka ป้าอีที) ที่ทำให้คุณได้รู้เรื่องราวทั้งหมด แม้ว่าจะกลัวจนไม่กล้าหยิบมาดูก็ตาม

และนี่คือ..สปอยหนังสยองขวัญ ที่จะทำให้คุณแทบหงายเงิบ!

1. Devil’s Pond (2003)

สปอยล์ หนังหักมุม

#Devil’s Pond (2003) คุณหนูลูกเศรษฐี เห็นหนุ่มหล่ออยากได้ทำผัว แม่ห้ามแล้วก็ไม่ฟัง เถียงฉอดๆๆ สุดท้ายรู้ความจริงว่าหนุ่มคนนั้น . . . เล่นเอาหงายท้องเงิบ!

หนังหักมุมสุดเงิบเรื่องนี้ไง…ที่มีคนถามกันเข้ามามาก

เรื่องมีอยู่ว่า คุณหนูไฮโซแสนสวย เพรียบพร้อมทุกอย่าง เกิดไปปิ๊งหนุ่มหล่อหน้าตาดี แม้จะไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าดี แต่ด้วยความที่หนุ่มเจ้านั้นต้องสเปคนางแบบคนในฝัน เห็นครั้งแรกก็อยากฉิมพลีให้เลย งานนี้อยากได้ก็ต้องได้

นางหลงหัวปักหัวปำจนรำร้องจะแต่งงานสายฟ้าแลบให้ได้ เดือดร้อนถึงแม่ที่ทั้งห้ามทั้งบ่นเท่าไหร่นางก็ไม่ฟัง พร่ำบอกแต่ว่า “แม่ไม่เข้าใจหนู หนูจะเอาคนนี้” “เราเกิดมาคู่กัน เราเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดหายของกันและกัน” “เขาเป็นคนดีไม่ห่างเหิน!” เถียงคำไม่ตกฟาดฉอดๆๆๆ คือจะเอาให้ได้ว่างั้น

สุดท้ายได้แต่งงานอย่างที่หวัง ถึงวันฮันนีมูนพากันไปสวีทกันที่เกาะไพรเวทแห่งหนึ่ง ซึ่งปรากฎว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่นางเจอนั้นทำเอาเงิบมากๆๆๆๆ ต้องวิ่งหัวซุกหัวซุนจนอำอึ้งไปเลยทีเดียว ถ้าอยากรู้ว่าสิ่งที่นางได้ไปประสบพบเจอคืออะไรต้องหากันมาดู…

Spoil Alert! ความเห็นของป้า

2. Honeymoon (2014)

สปอยล์ หนังหักมุม

#Honeymoon (2014) คู่รักใหม่ปลามัน ผัวพาเมียไปฮันนีมูนตั้งแคมป์ในป่าอยู่ดีๆ พอตกดึกเมียไม่รู้เป็นอะไร หายไปยืนโทงเทงล่อนจ้อนกลางป่า พอพากชับมาพฤติกรรมก็เปลี่ยนเป็นคนละคน

เรื่องนี้ไงที่มีคนถามกันมาเยอะ หนังหักมุมสุดเงิบในป่า

คือมันจะมีหนังอยู่เรื่องนึง ดูจบนี่ถึงกับปวดหัวเลย เรื่องมีอยู่ว่าคู่รักพึ่งแต่งงานพากันไปสหวีวี่วีกันสองต่อสอง เนื่องจากผัวเป็นรักป่าไม้ จึงพาแฟนไปตั้งแคมป์ ชมธรรมชาติ ดูบรรดาสิงสาราสัตว์ คือเป็นอะไรที่น่าจะโรแมนซ์มากๆ แต่มันก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อคืนนั้นเองที่ผัวสะดุ้งตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าแฟนหายตัวไป หลังออกตามหาอยู่พักหนึ่ง ปรากฎว่าไปเจอแฟนยืนล่อนจ้อนโทงเทงท้าน้ำค้างกลางป่า ผัวก็พากลับและได้สังเกตเห็นความผิดปกติคือ นางมีรอยจ้ำๆอยู่เต็มตัว แถมบริเวณ “นาผืนน้อย” ของเจ้าหล่อนก็มีน้ำไสไหลเย็นหยดลงมาเรี่ยราดเป็นทาง หากอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางและผัว ต้องหาเรื่องนี้มาดู บอกเลยว่าเงิบ!

Spoil Alert! ความเห็นของป้า

3. The Snare 2017

สปอยล์หนังหักมุม

#The Snare 2017 คนเราถึงจะเคยกินหรูอยู่แพง แต่เวลาอับจนหนทาง หาอะไรได้คว้าอะไรเจอก็ต้องกิน!

หนังเรื่องนี้เคยดูกันไหม หนังที่มีตอนจบหักมุมหงายเงิบอีกแล้ว

เรื่องมีอยู่ว่าคณะเพื่อน 1 ชาย 2 หญิง ชวนกันไปหาความสุนทรีย์ริมทะเลในช่วงวีคเอ็น แต่กว่าจะเดินทางไปถึงได้เนี่ย มันช่างลำบากยากเย็น ต้องข้ามเขา ผ่านทางลัดเลาะคดเคี้ยววกวนไปมากว่าจะถึง จนอดสงสัยไม่ได้ว่า มันมีอะไรให้ไปดูในที่ห่างไกลขนาดนั้น แต่ผลลัพธ์ของความเหนื่อยยากคุ้มค่าเสมอ! สถานที่คือสวยมากกกก ที่พักสูงมองลงมาเห็นวิว มันต้องเป็นประสบการณ์เเสนพิเศษ เเต่ไม่เลย… เพราะทั้งเขาและเธอถูกขังปิดตายจากภายนอกอยู่ในนั้น อาหารและขนมขบเคี้ยวที่ตระเตรียมมาฟินก็เริ่มร่อยหรอลง แม้แต่น้ำดื่มก็ไม่เหลือ

สถานการณ์สุดวิกิต ความหิวโหยบวกกับอารมณ์ฉุนเฉียว คิดอะไรไม่ออกเห็นอะไรก็ต้องกินไว้ก่อน หนักเข้าต้องหันมากินอาหารที่เสียแล้ว ไล่จับแมลงเล็กๆ ไปจนถึงบางอย่างที่คุณไม่คิดว่าจะกินได้

กับบทสรุปของเรื่องที่ทำเอาหงายท้อง….ทำไมพวกเขาถึงถูกขัง แล้วใครกันที่เป็นคนทำ อยากรู้ต้องหามาดูเลย…

Spoil Alert! ความเห็นของป้า

4. Europa Report (2013)

สปอยล์หนังหักมุม

#Europa Report (2013) เมื่อวิทยาการก้าวหน้าถึงขนาดพาเราไปดูกันว่ามีอะไรซ่อนอยู่บนดาวที่ห่างไกล อย่างดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัส ที่ซึ่งคาดการณ์กันว่าที่นั่นจะต้องมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนดาวดวงนั้น แต่พอไปถึงเท่านั้นแหละ คือช็อคกันทั้งกัปตันยันลูกเรือ เพราะไม่คาดคิดว่าจะไปเจอกับสิ่งนี้!!

ยูโรปา (Europa) คือชื่อของดวงจันทร์บริวาณขอบดาวพฤหัส ดวงหนึ่งในอีกหลายดวง แต่มันกลับเป็นที่สนใจของนักวิจัยและนักดาราศาสตร์ เพราะคาดการณ์กันว่าภายใต้พื้นผิวที่เป็นน้ำแข็งหนานั้น มีมหาสมุทรที่ใกล้เคียงกับบนโลกสีครามของเราอยู่ แม้แต่นาซาเองก็มีความสนใจที่จะไปสำรวจที่นั่น บางทีหากเจาะลงไปใต้พื้นน้ำแข็ง อาจมีตัวอะไรต่อมีอะไรแหวกว่ายอยู่ในน้ำบนดาวนั้น…ก็เป็นได้!

ส่วนหนังเรื่องนี้ได้เข้ามาเติมเต็มจินตนาการในส่วนนั้น เมื่อมันพูดถึงคณะนักบินอวกาศกลุ่มหนึ่งได้ลงไปสำรวจยังดาวยูโรปา เพื่อไขความลับของข้อสงสัยที่ว่าอาจมีสิ่งมีชีวิตต่างดาวอยํ่ที่นั่น แต่เมื่อไปถึงแล้วเท่านั้นแหละ แทบช็อค! ถามว่ามีมั้ย? ถามว่าเจอมั้ย? ก็ต้องบอกว่าเจอและมี แต่การค้นพบในครั้งนี้อาจแลกมาซึ่งชีวิตนักสำรวจ เพราะอะไรบางอย่างที่ว่านั้นมันเข้าจู่โจมพวกเขาอย่างน่าสะพรึง!!

Spoil Alert! ความเห็นของป้า

ป้าสปอยล์เอาไว้เพียงเท่านี้!!

5. The Woods (2006)

สปอยล์ หนังหักมุม

XX (2017) ความอยากรู้อยากเห็นเป็นเหตุ เมื่อลูกตัวเองไปขอดูกล่องสีแดงของลุงที่นั่งอยู่บนรถไฟเบาะข้างๆ ปรากฎว่ากลับบ้านมาลูกแปลกไป ไม่กินข้าวปลา เหมือนเจออะไรสักอย่างที่น่ากลัวมากมา

หนังเล่าถึงคุณเเม่กับลูกอีกสองคนเดินทางกลับบ้านโดยรถไฟใต้ดิน บังเอิญว่าที่เบาะข้างๆมีลุงแก่ในชุดสูท นั่งถือกล่องบางอย่างที่มีสีแดงฉูดฉาด เป็นอันต้องตาอย่างมาก แล้วลูกชายก็เกิดซนขึ้นมาอย่างไรไม่ทราบ พยายามเซ้าซี้อยากจะดูว่ามีอะไรอยู่ในกล่องสีสวยนั่น แม่ปรามก็ไม่ฟัง สุดท้ายตาลุงก็อุตส่าห์เปิดให้ดู

แต่ทันทีที่ได้ดูอะไรก็ตามในกล่องนั้น เด็กชายคนนั้นถึงกับอึ้งงัน แล้วนั่งเงียบไม่พูดไม่จาสุงสิงกะใครเลย กระทั่งกลับมาบ้านก็มีอาการแปลกๆ ไม่ยอมกินข้าวปลา เอาแต่นั่งเก็บตัวอยู่คนเดียว จนพี่สาวกับพ่อไปทู่ซี้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ไปเห็นอะไรในกล่องเข้า พอกระซิบบอกพี่สาวบอกพ่อ กลายเป็นว่าทั้งคู่ก็นิ่งงึนงันไปแบบเดียวกัน กลายเป็นว่าจากเป็นคนเดียวรอนนี้ลามไปสามเลย อะไรกันที่ทำให้พวกเขาเป็นได้มากขนาดนี้ มีอะไรอยู่ในกล่องกันแน่?

เป็นหนังที่ประกอบด้วยเรื่องสั้นสุดประหลาด 4 เรื่อง คล้ายๆสี่เเพร่งบ้านเรา เรื่องที่ว่ามานี้คือ The Box  นอกจากนี้ยังมี The Birthday Party, Don’t Fall, Her Only Living Son อีกด้วย

Spoil Alert! ความเห็นของป้า

6. THE RITUAL (2018)

สปอยล์หนังหักมุม

#THE RITUAL (2018) เพื่อนสนิทชายสี่คน ได้ท่องเที่ยวไปในป่าไม้เดียวกัน แต่ขากลับนี่สิ ดันไปเจออะไรไม่ชอบมาพากล ยิ่งหาทางออกก็ยิ่งหลง สุดท้ายคือกลับออกมาได้ไม่ทุกคน

เรื่องนี้ไงที่จะทำให้หลายคนกลัวที่จะไปเดินป่า เรื่องมันมีอยู่ว่ามีเพื่อนชาย 4 คนชวนกันไปเที่ยวสวีเดนเพื่อชมธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร เรียกว่าวิวและทัศนียภาพนี่คือสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ชมไปพลางพักกางเต๊นท์กันไปพลาง แต่ถึงอย่างไรทั้งหมดก็กะว่าจะไปกลับไปนอนที่พักที่จองกันไว้แล้ว แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝัน หนึ่งในนั้นขาเจ็บเดินต่อไม่ไหว ทำให้จากเดิมที่ตั้งใจใช้เส้นทางอ้อมป่ากลับ ก็เลยลัดป่ามันซะเลย เผื่อจะย่นระยะทาง แต่ทันทีที่ก้าวเท้าเหยียบย่างเข้าไปเท่านั้นแหละ! แทบช็อคกับสิ่งที่ได้พบเห็น นั่นอะไรมันห้อยโตงเตงอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ป่าผืนนี้มีบางอย่างที่ไม่ควรอย่างกรายเข้ามารอเหยื่อผู้หลงทางอยู่ บอกเลยว่างานนี้ไม่ได้กลับออกมากันครบทุกคน!

Spoil Alert! ความเห็นของป้า

7. The Twilight Zone (2002)

# The Twilight Zone (2002) ตำนานแห่งความพิศวง! นี่คือตอนหนึ่งของซีรี่ย์ ชื่อตอนว่า The Pool Guy ชายคนหนึ่งมีชะตากรรมจะต้องตายซ้ำเเล้วซ้ำเล่า พอตายปั๊บ..ก็จะสะดุ้งตื่นฟื้นขึ้นมาบนเตียงทุกครั้งไป นั่นหมายความว่าเขาจะต้องพบเจอกับเรื่องน่ากลัวที่สุดชีวิตวนเวียนไป ไม่รู้จบ!

เรื่องนี้เป็นมินิซีรี่ย์ระดับตำนาน เป็นต้นแบบของความวายป่วงที่ถูกนำไอเดียไปดัดแปลงในหนังหรือสื่ออื่นๆมากมาย คนสวนชายบ้านเศรษฐี ต้องประสบเข้ากับเรื่องเหนือธรรมชาติ(?) เมื่อเขาต้องติดอยู่ในลูปที่ต้องพบกับ “ความตาย” อย่างเลี่ยงไม่ได้ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทุกครั้งที่ตายจะฟื้นขึ้นมาพร้อมกับแผลเป็นจากครั้งก่อน นี่มันเป็นเพียงความฝันเท่านั้นหรือเปล่า? แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถหนีมันพ้น มันยังคงดำเนินไป …

Admin

03/04/2018
1 47 48 49